รักแสนชัง ฤดูเหมันต์冬季不爱你

รักแสนชัง ฤดูเหมันต์冬季不爱你

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
1.7K
ชม
18
บท

ไหว้ฟ้าดิน ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้พ่อแม่ คำนับกันและกัน สองคนกลายเป็นสามีภรรยา รักใคร่กลมเกลียว กลมเกลียวกับผีนะสิ นางไม่ได้อยากแต่งกับบุรุษที่มีคนรักเช่นเขา แต่งเข้ามาเพื่อมองพวกเขารักกันนางยิ่งทำใจไม่ได้ ในเมื่อไม่รักกันเช่นนั้นพวกเราก็ "หย่า" กันเถอะ นางจะทำทุกทางให้เขาหย่ากับนางให้ได้

บทที่ 0 บทนำ

ไหว้ฟ้าดิน

ไหว้บรรพบุรุษ

ไหว้พ่อแม่

คำนับกันและกัน

สองคนกลายเป็นสามีภรรยา

รักใคร่กลมเกลียว

รักใคร่กลมเกลียวกับผีน่ะสิ ลี่ถิงที่นั่งรอในห้องหอกำลังนั่งด่าว่าที่สามีที่ปล่อยให้นางรออยู่ครึ่งค่อนคืนก็ยังไม่มา ในเมื่อไม่มานางก็หมดความอดทน จึงปลดผ้าคลุมมงคลออก ทันใดนั้นเสียงท้องก็ร้องขึ้น นางมองของที่วางอยู่บนโต๊ะเหล้าสุรามงคล ขนมมงคลพวกนั้นเห็นทีว่ากินไปแล้วคงติดคอตาย

หันมองซ้ายขวาด้านนอกมีแต่เสียงคนดื่มเหล้าเมามาย เสียงงิ้วก็กลบเสียงรอบด้านจนหมด นางมองสาวใช้จู่หลิงก็เห็นหลับฟุบข้างเตียงไปแล้ว จึงย่องออกจากห้อง

เป้าหมายของนางคือ ห้องครัว

ตั้งแต่ยามเหม่า[ เวลา 05.00-06.59 น.]จนถึงยามจื่อ[ เวลา 23.00-00.59 น.]ข้าวสักเม็ดก็ไม่ตกถึงท้อง ยามนี้นางไม่สนเรื่องเข้าหอพวกนั้น หวังเพียงหาอะไรตกถึงท้องก็พอ

เรือนเหลียนฮวาที่เป็นเรือนหอของนางนั้นตั้งอยู่ที่ทิศประจิม[ ทิศตะวันตก] ของจวน ลี่ถิงเงยหน้ามองหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมา

“เข้าฤดูเหมันต์แล้วหรือ” ใบหน้านางเศร้าลงมองไปทางหินที่เริ่มมีหิมะเกาะ คงเหมือนกับใจนางในตอนนี้ที่ไม่ปรารถนาจะแต่งงานกับบุรุษที่ไหว้ฟ้าดินด้วยกันเมื่อตอนกลางวัน

นางไม่อยากแต่ง เขาก็ไม่อยากแต่ง

เมื่อไม่อยากแต่งแต่จำต้องแต่ง นางถึงได้อยู่ในสภาพเช่นนี้

ลี่ถิงเก็บน้ำตาที่เอ่ออยู่ขอบตากลับเข้าไปดังเดิม จะมาร้องไห้ตอนนี้ก็คงจะทำให้คนเขายิ่งหัวเราะ นางจึงจำต้องหาอะไรมากินให้อาหารตกถึงท้องก่อน

เมื่อคิดได้ว่าสิ่งไหนสำคัญกว่านางก็เลยก้าวย่ำลงไปบนหิมะที่ปกคลุมพื้นหิน เดินไปได้ไม่นานก็เจอกับสวนดอกไม้พร้อมกับน้ำตกและสระบัวขนาดใหญ่ สายตานางมองไปยังทิศทักษิณ[ ทิศใต้]เป้าหมายของนางคือห้องครัว

แต่การจะผ่านด่านนั้นได้ ลี่ถิงก็ต้องไม่ให้คนอื่นเห็น หันมองทางขวาก็มีผู้คนในงานยังดื่มสุราชมงิ้วกันอย่างสนุกสนาน นางจึงเลี่ยงไปทางซ้ายที่มีต้นเหมยฮวาที่ร่วงโรยเหลือเพียงกิ่งไม้ ด้านบนมีหิมะเกาะอยู่แทน

กำลังจะเดินให้เร็วขึ้นก็ได้ยินเสียงคนที่อยู่ใต้ต้นเหมยฮวาพูดขึ้น ทำให้นางที่จะก้าวเท้าต้องหยุดลง

“พี่ฝูฉาง พวกเราหนีไปกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่สนเงินทองพวกนั้นขอแค่มีท่านกับข้า ข้าก็พึงพอใจแล้ว”

“อี้เอ๋อร์ เรื่องราวมันไม่ได้ง่ายเพียงนั้น ข้าเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูลเหอ ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบย่อมสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว”

“เพราะเช่นนี้ท่านถึงได้แต่งงานกับสตรีผู้นั้น นางเป็นแค่บุตรสาวบัณฑิตยากจนที่สอบได้แค่ซิ่วไฉ แต่กล้าขอแต่งเป็นฮูหยินเอกของท่าน”ซินอี้เอ่ยวาจาน้อยใจ นางกับฝูฉางเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก บิดานางเป็นพ่อบ้านของสกุลเหอมาร่วมยี่สิบปี ถือเป็นบุคคลสำคัญของสกุลเหอ ผู้บุกเบิกเส้นทางสายไหมจนทำให้สกุลเหอร่ำรวยมาจนถึงทุกวันนี้

นางคิดว่าอย่างไรเสียชีวิตนี้ก็จะเป็นภรรยาเขา รักใคร่กลมเกลียวไม่เปลี่ยน แต่แล้วจู่ๆ สกุลเถียนก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ เข้ามาแย่งตำแหน่งฮูหยินเอกของนางไป แล้วจะให้นางอยู่เฉยได้เช่นไร

“ถึงจะแต่งงานกัน แต่ข้าก็รักเจ้าไม่เปลี่ยน ถึงนางได้เป็นฮูหยินเอก แต่ข้าก็สามารถรับเจ้าเป็นอนุได้ อี้เอ๋อร์ เจ้ายินดีจะเป็นอนุให้ข้าหรือไม่”

ซินอี้มีสีหน้าครุ่นคิด จะหนีไปก็ไม่ได้ จะอยู่ก็เป็นได้แค่อนุ แต่เพราะความรักบังตานางจึงยอมเอ่ยตอบรับ

“ข้ายินดีเป็นอนุให้ท่าน แต่ท่านต้องสัญญาว่า วันนี้ไม่รักนาง พรุ่งนี้ก็ไม่รัก และชาตินี้อย่าได้สนใจสตรีอื่นนอกจากข้า” ซินอี้ขอให้ฝูฉางสาบาน

คุณชายฝูฉางที่จิตใจเต็มไปด้วยความรักยกมือขึ้นสาบานแล้วกล่าววาจาชัดเจน

“ข้าเหอฝูฉาง ขอสาบานว่า จะไม่รักแม่นางลี่ถิง หากผิดคำสาบานขอให้ข้ามีอันเป็นไป”

ซินอี้ที่ร้องไห้น้ำตาเปื้อนแก้มรีบยิ้มแล้วโผเข้ากอด สองคนกอดกันรักใคร่โดยไม่สนใจว่าใครจะมาเห็น

คนที่หิวและบังเอิญได้ยินคำสาบานนั้นพอดี ก็เบ้ปากใส่ภาพนั้น ท่านไม่อยากแต่งกับข้า ข้าก็ไม่ได้อยากแต่งกับท่านเหมือนกัน

“เชิญพวกท่านรักกันให้หิมะทับตัวตายไปเลย

เพราะตอนนี้ข้าหิวข้าว!!”

หลังจากกินข้าวอิ่มลี่ถิงก็กลับมานอนหลับยาวจนถึงรุ่งเช้า และแน่นอนว่าเขาไม่ก้าวเข้ามาในห้องนางสักก้าว ซึ่งสำหรับนางแล้วถือว่าเป็นเรื่องดี

จู่หลิงสาวใช้ปรนนิบัติแต่งตัวให้พลางก็บ่นไปพลาง “คุณชายเหอทำเช่นนี้ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติคุณหนูเลยสักนิด”

ลี่ถิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจก เงยหน้ามองไปทางหน้าต่าง เห็นดอกเหมยฮวาคนละต้นกับเมื่อวานกำลังไหวเอนตามลมหนาว

“จู่หลิงเจ้าอย่าพูดถึงคนผู้นั้นให้ข้าอารมณ์เสียเลย” นางคิดว่าจะรีบทำผมเพื่อไปคารวะฮูหยินใหญ่ที่เรือนทิศบูรพา[ ทิศตะวันออก]

ปัง!! เสียงประตูนั้นทำให้พวกนางตกใจ จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังติดๆ กัน

“ออกมาคุยกันที่ศาลาข้างนอก” น้ำเสียงขุ่นเหมือนโกรธกันมาสิบชาติทำให้ลี่ถิงเบ้ปาก วางหวีหยกในมือลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปจู่หลิงก็รีบนำเสื้อกันหนาวมาคลุมให้

ลี่ถิงมองเสื้อกันหนาวสีแดงตัดขอบสีขาวเข้ากับชุดสีแดงที่นางชอบใส่ก็ยิ้มรับ จากนั้นก็เดินไปยังศาลา เห็นคุณชายฝูฉางยืนหันหลังให้เอามือไขว้หลัง ท่าทางเขาตอนนี้กับเมื่อคืนช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

ลี่ถิงเดินมายืนอยู่ด้านหลังเขาแล้วเอ่ย “ท่านอยู่ส่วนท่าน ข้าอยู่ส่วนข้า พวกเราต่างคนต่างอยู่ ท่านจะกล่าวเช่นนี้ใช่หรือไม่”

คนที่หันหลังอยู่หันมามองหน้าลี่ถิง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองใบหน้าคนที่เป็นภรรยาอย่างชัดเจน ดวงตากลมใส คิ้วบางดั่งกิ่งหลิว จมูกพองาม ริมฝีปากแดงราวลูกอิงเถา

‘งาม แต่ก็ไม่งามเท่าซินอี้ของเขา’

“ดี ถ้าพูดง่ายเช่นนี้ข้าก็ไม่ต้องเปลืองน้ำลาย” สีหน้าฝูฉางโล่งใจที่ลี่ถิงเห็นด้วย

แต่...พอเห็นหน้าดีใจแล้วนางก็รู้สึกว่าไม่สนุก

“แต่ท่านก็ทราบว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในสกุลเหอ ท่านยังเป็นคุณชายของที่นี่หาใช่นายท่านใหญ่ จะทำการสิ่งใดก็ล้วนอยู่ในสายตาของบิดาท่าน และข้าซึ่งเป็นฮูหยินของท่านก็ต้องถูกจับตามองเช่นกัน ท่านไม่สนใจข้าก็ยิ่งทำให้ฐานะข้าในจวนนี้ลำบาก”

ฝูฉางทำคิ้วขมวดไม่เข้าใจความหมาย “ก่อนหน้าเจ้าพูดว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่ทำไมประโยคหลังถึงพูดเหมือนว่าเราต้องเกี่ยวข้องกัน”

“ท่านเข้าใจถูกแล้ว ลับหลังพวกเราจะต่างคนต่างอยู่ แต่ต่อหน้าผู้คนนั้นพวกเราจะต้องแสดงบทสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียว เพื่อที่ข้าจะได้อยู่ในจวนอย่างมีเกียรติ”

คิ้วหนายกขึ้นสูง “ให้ข้าแสดงละคร?” สีหน้านั้นเหมือนกล้ำกลืนฝืนทนอย่างที่สุด

“อีกไม่กี่วันข้าจะแต่งอี้เอ๋อร์เข้ามาเป็นอนุ”

“ก็แล้วแต่ท่าน”

“แล้วจะให้ข้าแสดงความรักกับเจ้า?”

“ท่านไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไปบอกบิดาท่านว่าพวกเราอยากจะหย่าดีหรือไม่?”

แต่งเมื่อวานวันนี้หย่า นี่มันธรรมเนียมอะไรกัน ถ้าเขาทำเช่นนี้อาจจะถูกไล่ออกจากจวนก็ได้ คนถูกบีบก้าวเท้าไปหาลี่ถิงอีกหนึ่งก้าว

ลี่ถิงก็ถอยหลังหนึ่งก้าวเว้นระยะห่าง “ท่านจะทำอะไร”

มุมปากนั้นยิ้มเย้ย “ข้าคิดว่าเจ้าชอบข้าเสียอีกถึงได้เสนอสิ่งนั้นออกมา”

ริมฝีปากบางเบ้ใส่อย่างไม่ปิดบัง “ท่านอย่าได้หลงตัวเอง ที่ข้าทำก็เพื่อรักษาหน้าสกุลเถียนถึงอย่างไรเกียรติและศักดิ์ศรีตระกูลข้าย่อมสำคัญกว่าตัวข้า”

“หึ อย่าพูดคำว่าศักดิ์ศรีให้ข้าฟัง ในเมื่อบิดาเจ้าเป็นคนยัดเยียดเจ้าให้สกุลเหอ”

“ท่าน!!” ลี่ถิงถูกยั่วยุจนโกรธหน้าดำหน้าแดง เขามันน่ารังเกียจ และปากร้าย

“ใครจะอยากแต่งกับคุณชายไม่เอาไหนเช่นท่านกันเล่า”

“ว่าใครไม่เอาไหน”

“ก็ถ้าท่านมีฝีมือเหตุใดบิดาท่านถึงไม่มอบหมายงานให้ทำ วันๆ เอาแต่วิ่งตามบิดาไม่ห่าง”

ฝูฉางก้าวเท้าเข้าไปใกล้คล้ายคนเจียนหลุดสติ ลี่ถิงก็รีบวิ่งหนีไปอีกด้าน ก้าวเท้าลงบันไดอย่างรีบร้อนจนไม่ระวังทำให้

“ว้าย” ลี่ถิงตกใจเพราะตัวเองกำลังจะตกพื้น แต่แล้วก็มีมือของฝูฉางมารับเอาไว้ สองคนมองหน้ากันเพียงครู่ด้วยความตกใจก่อนที่

“พวกท่านทำอะไรกันน่ะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างตกใจ

“โอ๊ย” เช่นเดียวกับมือของฝูฉางที่ประคองลี่ถิงรีบปล่อย จนนางล้มลงก้นกระแทกพื้น

“ท่านจะฆ่าข้าใช่ไหม” นี่มันแรงกว่าตอนแรกเสียอีก

แต่คนทำไม่ได้สนใจนาง เพราะกำลังวิ่งตามซินอี้ที่งอนวิ่งหนีไปอีกเรือนหนึ่ง ปล่อยให้นางจมอยู่บนกองหิมะกำลังจะลุกขึ้นก็มีมือใครบางคนส่งมาให้

ลี่ถิงเงยหน้ามองก็พบว่าเป็น “คุณชายป๋อเหวิน”

ป๋อเหวินเป็นลูกพี่ลูกน้องของฝูฉาง บิดาเขาเป็นน้องชายของนายท่านใหญ่ ดูแลกิจการทางเหนือ นานๆ ถึงจะกลับมาสกุลเหอ ส่วนป๋อเหวินก็คอยดูแลบัญชีของสกุลเหอ ซึ่งบุรุษหยาบคายอย่างสามีนางทำไม่ได้

ใบหน้างามได้รูปราวกับเทพเซียน แตกต่างกับสามีนางที่หยาบกระด้างราวกับเทพสงคราม นางไม่ได้ส่งมือให้เขา แต่พยายามจะลุกขึ้นด้วยตัวเอง

กำลังจะยกมือปัดหิมะออก ป๋อเหวินก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้

“ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นสะใภ้สกุลท่านแล้ว เกรงว่าคงจะไม่เหมาะ” นางพยายามขยับถอยห่างอีกนิด

ป๋อเหวินมีท่าทางไม่พอใจกับคำนั้น “เจ้าก็รู้ว่าเจ้าแต่งเพราะอะไร ส่วนพี่ฝูฉางแต่งเพราะอะไร เหตุใดต้องทำให้เป็นจริงเป็นจัง”

“ถึงข้าจะรู้เหตุผลพวกนั้น แต่คนอื่นไม่รู้ ดังนั้นการรักษาเกียรติชื่อเสียงของตระกูลย่อมสำคัญกว่า”

ป๋อเหวินไม่เข้าใจเหตุผลพวกนั้นอยู่ดี สีหน้าเรียบนิ่งนั้นเอ่ยอย่างจริงจัง

“หากวันใดเจ้าเบื่อละครงิ้วนี้แล้วก็จงบอกข้าเถอะ ข้าพร้อมจะดูแลเจ้าเสมอ”

“...” ลี่ถิงพูดไม่ออก เหตุใดชะตาถึงได้สลับกันเช่นนี้เล่า

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สยบ(รัก)คุณป๋า

สยบ(รัก)คุณป๋า

RICHES.
5.0

วันวิวาห์ ตกหลุมรักผู้อุปการะของเธอตั้งแต่แรกพบ หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างให้เขาภาคภูมิใจ แต่ดูเหมือนว่าสายตาคู่นั้นจะมองเห็นแค่เพียงเด็กที่ก่อปัญหาวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน... เธอ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างความสัมพันธ์ รามิล นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมหรูอย่าง A.W.HOTEL ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับวันละหลายรอบ เมื่อเด็กที่เขาอุปการะไว้เจ็ดปีก่อนกลับมาเยือนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง... เขา พยายามรักษาระยะห่าง แต่เธอดันชอบเข้ามาในระยะประชิด กระทั่งวันที่ทั้งสอง ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า... สิ่งเดียวที่เธอต้องการจากเขาคือ ความรัก แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องการจากเธอคือ  ความลับ สุดท้ายแล้วความรักที่มาพร้อมความลับมันจะลงเอยแบบไหนกัน?

เสี่ยงรักสัจอธิษฐาน

เสี่ยงรักสัจอธิษฐาน

ปลายฟ้า
5.0

เพราะการบนบาลครั้งนั้นทำให้เธอต้องรีบหาสามีเพื่อผลิตลูกไม่อย่างนั้นเธอก็จะต้องเจอกับสิ่งลี้ลับและผู้โชคดีที่จะเป็นพ่อของลูกของเธอก็ดันรุ่นราวคราวพ่อเธอจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร..... ...................................///............................... ทุกคนเชื่อในเรื่องการผิดคำพูดในการบนบานศาลกล่าวกันหรือเปล่า... เรื่องราวที่ไรท์จะเขียนในนิยายเป็นเรื่องที่นางเอกของเราเคยบนบานเอาไว้และเมื่อสิ่งที่บนประสบผลสำเร็จนางเอกของเราก็จะต้องแต่งงานกับผู้ชายคนแรกหลังตื่นเช้าของอีกวันและผู้ชายคนนั้นก็คือ...พระเอกของเราเองค่า.. แต่..แต่..แต่..ว่า...พ่อพระเอกของเราไม่ได้จะยอมง่ายๆเพราะว่านางเอกดันอายุอ่อนกว่าเขายี่สิบกว่าปีเรียกว่ารุ่นลูกยังได้ แต่หากพระเอกของเราไม่ยอมแม่นางเอกของเราก็ต้องตื๊อให้ยอมจนได้... เพราะว่า... เธอ... ไม่อยากจะเจอเรื่องซวยๆอีกต่อไป.. ความสนุกของเรื่องนี้จะเกิดจากความโก๊ะๆเปิ่นๆของนางเอกแถมความลี้ลับที่นางเอกต้องเจอ...มันสร้างความเดือดร้อนให้เธอมากมายจนพระเอกของเราต้องคอยปกป้องนางเอกของเราอยู่ตลอด...นานวันเข้าทั้งสองก็...(คิดกันเอาเอง อิๆๆ) เรื่องราวจะเป็นอย่างไร...ติดตามกันได้ในเรื่อง เสี่ยงรักสัจอธิษฐาน.. ได้เลยนะคะ.. เนื้อหาชื่อคนหรือสถานที่ในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใดขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

เกิดใหม่ในเงามืด

เกิดใหม่ในเงามืด

Orson Erickson
5.0

ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ