ย้อนเวลาไปในยุค80เพื่อร่ำรวยในอนาคต

ย้อนเวลาไปในยุค80เพื่อร่ำรวยในอนาคต

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
148
ชม
10
บท

จ้าวหมิงหมิงได้รับเป็นวิทยากรสัมภาษณ์ นักธุรกิจค้าหยกที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ เมื่อพบหน้ากันอีกฝ่ายก็บอกว่าเธอภรรยาของเขาในอดีต จ้าวหมิงหมิงคิดว่าเป็นเรื่องตลก จนกระทั่งตัวเองได้ย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง เธอจะสามารถแก้ไขชะตาของตัวเองที่ได้รู้ล่วงหน้าหรือไม่ หรืออาจจะไม่อาจทำอะไรได้เลย

บทที่ 1 No.1

เมืองเทียนจิน มหาวิทยาลัยนานไค

จ้าวหมิงหมิง เป็นนักศึกษาคณะอัญมณีศาสตร์ชั้นปีที่ 3 เธอเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการดูหยกและแกะสลักหยกเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นตัวเต็งในบรรดานักศึกษาทั้งหมดในชั้นปีที่จะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองเมื่อจบการศึกษาหากยังสามารถรักษาผลการเรียนเช่นนี้ได้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า

ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่จ้าวหมิงหมิงเชี่ยวชาญคือการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ ด้วยความเป็นคนสมองดีทำให้ไม่ว่าตรอกซอกซอยเล็กน้อยตรงจุดไหนในเมืองเทียนจินเธอล้วนจำได้จนขึ้นใจทั้งสิ้นคล้ายมีแผนที่อยู่ในหัว การส่งอาหารของหญิงสาวจึงเร็วกว่าพนักงานส่งเจ้าอื่น ประกอบกับเจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสีเขียวสดคู่ใจที่เธอตั้งชื่อให้ว่าเจ้า ‘ไป๋ช่าย’[ ผักกาดขาว (Chinese cabbage)] นั้นมีขนาดกะทัดรัดจึงทำให้สามารถเดินทางได้คล่องตัว

วัน ๆ หนึ่งจ้าวหมิงหมิงจึงหาเงินจากการส่งอาหารได้หลายร้อยหยวน หญิงสาวถือคติว่า

‘ขอเพียงตัวเราขยันขันแข็ง โชคชะตาย่อมรับใช้เรา’ [ มาจากสุภาษิตจีน 只要自己努力, 命运会为你效劳的。]

ซึ่งเป็นคำสอนของทวด ทวดสอนพ่อ พ่อก็จำเอามาสอนเธอออีกทีเป็นทอด ๆ

วันนี้จ้าวหมิงหมิงจึงออกมาวิ่งงานในช่วงเช้าก่อนกลับเข้าคณะเพื่อไปเป็นพิธีกรในงานประชุมวิชาการประจำปีของมหาวิทยาลัย

วันนี้เธอได้รับหน้าที่ให้สัมภาษณ์คุณ เซิ่นหวินเผิง นักธุรกิจชื่อดังระดับโลกที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการอัญมณีตั้งแต่ยุค 70 เขาประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครื่องประดับโดยเฉพาะการส่งออกหยกจนหินชนิดนี้กลายเป็นสินค้าสำคัญของประเทศตั้งแต่อายุเพียงสามสิบเท่านั้น และใช้ชีวิตอย่างยาวนานจนอายุย่างเข้าเจ็บสิบในปีนี้

จ้าวหมิงหมิงตื่นเต้นมากที่จะได้สัมภาษณ์คนที่เธอยกให้เป็นต้นแบบในการทำงาน อีกทั้งผลงานของเขายังเป็นแรงบันดาลใจให้เธอมาเรียนที่คณะอัญมณีศาสตร์แห่งนี้ด้วย

หญิงสาวทำการบ้านเกี่ยวกับประวัติของเซิ่นหวินเผิงโดยละเอียดและเตรียมคำถามจนดึกดื่น วันนี้เช้าจึงต้องซัดกาแฟไปถึงสองแก้วกว่าจะขุดตัวเองขึ้นจากเตียงออกมาส่งอาหารได้

อีกหนึ่งชั่วโมงจะต้องขึ้นเวทีจ้าวหมิงหมิงจึงรีบบึ่งเจ้าไป๋ช่ายน้อยไปทางหอประชุมใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางมหาวิทยาลัย แต่แล้วหางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเธอไม่ผิดเพี้ยนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน!

ต่างกันแค่เพียงผู้หญิงคนนั้นสวมชุดฉีผาว หรือชุดกี่เพ้าสีเขียวใบไผ่ ผมที่ยาวถึงกลางหลังเปียแกละสองข้างพาดอยู่บนหน้าอก เธอยิ้มอ่อนให้จ้าวหมิงหมิงพร้อมชี้ไปทางหอประชุม

แต่พอจ้าวหมิงหมิงกะพริบตาผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้วเหลือเพียงเจ้าหมาน้อยตัวขาวขนปุยที่ยืนหน้าแป้นอยู่กลางถนนทำเอาเธอหักรถหลบเกือบไม่ทัน

“ว๊าย!”

โครม!

รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของจ้าวหมิงหมิงล้มเค้เก้อยู่บนพื้นทับขาข้างซ้ายของเธอเต็ม ๆ จนเป็นแผลบาดยาวเลือดไหลเป็นทาง หญิงสาวกัดฟันยกรถขึ้นเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดจนหน้าเบ้

“เธอเป็นอะไรไหม ฉันขอโทษจริง ๆ นะที่ปล่อยให้หมาหลุดมายืนอยู่กลางถนน” นักศึกษาสาวที่คงเป็นเจ้าของหมาน้อยตัวนั้นรีบมาขอโทษขอโพย

“ไม่เป็นไร” แม้ขาจะเต็มไปด้วยเลือดแต่จ้าวหมิงหมิงก็ยังไม่โกรธตามนิสัยที่เป็นคนโกรธยาก หายง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

“ให้ฉันพาไปทำแผลที่ห้องพยาบาลนะ”

“ไม่เป็นไร ฉันมีสัมภาษณ์นักธุรกิจที่หอประชุมต้องรีบไป” พิธีกรสาวปฏิเสธ

“แต่เธอก็ไม่สามารถขึ้นเวทีทั้ง ๆ ที่ขาโชกเลือดแบบนี้ได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ คนในหอประชุมคงตกใจกันแย่เลย”

...ก็จริงของเพื่อนนักศึกษา

สุดท้ายจ้าวหมิงหมิงก็จำต้องให้เจ้าของสุนัขตัวน้อยประคองไปทำแผลที่ห้องพยาบาลแต่โดยดี กว่าหญิงสาวจะมาถึงเวทีก็เหลือเวลาอีกเพียงห้านาทีเท่านั้นก็จะถึงคิวของเธอ เธอจึงไม่มีเวลาพอที่จะตระเตรียมซักซ้อมคำถามกับแขกที่จะสัมภาษณ์เหมือนที่เคยทำกับท่านอื่น ๆ ที่เธอเคยผ่านมา

“ฉันนึกว่าเธอจะมาไม่ทันแล้วหมิงหมิง ทีมงานใจหายใจคว่ำกันหมด” เพื่อนชายที่รับหน้าที่เป็นผู้กำกับเวทีพูดอย่างโล่งใจ “ว่าแต่ขาของเธอเป็นอะไรมากไหม เดินขึ้นเวทีไหวหรือเปล่า”

“ไหวสิ โชคดีที่วันนี้เป็นการนั่งสัมภาษณ์ ฉันจึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร...แล้วคุณเซิ่นหวินเผิงล่ะอยู่ที่ไหน” พิธีกรสาวถามเมื่อไม่เห็นว่าแขกมาสแตนบายที่ข้างเวทีด้วยกัน

“คุณหวินเผิงอายุมากแล้ว ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเลยให้รออยู่ที่ห้องพักด้านในกับผู้ดูแล ระหว่างที่ท่านยังเดินมาไม่ถึงเธอก็ช่วยพูดถ่วงเวลาไปก่อนแล้วกัน”

“ได้สิ”

เมื่อได้รับสัญญาณจ้าวหมิงหมิงก็ก้าวขึ้นเวทีอย่างมั่นใจด้วยท่าทางไม่ต่างจากพิธีกรมืออาชีพในรายการโทรทัศน์

“สวัสดีค่ะ คณาจารย์และเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน” เธอกล่าวทักทายเสียงดังฟังชัดเพื่อเรียกความสนใจของผู้ชมทุกคนให้มารวมอยู่ที่เธอเป็นจุดเดียว “ดิฉันจ้าวหมิงหมิง รับหน้าที่เป็นพิธีกรของทุกท่านในช่วงสัมภาษณ์อันมีค่านี้ค่ะ”

เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นทั่วทั้งห้องประชุมหญิงสาวก้มหัวรับ ก่อนเล่าประวัติคร่าว ๆ ของแขกที่เธอศึกษามาเพื่อซื้อเวลาจนกว่าเขาจะเดินมาถึง

“คุณเซิ่นหวินเผิง เป็นนักธุรกิจชาวจีนคนแรก ๆ ที่ก่อตั้งบริษัทเพื่อทำการส่งออกหยกเนื้อดี อันถือเป็นอัญมณีที่มีค่าควรเมืองของเราไปเป็นสินค้ายังต่างประเทศ ท่านทำหน้าที่เป็นดั่งตัวแทนทางวัฒธรรมของประเทศชาติเรา อีกทั้งยังเป็นหัวเรือใหญ่ที่ทำให้หยกได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ช่วยกอบกู้เศรษฐกิจที่ตกต่ำหลังสงครามให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง ดังนั้นท่านจึงถือว่าเป็นผู้มีคุณูปการกับวงการอัญมณีของเราเป็นอย่างมาก...

นอกเหนือไปจากนั้นคุณเซิ่นหวินเผิงยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ทำงานอย่างเต็มที่ไม่มีวันย่อท้อ สอดคล้องกับคำกล่าวที่ว่า...ขอเพียงตัวเราขยันขันแข็ง โชคชะตาย่อมรับใช้เรา...”

ชายชราที่แม้จะอายุมากแล้วแต่ท่าทางยังดูภูมิฐาน ใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตายาวรีซ่อนอยู่ใต้กรอบแว่นทรงเหลี่ยมสีทอง แม้ผิวหนังจะเหี่ยวย่นตามเวลาที่ผันผ่านไปแต่ก็ยังเหลือเค้าความหล่อเมื่อวัยหนุ่ม

“เมื่อกี้แม่หนูบนเวทีเธอพูดว่าอะไรนะ” เซิ่นหวินเผิงถามเสียงเบาหวิว...ต่อให้เวลาผันผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันลืมประโยคนั้นไปจากใจได้

“น่าจะพูดสุภาษิตเกี่ยวกับความขยันครับท่าน เมื่อกี้ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเลยจำไม่ค่อยได้” บุรุษพยาบาลผู้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยหนุ่มบอก

“ขอเพียงตัวเราขยันขันแข็ง โชคชะตาย่อมรับใช้เรา...เธอพูดแบบนี้ใช่ไหม” ชายชราถามย้ำ

“ใช่ครับใช่ ประโยคนี้เลย”

เซิ่นหวินเผิงน้ำตาคลอ ความหวังในใจกลับมาลุกโชน...ประโยคนั้นเป็นประโยคติดปากที่ภรรยาของเขามักหยิบยกขึ้นมาพูดเสมอเวลาเหนื่อยล้ากับการทำงานเพื่อให้กำลังใจทั้งเขาและตัวเธอเอง

ชายชราแทบรอเวลาที่จะขึ้นไปบนเวทีไม่ไหว กระทั่งพิธีกรสาวประกาศเรียกชื่อเขาให้ขึ้นไป

“ขอเสียงปรบมือต้อนรับคุณเซิ่นหวินเผิงค่า” จ้าวหมิงหมิงประกาศก่อนปรบมือรับ

ชายชราเกาะแขนผู้ช่วยเดินขึ้นไปบนเวทีกว้าง เขารู้สึกมีเรี่ยวแรงมากกว่าทุกวัน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวที่ยืนรอเขาอยู่ใต้แสงไฟตรงกลางเวทีดวงใจที่แห้งแล้งมานานนับทศวรรษก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้งหนึ่ง

เหมือน...ช่างเหมือนเหลือเกิน...เซิ่นหวินเผิงตะโกนก้องอยู่ในใจ

“สวัสดีค่ะคุณเซิ่นหวินเผิง เชิญนั่งค่ะ” พิธีกรสาวผายมือไปยังโซฟาตัวใหญ่ที่ดูนั่งสบาย

“หมิงหมิง เป็นคุณจริง ๆ เหรอ” ชายชราถามเหมือนคนละเมอ ดวงตาใต้กรอบแว่วจ้องไปที่พิธีกรสาวแทบไม่กะพริบ

“คะ?” หญิงสาวรับคำอย่างแปลกใจที่จู่ ๆ นักธุรกิจระดับโลกก็เรียกเธออย่างสนิทสนมทั้ง ๆ เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก แต่ด้วยความเจนเวทีเธอจึงปรับสีหน้าและดำเนินรายการต่อได้อย่างไม่สะดุด “ค่ะดิฉันจะรับหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์คุณเซิ่นในวันนี้ค่ะ”

“ขาของเธอ” เขาชี้ไปที่ผ้าปิดแผลสีขาวขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตรงขาข้างซ้าย...เป็นบริเวณเดียวกันกับที่ภรรยาผู้ล่วงลับของเขามีแผลเป็นไม่มีผิดเพี้ยน!

“อ้อ ฉันประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอบคุณคุณเซิ่นที่เป็นห่วง...เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มพูดคุยกันเลยดีไหมคะ”

เซิ่นหวินเผิงไม่ได้ฟังคำถาม เขาเอาแต่พินิจใบหน้าของนักศึกษาสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าห่างกันเพียงเอื้อมมืออย่างละเอียด ไฝที่ใต้ตาขวาก็เป็นตำแหน่งเดียวกันกับอดีตภรรยา...เป็นเธอไม่ผิดแน่ เธอปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งที่นี่ ในปีนี้อย่างที่เคยบอกเอาไว้จริง ๆ

ความรู้สึกโหยหา คิดถึงจนใจแทบขาดทำให้ชายชราลืมเลือนทุกอย่างรอบตัวไปสิ้น เขาค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นแล้วเดินช้า ๆ ไปกอดเธอเอาไว้แน่น

“หมิงหมิง เป็นคุณจริง ๆ ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”

ทุกคนในหอประชุมต่างตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น ตัวจ้าวหมิงหมิงเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่เธอจะทันปัดป้องเซิ่นหวินเผิงที่ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เป็นลมทรุดลงไปบนตักของหญิงสาวนั้นเอง!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ไม่เล่นแล้ว ฉันคือคุณนาย

ไม่เล่นแล้ว ฉันคือคุณนาย

zongheng
5.0

ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...

นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet Temptations

นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet Temptations

เนื้อนวล
4.9

หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน

เธอคนนี้ ไม่ใช่สาวส้มหล่น

เธอคนนี้ ไม่ใช่สาวส้มหล่น

Livia
5.0

ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ