Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ท่านอ๋องพระชายาท่านปลูกผักอยู่หลังจวน

ท่านอ๋องพระชายาท่านปลูกผักอยู่หลังจวน

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
2.3K
ชม
16
บท

หนิงเหยา นักพฤกษศาสตร์รุ่นใหม่ที่ชอบทดลองพืชพันธุ์ใหม่ๆ ได้ทะลุมิติไปเป็นพระชายาอ๋องที่เขาคิดฆ่าตั้งแต่ขึ้นเกี้ยวส่งเจ้าสาว นางจึงพยายามเอาตัวรอดโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวปลูกผักทดลองไปเรื่อย แต่ทำไมเขาถึงได้ชอบมายุ่งกับนางนักไม่เข้าใจ!!

บทที่ 1 No.1

กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กดังขึ้นในห้องพักขนาดกะทัดรัดบนชั้นสิบของอพาร์ตเมนต์ในเมืองฉงชิ่ง ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน อยู่บนพื้นที่ที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและลุ่มแม่น้ำ

จึงได้รับฉายาว่าเป็นเมืองแห่งภูเขาและเมืองแห่งหมอก ถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของจีนเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้

ส่วนเจ้าของห้องขนาดพอเหมาะห้องนี้นั้น กำลังนอนหลับด้วยท่านอนแขนไปทาง ขาไปทางนั้น เป็นหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม เรือนผมยาวขลับยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเพราะเพิ่งตื่นนอน

“อื้อ!”

หญิงสาวคนนี้ส่งเสียงครางในลำคอพลางบิดตัวไปมาอย่างขี้เซา เนื่องจากต้องตื่นนอนอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือ พลางอ้าปากกว้างหาวเสียงดัง แล้วบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงงัวเงียกับตัวเองอีกครั้ง

“ห้าว! ง่วงจัง”

เธอผู้นี้ชื่อว่า หนิงเหยา หรือที่เพื่อนสนิทเรียกอย่างเอ็นดูว่า เหยาเหยา เพราะเธอนั้นเป็นหญิงสาวที่สูงเพียงแค่ร้อยห้าสิบห้า เป็นสาวไซส์มินิน่ารัก เรือนร่างนุ่มนิ่มน่าฟัดน่ากอดมาก

และหลังจากที่หนิงเหยาเอื้อมมือไปปิดเสียงนาฬิกาปลุกแล้ว เธอก็กลับมานอนซุกผ้าห่มต่อด้วยความอ่อนเพลีย จนในที่สุดก็เคลิ้มหลับไปอีกครั้งอย่างไม่รู้

…ผ่านไปหลายนาที แสงอาทิตย์ที่เริ่มส่องสว่างจ้าลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบเปลือกตาบางของคนบนเตียง ทำให้หนิงเหยาลืมตาพรึ่บขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะอุทานออกมาเสียงดังลั่นห้อง เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูปรากฏว่าเลยเวลาที่เธอตั้งปลุกเอาไว้มาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“แย่แล้ว! นี่ฉันเผลอหลับไปอีกรอบเหรอเนี่ย”

หนิงเหยาพึมพำ ก่อนจะรีบกระโดดออกจากเตียงเหมือนนกที่พุ่งออกจากกรงเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เพื่อมุ่งตรงไปคว้าผ้าขนหนูแล้วกระโจนเข้าไปยังห้องน้ำอย่างเร็วที่สุด

หนิงเหยาหรือหนิงเหยา เธอเป็นนักพฤกษศาสตร์รุ่นใหม่ที่หลงใหลในธรรมชาติ เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทดลองปลูกพืชพันธุ์ใหม่ ๆ ในห้องทดลองของสำนักงานวิจัยพฤกษศาสตร์แห่งเมืองฉงชิ่ง และวันนี้เธอก็มีประชุมสำคัญเกี่ยวกับโครงการพืชพันธุ์พิเศษที่เธอคิดค้นขึ้นมาเองด้วย

นั่นก็คือเถาหลิงซู เป็นผลจากการทดลองเชื่อมโยงเถาวัลย์ป่าที่พบในป่าดงดิบกับสมุนไพรที่เติบโตในที่ชื้น หนิงเหยาทดลองในห้องทดลองนานหลายเดือน

จนกระทั่งพืชนี้สามารถปลูกในพื้นที่ธรรมชาติได้ ซึ่งผลของเถาหลิงซูสามารถนำไปสกัดเป็นยารักษาโรคติดเชื้อได้หลายชนิด และใบของมันมีความสามารถในการดูดซับมลพิษในอากาศได้อีกด้วย

หนิงเหยาวิ่งออกมาจากห้องน้ำโดยที่มีผ้าขนหนูสีชมพูอ่อนพันรอบตัวอยู่ ก่อนที่เธอจะคว้าชุดทำงานเรียบง่ายสีขาวสะอาดสะอ้านมาสวมใส่ และต่อด้วยหยิบเสื้อกาวน์มาพาดบ่าของตัวเองไว้พร้อมออกจากห้องอย่างเร่งรีบ

และเมื่อหนิงเหยาวิ่งออกมาถึงป้ายรถเมล์แล้ว เธอก็พบว่ารถเมล์สายที่เธอต้องขึ้นนั้นเพิ่งออกไปได้ไม่นาน ทำให้ในหัวของเธอเกิดความเครียดขึ้นมาทันที

“ทำไงดีล่ะเนี่ย”

หนิงเหยาบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างที่ชอบทำ แล้วกัดริมฝีปากด้วยความกังวล สายลมที่พัดผ่านใบหน้ามานั้นรู้สึกเย็นเฉียบเหมือนจะเร่งให้เธอต้องตัดสินใจโดยเร็วก่อนที่จะไม่ทันการณ์

หนิงเหยากวาดสายตามองหาแท็กซี่ที่วิ่งกำลังแล่นเข้ามาใกล้ และไม่รอช้าที่จะโบกมือเรียกรถแท็กซี่คันนั้นอย่างทันที

เมื่อแท็กซี่คันที่หนิงเหยาโบกเรียกนั้นจอดนิ่งสนิทแล้ว เธอก็รีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วกระโจนขึ้นรถด้วยความว่องไว ก่อนจะเอ่ยบอกจุดหมายปลายทางที่ต้องการไปกับคนขับอย่างไว ๆ เพื่อบ่งบอกว่าเธอนั้นรีบมากแค่ไหน

“ไปสำนักงานวิจัยพฤกษศาสตร์ค่ะ รีบหน่อยนะคะพี่ เดี๋ยวหนูให้พิเศษเลยค่ะ”

หนิงเหยาพูดพลางปรับสายสะพายกระเป๋าของตัวเองให้เข้าที่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองรอบ ๆ ภายในรถอย่างดีแล้ว เธอกลับรู้สึกเหมือนตัวเองได้ก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

รถแท็กซี่คันนี้ถูกตกแต่งด้วยสไตล์จีนโบราณอย่างประณีต เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าปักลายมังกรและหงส์ พวงมาลัยรถพันด้วยผ้าสีแดงสดประดับพู่ไหมทองที่ห้อยลงมาจากเพดาน

ส่วนกระจกมองหลังก็แขวนด้วยจี้หยกสีเขียว และยังมีกล่องไม้แกะสลักลายดอกเหมยตั้งอยู่ตรงกลางคอนโซล บรรยากาศภายในรถมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรจีนที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ

ทำให้หนิงเหยารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในยุคสมัยราชวงศ์เก่า เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป พลางคิดในใจว่า…

‘นี่มันรถแท็กซี่หรือโรงละครเคลื่อนที่กันแน่ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ในตอนที่เร่งรีบด้วย’

ไม่ใช่เพียงการตกแต่งภายในรถเท่านั้นที่เป็นแบบสไตล์จีนโบราณ แต่คนขับรถแท็กซี่ที่เป็นชายวัยกลางคนคนนี้ก็สวมชุดคลุมยาวแบบจีนโบราณสีดำ คอเสื้อปักลายคลื่นน้ำสีเงิน เขามีหนวดเคราที่ดูเรียบร้อย และสวมหมวกทรงกลมประดับป้ายหยกเล็ก ๆ อีกด้วย

ซึ่งการแต่งตัวของคนขับรถแท็กซี่คนนี้นั้น ยิ่งทำให้หนิงเหยารู้สึกแปลก ๆ ในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะจุดประสงค์หลักของเธอในตอนนี้คือไปให้ถึงสำนักงานวิจัยพฤกษศาสตร์โดยเร็วที่สุด

ขณะรถแท็กซี่แล่นผ่านถนนหนทางในเมืองฉงชิ่ง หนิงเหยานั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแสงแดดยามเช้าส่องกระทบยอดไม้ตามทาง เธอรู้สึกถึงแรงบันดาลใจที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ พร้อมที่จะแสดงผลงานของตัวเองในที่ประชุมเช้านี้

หนิงเหยาหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กที่มักพกติดตัวออกมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วเปิดหน้าที่เต็มไปด้วยข้อความและภาพวาดพืชพันธุ์ที่เธอออกแบบขึ้นในจินตนาการ บางชนิดมีดอกที่เรืองแสงในความมืดได้ และบางชนิดสามารภช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ได้

ในใจของหนิงเหยาไม่เพียงแค่ต้องการสร้างพืชที่ดูสวยงาม แต่ยังอยากให้พืชพันธุ์เหล่านี้ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และฟื้นฟูสมดุลให้โลกใบนี้ด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความใฝ่ฝันที่หนิงเหยานั้นมีมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว

ตอนนี้รถแท็กซี่ได้แล่นไปตามทางเรื่อย ๆ โดยมีความเร็วตามที่ผู้โดยสารต้องการ เสียงเครื่องยนต์ของแท็กซี่ดังสะท้อนในอุโมงค์ทางด่วนยาวเหยียด หนิงเหยาพยายามบอกตัวเองให้ผ่อนคลายโดยการนั่งหลังพิงเบาะ สายตาเหม่อมองไปยังเส้นทางข้างหน้า ขณะที่ชายคนขับรถแท็กซี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“คุณหนูมีความสุขไหมครับ”

คำถามนั้นเรียกสติของหนิงเหยากลับมา ถึงแม้ว่าจะฟังได้ไม่ถนัดก็ตามเพราะตอนที่คนขับรถแท็กซี่พูดนั้นหนิงเหยากำลังจะเคลิ้มหลับ เธอที่กำลังง่วงนอนจากการนั่งรถเพลิน ๆ

อีกทั้งยังอดหลับอดนอนเมื่อคืนจากการคิดค้นพันธุ์พืชอย่างหนักนั้น เงยหน้าขึ้นมองคนขับรถแท็กซี่ด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย และเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ไม่ค่ะ ถ้าได้นอนต่ออีกสักนิดก็คงดี”

ชายคนขับรถแท็กซี่หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่มีแววล้อเลียนเล็กน้อยปนเอ็นดู

“แค่นอนต่อเองเหรอครับ”

หนิงเหยาที่ยังคงมีสายตาเหนื่อยล้านั้นตอบกลับไปอย่างเพ้อฝัน ถึงแม้ว่างานนี้จะเป็นงานที่เธอรักก็ตาม แต่การที่ไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อเร่งรีบไปทำงานแล้วมีเงินใช้นั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน

“ยังมีอีกค่ะ ถ้าไม่ต้องทำงานแล้วมีเงินใช้ สุขสบายไปตลอดชีวิต เพราะมีสามีเลี้ยงก็ดีที่สุดมาก ๆ เหมือนกันค่ะ”

หลังจากที่หนิงเหยาพูดจบ ชายคนขับรถแท็กซี่ก็ยิ้มมุมปาก ดวงตาเปล่งประกายลึกลับสะท้อนกับกระจกเงาสำหรับมองหลัง ก่อนที่ริมผีปากหนาจะขยับตอบหนิงเหยาว่า…

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้คุณหนูสมหวังนะครับ”

คำพูดชวนให้คิดของคนขับรถแท็กซี่ไม่ได้สะกิดใจคนฟังเสียอย่างใด เพราะหนิงเหยานั้นยังคงอยู่ในห้วงเพ้อฝันและอาการง่วงนอน จนสมองไม่รับสิ่งอื่นใดมากในตอนนี้

รถแท็กซี่คันนี้ยังคงแล่นต่อไป เส้นทางข้างหน้าดูเหมือนจะยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด เพราะตั้งแต่ที่รถลงลอดอุโมงค์มาหลายนาทีแล้วก็ยังไม่แล่นออกจากอุโมงค์นี้เสียที และเมื่อรถเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ แสงไฟในอุโมงค์ก็เริ่มดับลงทีละดวงจากด้านหลัง

แสงสว่างที่เคยช่วยนำทางค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด ทำเอาอาการง่วงนอนของหนิงเหยาหายไปได้ทันที และเริ่มใจหวิว ๆ พิกล ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มคืบคลานเข้ามา

หนิงเหยาจึงตัดสินใจถามคนขับรถแท็กซี่ออกไปด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกและเป็นกังวล แต่คนขับรถแท็กซี่กลับตอบมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบเป็นอย่างมาก

“ทำไมไฟในอุโมงค์ถึงดับล่ะคะ”

“ไม่ต้องกังวลนะครับคุณหนู บางครั้งความมืดก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทาง”

คำตอบนั้นของคนขับรถแท็กซี่ไม่ได้ช่วยให้หนิงเหยารู้สึกสบายใจขึ้นเลย แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบและมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง พร้อมทั้งจดจำเส้นทาง ใบหน้า และข้อมูลของคนขับรถแท็กซี่เอาไว้ให้ดี

ไม่นานนัก ความมืดก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งอุโมงค์ มีเพียงเสียงล้อรถที่บดไปกับพื้นถนนและเสียงหัวใจของหนิงเหยาที่เต้นระรัว ก่อนที่เธอจะตัดสินใจกดเสียงต่ำถามออกไปอีกครั้งพร้อมกับแววตาที่เริ่มไม่ไว้วางใจ

“นี่คุณกำลังจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่”

“ปลายทางเดิมของคุณหนูนั่นแหละครับ แต่ระหว่างทางเราอาจพบสิ่งที่คุณหนูไม่เคยคาดคิด”

คำตอบชวนให้ขนลุกของคนขับแท็กซี่ทำให้หนิงเหยาเลือกที่จะเงียบอีกครั้ง และเธอก็เริ่มตงิดใจกับคำว่าคุณหนูขึ้นมา หัวใจที่เต้นระรัวภาวนาให้รถแท็กซี่คันนี้แล่นออกจากอุโมงค์อันมืดมิดแห่งนี้โดยเร็ว

อุโมงค์แห่งนี้ไม่เหมือนกับทางด่วนที่หนิงเหยาเคยผ่าน เส้นทางโค้งยาวทอดลึกจนดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด กำแพงอุโมงค์ทำจากหินหยาบสีเทาเข้มที่ดูเก่าแก่ ราวกับสร้างขึ้นมาหลายร้อยปี

ดวงไฟที่ติดอยู่บนเพดานเรียงรายห่างกันอย่างเป็นระเบียบ แสงไฟสีเหลืองซีดที่เคยดับเริ่มกระพริบเป็นจังหวะ เหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังอยู่ภายนอกรถ

พื้นถนนเป็นหินกรวดที่ขรุขระ รถแท็กซี่แล่นผ่านไปช้า ๆ แต่เสียงล้อบดกับพื้นกลับดังสะท้อนไปทั่วทั้งอุโมงค์ เสียงนั้นไม่ได้ฟังดูปกติ แต่มันแฝงด้วยเสียงสะท้อนลึก ๆ คล้ายกับเสียงกระซิบของใครบางคนที่ไม่ได้มาจากโลกใบนี้

ในขณะที่หนิงเหยาพยายามปรับตัวกับความมืดที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอีกครั้งนั้น เธอก็เริ่มรู้สึกถึงกลิ่นที่แปลกประหลาด

กลิ่นนั้นเป็นส่วนผสมของกลิ่นดินชื้นกับกลิ่นดอกไม้ป่าที่ไม่เคยสัมผัส ลอยฟุ้งในอากาศ บางสัมผัสคล้ายกลิ่นดอกไม้ป่า แต่ก็มีกลิ่นของสมุนไพรจีนเจือปนอยู่

อากาศในอุโมงค์เย็นลงอย่างรวดเร็ว ความหนาวเย็นนั้นไม่เหมือนกับอากาศทั่วไป แต่มันมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเหมือนความหนาวนั้นกำลังซึมลึกเข้าสู่จิตใจของเธอ

ทันใดนั้น หนิงเหยาก็เริ่มสังเกตเห็นแสงเล็ก ๆ สีทองที่ลอยวนอยู่รอบตัวรถ มันดูเหมือนฝุ่นละอองแต่เป็นสีทองไม่ใช่สีขาวหรือสีเทา อีกทั้งยังมีสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาในรถ แม้ว่ากระจกหน้าต่างจะปิดสนิทก็ตาม

ไม่นานหลังจากที่ความมืดเข้าปกคลุมเต็มที่ หนิงเหยาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่เปลี่ยนไป รอบ ๆ ตัวรถมีแสงสีทองเล็ก ๆ ลอยวนอยู่ไม่หาย แสงเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างอิสระราวกับว่ามีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

แสงบางดวงจับกลุ่มกันเป็นลวดลายคล้ายดอกไม้หรือผีเสื้อ บางดวงลอยวนรอบหน้าต่างรถอย่างสงสัยเหมือนกำลังสำรวจเธอ

ในความเงียบที่ปกคลุมอุโมงค์ หนิงเหยาเริ่มได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังแว่วมา เสียงนั้นเป็นเสียงกระซิบเบา ๆ ที่เหมือนจะไม่ได้มาจากคนขับรถแท็กซี่

เสียงเหมือนคำพูดในภาษาที่หนิงเหยาไม่เข้าใจ เสียงเหล่านั้นขาด ๆ หาย ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพูดถึงเธอ

“นี่มันอะไรกัน”

หนิงเหยาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางกวาดตามองไปรอบ ๆ แต่ความมืดที่ครอบงำทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นอะไรได้

จนกระทั่ง รถแท็กซี่คันนี้ได้พุ่งออกจากความมืดของอุโมงค์สู่แสงสว่างจ้าที่ทำให้หนิงเหยาต้องยกมือขึ้นบังตาอย่างกะทันหัน ก่อนที่หนิงเหยาจะพบว่า…

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ฉันนี่แหละเศรษฐี

ฉันนี่แหละเศรษฐี

Abelard Evans
5.0

ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี

เมียชังยอดรักนายหัวเถื่อน

เมียชังยอดรักนายหัวเถื่อน

เนื้อนวล
5.0

เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น

โชคชะตาของพระชายา

โชคชะตาของพระชายา

Raff Madison
3.8

ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

Charlton Buccafusco
5.0

ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ