Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ท่านอ๋องพระชายาท่านปลูกผักอยู่หลังจวน

ท่านอ๋องพระชายาท่านปลูกผักอยู่หลังจวน

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
483
ชม
16
บท

หนิงเหยา นักพฤกษศาสตร์รุ่นใหม่ที่ชอบทดลองพืชพันธุ์ใหม่ๆ ได้ทะลุมิติไปเป็นพระชายาอ๋องที่เขาคิดฆ่าตั้งแต่ขึ้นเกี้ยวส่งเจ้าสาว นางจึงพยายามเอาตัวรอดโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวปลูกผักทดลองไปเรื่อย แต่ทำไมเขาถึงได้ชอบมายุ่งกับนางนักไม่เข้าใจ!!

บทที่ 1 No.1

กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กดังขึ้นในห้องพักขนาดกะทัดรัดบนชั้นสิบของอพาร์ตเมนต์ในเมืองฉงชิ่ง ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน อยู่บนพื้นที่ที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและลุ่มแม่น้ำ

จึงได้รับฉายาว่าเป็นเมืองแห่งภูเขาและเมืองแห่งหมอก ถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของจีนเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้

ส่วนเจ้าของห้องขนาดพอเหมาะห้องนี้นั้น กำลังนอนหลับด้วยท่านอนแขนไปทาง ขาไปทางนั้น เป็นหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม เรือนผมยาวขลับยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเพราะเพิ่งตื่นนอน

“อื้อ!”

หญิงสาวคนนี้ส่งเสียงครางในลำคอพลางบิดตัวไปมาอย่างขี้เซา เนื่องจากต้องตื่นนอนอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือ พลางอ้าปากกว้างหาวเสียงดัง แล้วบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงงัวเงียกับตัวเองอีกครั้ง

“ห้าว! ง่วงจัง”

เธอผู้นี้ชื่อว่า หนิงเหยา หรือที่เพื่อนสนิทเรียกอย่างเอ็นดูว่า เหยาเหยา เพราะเธอนั้นเป็นหญิงสาวที่สูงเพียงแค่ร้อยห้าสิบห้า เป็นสาวไซส์มินิน่ารัก เรือนร่างนุ่มนิ่มน่าฟัดน่ากอดมาก

และหลังจากที่หนิงเหยาเอื้อมมือไปปิดเสียงนาฬิกาปลุกแล้ว เธอก็กลับมานอนซุกผ้าห่มต่อด้วยความอ่อนเพลีย จนในที่สุดก็เคลิ้มหลับไปอีกครั้งอย่างไม่รู้

…ผ่านไปหลายนาที แสงอาทิตย์ที่เริ่มส่องสว่างจ้าลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบเปลือกตาบางของคนบนเตียง ทำให้หนิงเหยาลืมตาพรึ่บขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะอุทานออกมาเสียงดังลั่นห้อง เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูปรากฏว่าเลยเวลาที่เธอตั้งปลุกเอาไว้มาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“แย่แล้ว! นี่ฉันเผลอหลับไปอีกรอบเหรอเนี่ย”

หนิงเหยาพึมพำ ก่อนจะรีบกระโดดออกจากเตียงเหมือนนกที่พุ่งออกจากกรงเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เพื่อมุ่งตรงไปคว้าผ้าขนหนูแล้วกระโจนเข้าไปยังห้องน้ำอย่างเร็วที่สุด

หนิงเหยาหรือหนิงเหยา เธอเป็นนักพฤกษศาสตร์รุ่นใหม่ที่หลงใหลในธรรมชาติ เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทดลองปลูกพืชพันธุ์ใหม่ ๆ ในห้องทดลองของสำนักงานวิจัยพฤกษศาสตร์แห่งเมืองฉงชิ่ง และวันนี้เธอก็มีประชุมสำคัญเกี่ยวกับโครงการพืชพันธุ์พิเศษที่เธอคิดค้นขึ้นมาเองด้วย

นั่นก็คือเถาหลิงซู เป็นผลจากการทดลองเชื่อมโยงเถาวัลย์ป่าที่พบในป่าดงดิบกับสมุนไพรที่เติบโตในที่ชื้น หนิงเหยาทดลองในห้องทดลองนานหลายเดือน

จนกระทั่งพืชนี้สามารถปลูกในพื้นที่ธรรมชาติได้ ซึ่งผลของเถาหลิงซูสามารถนำไปสกัดเป็นยารักษาโรคติดเชื้อได้หลายชนิด และใบของมันมีความสามารถในการดูดซับมลพิษในอากาศได้อีกด้วย

หนิงเหยาวิ่งออกมาจากห้องน้ำโดยที่มีผ้าขนหนูสีชมพูอ่อนพันรอบตัวอยู่ ก่อนที่เธอจะคว้าชุดทำงานเรียบง่ายสีขาวสะอาดสะอ้านมาสวมใส่ และต่อด้วยหยิบเสื้อกาวน์มาพาดบ่าของตัวเองไว้พร้อมออกจากห้องอย่างเร่งรีบ

และเมื่อหนิงเหยาวิ่งออกมาถึงป้ายรถเมล์แล้ว เธอก็พบว่ารถเมล์สายที่เธอต้องขึ้นนั้นเพิ่งออกไปได้ไม่นาน ทำให้ในหัวของเธอเกิดความเครียดขึ้นมาทันที

“ทำไงดีล่ะเนี่ย”

หนิงเหยาบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างที่ชอบทำ แล้วกัดริมฝีปากด้วยความกังวล สายลมที่พัดผ่านใบหน้ามานั้นรู้สึกเย็นเฉียบเหมือนจะเร่งให้เธอต้องตัดสินใจโดยเร็วก่อนที่จะไม่ทันการณ์

หนิงเหยากวาดสายตามองหาแท็กซี่ที่วิ่งกำลังแล่นเข้ามาใกล้ และไม่รอช้าที่จะโบกมือเรียกรถแท็กซี่คันนั้นอย่างทันที

เมื่อแท็กซี่คันที่หนิงเหยาโบกเรียกนั้นจอดนิ่งสนิทแล้ว เธอก็รีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วกระโจนขึ้นรถด้วยความว่องไว ก่อนจะเอ่ยบอกจุดหมายปลายทางที่ต้องการไปกับคนขับอย่างไว ๆ เพื่อบ่งบอกว่าเธอนั้นรีบมากแค่ไหน

“ไปสำนักงานวิจัยพฤกษศาสตร์ค่ะ รีบหน่อยนะคะพี่ เดี๋ยวหนูให้พิเศษเลยค่ะ”

หนิงเหยาพูดพลางปรับสายสะพายกระเป๋าของตัวเองให้เข้าที่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองรอบ ๆ ภายในรถอย่างดีแล้ว เธอกลับรู้สึกเหมือนตัวเองได้ก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

รถแท็กซี่คันนี้ถูกตกแต่งด้วยสไตล์จีนโบราณอย่างประณีต เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าปักลายมังกรและหงส์ พวงมาลัยรถพันด้วยผ้าสีแดงสดประดับพู่ไหมทองที่ห้อยลงมาจากเพดาน

ส่วนกระจกมองหลังก็แขวนด้วยจี้หยกสีเขียว และยังมีกล่องไม้แกะสลักลายดอกเหมยตั้งอยู่ตรงกลางคอนโซล บรรยากาศภายในรถมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรจีนที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ

ทำให้หนิงเหยารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในยุคสมัยราชวงศ์เก่า เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป พลางคิดในใจว่า…

‘นี่มันรถแท็กซี่หรือโรงละครเคลื่อนที่กันแน่ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ในตอนที่เร่งรีบด้วย’

ไม่ใช่เพียงการตกแต่งภายในรถเท่านั้นที่เป็นแบบสไตล์จีนโบราณ แต่คนขับรถแท็กซี่ที่เป็นชายวัยกลางคนคนนี้ก็สวมชุดคลุมยาวแบบจีนโบราณสีดำ คอเสื้อปักลายคลื่นน้ำสีเงิน เขามีหนวดเคราที่ดูเรียบร้อย และสวมหมวกทรงกลมประดับป้ายหยกเล็ก ๆ อีกด้วย

ซึ่งการแต่งตัวของคนขับรถแท็กซี่คนนี้นั้น ยิ่งทำให้หนิงเหยารู้สึกแปลก ๆ ในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะจุดประสงค์หลักของเธอในตอนนี้คือไปให้ถึงสำนักงานวิจัยพฤกษศาสตร์โดยเร็วที่สุด

ขณะรถแท็กซี่แล่นผ่านถนนหนทางในเมืองฉงชิ่ง หนิงเหยานั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแสงแดดยามเช้าส่องกระทบยอดไม้ตามทาง เธอรู้สึกถึงแรงบันดาลใจที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ พร้อมที่จะแสดงผลงานของตัวเองในที่ประชุมเช้านี้

หนิงเหยาหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กที่มักพกติดตัวออกมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วเปิดหน้าที่เต็มไปด้วยข้อความและภาพวาดพืชพันธุ์ที่เธอออกแบบขึ้นในจินตนาการ บางชนิดมีดอกที่เรืองแสงในความมืดได้ และบางชนิดสามารภช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ได้

ในใจของหนิงเหยาไม่เพียงแค่ต้องการสร้างพืชที่ดูสวยงาม แต่ยังอยากให้พืชพันธุ์เหล่านี้ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และฟื้นฟูสมดุลให้โลกใบนี้ด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความใฝ่ฝันที่หนิงเหยานั้นมีมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว

ตอนนี้รถแท็กซี่ได้แล่นไปตามทางเรื่อย ๆ โดยมีความเร็วตามที่ผู้โดยสารต้องการ เสียงเครื่องยนต์ของแท็กซี่ดังสะท้อนในอุโมงค์ทางด่วนยาวเหยียด หนิงเหยาพยายามบอกตัวเองให้ผ่อนคลายโดยการนั่งหลังพิงเบาะ สายตาเหม่อมองไปยังเส้นทางข้างหน้า ขณะที่ชายคนขับรถแท็กซี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“คุณหนูมีความสุขไหมครับ”

คำถามนั้นเรียกสติของหนิงเหยากลับมา ถึงแม้ว่าจะฟังได้ไม่ถนัดก็ตามเพราะตอนที่คนขับรถแท็กซี่พูดนั้นหนิงเหยากำลังจะเคลิ้มหลับ เธอที่กำลังง่วงนอนจากการนั่งรถเพลิน ๆ

อีกทั้งยังอดหลับอดนอนเมื่อคืนจากการคิดค้นพันธุ์พืชอย่างหนักนั้น เงยหน้าขึ้นมองคนขับรถแท็กซี่ด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย และเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ไม่ค่ะ ถ้าได้นอนต่ออีกสักนิดก็คงดี”

ชายคนขับรถแท็กซี่หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่มีแววล้อเลียนเล็กน้อยปนเอ็นดู

“แค่นอนต่อเองเหรอครับ”

หนิงเหยาที่ยังคงมีสายตาเหนื่อยล้านั้นตอบกลับไปอย่างเพ้อฝัน ถึงแม้ว่างานนี้จะเป็นงานที่เธอรักก็ตาม แต่การที่ไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อเร่งรีบไปทำงานแล้วมีเงินใช้นั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน

“ยังมีอีกค่ะ ถ้าไม่ต้องทำงานแล้วมีเงินใช้ สุขสบายไปตลอดชีวิต เพราะมีสามีเลี้ยงก็ดีที่สุดมาก ๆ เหมือนกันค่ะ”

หลังจากที่หนิงเหยาพูดจบ ชายคนขับรถแท็กซี่ก็ยิ้มมุมปาก ดวงตาเปล่งประกายลึกลับสะท้อนกับกระจกเงาสำหรับมองหลัง ก่อนที่ริมผีปากหนาจะขยับตอบหนิงเหยาว่า…

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้คุณหนูสมหวังนะครับ”

คำพูดชวนให้คิดของคนขับรถแท็กซี่ไม่ได้สะกิดใจคนฟังเสียอย่างใด เพราะหนิงเหยานั้นยังคงอยู่ในห้วงเพ้อฝันและอาการง่วงนอน จนสมองไม่รับสิ่งอื่นใดมากในตอนนี้

รถแท็กซี่คันนี้ยังคงแล่นต่อไป เส้นทางข้างหน้าดูเหมือนจะยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด เพราะตั้งแต่ที่รถลงลอดอุโมงค์มาหลายนาทีแล้วก็ยังไม่แล่นออกจากอุโมงค์นี้เสียที และเมื่อรถเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ แสงไฟในอุโมงค์ก็เริ่มดับลงทีละดวงจากด้านหลัง

แสงสว่างที่เคยช่วยนำทางค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด ทำเอาอาการง่วงนอนของหนิงเหยาหายไปได้ทันที และเริ่มใจหวิว ๆ พิกล ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มคืบคลานเข้ามา

หนิงเหยาจึงตัดสินใจถามคนขับรถแท็กซี่ออกไปด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกและเป็นกังวล แต่คนขับรถแท็กซี่กลับตอบมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบเป็นอย่างมาก

“ทำไมไฟในอุโมงค์ถึงดับล่ะคะ”

“ไม่ต้องกังวลนะครับคุณหนู บางครั้งความมืดก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทาง”

คำตอบนั้นของคนขับรถแท็กซี่ไม่ได้ช่วยให้หนิงเหยารู้สึกสบายใจขึ้นเลย แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบและมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง พร้อมทั้งจดจำเส้นทาง ใบหน้า และข้อมูลของคนขับรถแท็กซี่เอาไว้ให้ดี

ไม่นานนัก ความมืดก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งอุโมงค์ มีเพียงเสียงล้อรถที่บดไปกับพื้นถนนและเสียงหัวใจของหนิงเหยาที่เต้นระรัว ก่อนที่เธอจะตัดสินใจกดเสียงต่ำถามออกไปอีกครั้งพร้อมกับแววตาที่เริ่มไม่ไว้วางใจ

“นี่คุณกำลังจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่”

“ปลายทางเดิมของคุณหนูนั่นแหละครับ แต่ระหว่างทางเราอาจพบสิ่งที่คุณหนูไม่เคยคาดคิด”

คำตอบชวนให้ขนลุกของคนขับแท็กซี่ทำให้หนิงเหยาเลือกที่จะเงียบอีกครั้ง และเธอก็เริ่มตงิดใจกับคำว่าคุณหนูขึ้นมา หัวใจที่เต้นระรัวภาวนาให้รถแท็กซี่คันนี้แล่นออกจากอุโมงค์อันมืดมิดแห่งนี้โดยเร็ว

อุโมงค์แห่งนี้ไม่เหมือนกับทางด่วนที่หนิงเหยาเคยผ่าน เส้นทางโค้งยาวทอดลึกจนดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด กำแพงอุโมงค์ทำจากหินหยาบสีเทาเข้มที่ดูเก่าแก่ ราวกับสร้างขึ้นมาหลายร้อยปี

ดวงไฟที่ติดอยู่บนเพดานเรียงรายห่างกันอย่างเป็นระเบียบ แสงไฟสีเหลืองซีดที่เคยดับเริ่มกระพริบเป็นจังหวะ เหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังอยู่ภายนอกรถ

พื้นถนนเป็นหินกรวดที่ขรุขระ รถแท็กซี่แล่นผ่านไปช้า ๆ แต่เสียงล้อบดกับพื้นกลับดังสะท้อนไปทั่วทั้งอุโมงค์ เสียงนั้นไม่ได้ฟังดูปกติ แต่มันแฝงด้วยเสียงสะท้อนลึก ๆ คล้ายกับเสียงกระซิบของใครบางคนที่ไม่ได้มาจากโลกใบนี้

ในขณะที่หนิงเหยาพยายามปรับตัวกับความมืดที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอีกครั้งนั้น เธอก็เริ่มรู้สึกถึงกลิ่นที่แปลกประหลาด

กลิ่นนั้นเป็นส่วนผสมของกลิ่นดินชื้นกับกลิ่นดอกไม้ป่าที่ไม่เคยสัมผัส ลอยฟุ้งในอากาศ บางสัมผัสคล้ายกลิ่นดอกไม้ป่า แต่ก็มีกลิ่นของสมุนไพรจีนเจือปนอยู่

อากาศในอุโมงค์เย็นลงอย่างรวดเร็ว ความหนาวเย็นนั้นไม่เหมือนกับอากาศทั่วไป แต่มันมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเหมือนความหนาวนั้นกำลังซึมลึกเข้าสู่จิตใจของเธอ

ทันใดนั้น หนิงเหยาก็เริ่มสังเกตเห็นแสงเล็ก ๆ สีทองที่ลอยวนอยู่รอบตัวรถ มันดูเหมือนฝุ่นละอองแต่เป็นสีทองไม่ใช่สีขาวหรือสีเทา อีกทั้งยังมีสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาในรถ แม้ว่ากระจกหน้าต่างจะปิดสนิทก็ตาม

ไม่นานหลังจากที่ความมืดเข้าปกคลุมเต็มที่ หนิงเหยาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่เปลี่ยนไป รอบ ๆ ตัวรถมีแสงสีทองเล็ก ๆ ลอยวนอยู่ไม่หาย แสงเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างอิสระราวกับว่ามีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

แสงบางดวงจับกลุ่มกันเป็นลวดลายคล้ายดอกไม้หรือผีเสื้อ บางดวงลอยวนรอบหน้าต่างรถอย่างสงสัยเหมือนกำลังสำรวจเธอ

ในความเงียบที่ปกคลุมอุโมงค์ หนิงเหยาเริ่มได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังแว่วมา เสียงนั้นเป็นเสียงกระซิบเบา ๆ ที่เหมือนจะไม่ได้มาจากคนขับรถแท็กซี่

เสียงเหมือนคำพูดในภาษาที่หนิงเหยาไม่เข้าใจ เสียงเหล่านั้นขาด ๆ หาย ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพูดถึงเธอ

“นี่มันอะไรกัน”

หนิงเหยาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางกวาดตามองไปรอบ ๆ แต่ความมืดที่ครอบงำทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นอะไรได้

จนกระทั่ง รถแท็กซี่คันนี้ได้พุ่งออกจากความมืดของอุโมงค์สู่แสงสว่างจ้าที่ทำให้หนิงเหยาต้องยกมือขึ้นบังตาอย่างกะทันหัน ก่อนที่หนิงเหยาจะพบว่า…

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ซีไซต์
5.0

หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

Thacher
5.0

ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"

คนทั้งโลกกำลังตกหลุมรักภรรยาผม

คนทั้งโลกกำลังตกหลุมรักภรรยาผม

กฤษฎิ์ แสนชล
4.9

หยุนซีแต่งงานกับกู้ซือเฉิน คุณชายที่สูญเสียสิทธิ์ที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลแทนน้องสาว ตอนแรก พวกเขาเพียงแค่ว่าที่สามีภรรยาในนามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวของหยุนซีถูกค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตาม ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างที่คิดเลย ใครจะไปคิดว่าเธอเป็นทั้งแฮ็กเกอร์มืออาชีพ นักประพันธ์เพลงลึกลับ และทายาทคนเดียวของนักแกะสลักที่มีชื่อเสียงระดับชาติ.... มีทั้งนักร้องชื่อดัง นักแสดงที่เคยได้รับรังวัลมากมายและผู้สืบทอดของตระกูลที่ร่ำรวยมาตามจีบว่าที่ภรรยาของเขา กู้ซือเฉินควรทำอย่างไรดี?

สุดที่รักของจักรพรรดิ

สุดที่รักของจักรพรรดิ

Berne Beer
4.9

หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"

ฉันนี่แหละเศรษฐี

ฉันนี่แหละเศรษฐี

Abelard Evans
5.0

ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ