Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เจ้าพ่อวิวาห์เถื่อน

เจ้าพ่อวิวาห์เถื่อน

อักษรสีทอง

5.0
ความคิดเห็น
487
ชม
10
บท

ด้วยบุคลิกอันแสนเฉิ่มเชยของ "ปลอบขวัญ" ครูสาววัยยี่สิบสี่ปี ทำให้หญิงสาวผู้ไม่เคยมีเรื่องสามีและลูกอยู่ในสมองแม้แต่น้อย แต่เพียงคืนเดียวที่เธอตัดสินใจออกไปเที่ยวผับตามคำชวนของเพื่อนสาว จู่ๆ ก็ถูก "อุ้ม" ไปขังยังคฤหาสน์หลังใหญ่เพื่อเป็นเจ้าสาวของผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้า แถม "ได้สามีอย่างไม่เต็มใจ" ไม่ทันข้ามคืน คนที่ไม่คิดจะมีลูกผัวอย่างเธอ ก็กลายเป็น "คุณยายยังสาว" เสียแล้วนี่มันเกิดเรื่องประหลาดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ เมื่อ "รชานนท์ อัศววินันทร์" นักธุรกิจหนุ่มผู้มีอิทธิพลและความอำมหิตรู้ว่าปลอมขวัญไม่ได้มีดีแค่ไหวพริบและความฉลาด แต่ยัง "แสบ" ตาใสๆ แม้จะไม่ชอบมีเมียแบบตกกระไดพลอยโจนสักเท่าไร แต่เพื่อไม่ให้เสียการปกครอง เขาก็ต้องใช้สัญชาตญาณความหื่นในตัวกำราบเธอเสียให้ระทวยตั้งแต่วันแรก จะได้รู้ว่า ‘ของแรงจริง’ แค่ทีเดียวก็ ‘ติด’ แล้วไม่มีวันปล่อยให้ลูกเมียอยู่ห่างเตียงแม้แต่คืนเดียว ......... “ฉันบอกให้ปล่อยไงเล่า” นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ประกบหมับที่ขอบหูของเขาก่อนจะบิดเต็มแรง “โอ๊ย ! ” ชายหนุ่มอุทาน เหลือบตามองเธออย่างโมโห ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าขึ้นสูง แล้วงับติ่งหูเธอ เลียไล้เบาๆ ครั้งแรกเธอจั๊กจี้ แต่นาทีต่อมากลับเริ่มเคลิบเคลิ้ม ลมหายใจอุ่นจัดเป่ารดพวงแก้มนุ่ม พร้อมเสียงกระซิบที่ทำเอาเธอสะท้านไปทั้งตัว “ว่าไงแมวพยศ คุณจะทำร้ายผมตรงไหนอีก คุณทำตรงไหน ผมก็จะทำคุณตรงนั้น”

บทที่ 1 1

“แม่มณี แม่มณีจ๋า” เสียงบุรุษแว่วหวานเพรียกหานางอันเป็นที่รักผ่านทางกระจกฉลุลายโบราณซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกปัจจุบันและอดีต

“คุณหลวงเจ้าคะ” หญิงสาวแสนสวยก้าวผ่านกระจกสู่อดีตกาลสมัยรัชกาลที่ห้า เพื่อไปหาเนื้อคู่ข้ามภพ

ภาพในละครตัดลงเพียงเท่านั้น แล้วมีโฆษณาคั่น ระหว่างนี้ปราจีนซึ่งนั่งกินข้าวโพดคั่วอยู่บนพื้นปูเสื่อน้ำมันหน้าจอโทรทัศน์ใหญ่ได้หันมาคุยฟุ้งกับเพื่อนสาวซึ่งนั่งตรวจการบ้านนักเรียนไปพลางๆ อยู่บนโซฟา

“แกว่าไหมขวัญ คุณหลวงนี่ล้อหล่อเนอะ ทำยังไงฉันถึงจะได้ย้อนเวลากลับไปเจอผู้ชายหล่อคลาสสิกแบบนี้บ้าง”

“ไร้สาระ” ปลอบขวัญเบ้ปาก ขณะตวัดปลายปากกาขีดเครื่องหมายถูกผิดลงบนกระดาษด้วยความชำนาญ ปากก็พูด “หนังแบบนี้ก็ช่างมีคนดูอยู่ได้เนอะ จะเป็นไปได้ยังไงกันที่จะมีคนสามารถเจาะเวลาไปหาอดีตได้”

“ก็นี่มันละครนี่ยะ เขาให้ดูเพื่อความบันเทิง แกจะมาซีเรียสถามหาความเป็นจริงเป็นเท็จไปทำไม” ปราจีนค้อน

“ฉันไม่ชอบดูละครน้ำเน่า น่าขำจริงๆ อดีตกับปัจจุบันจะมาเชื่อมต่อกันได้ยังไง”

“งั้นแกก็อยู่ในโลกความเป็นจริงที่แสนน่าเบื่อไปเถอะย่ะยัยขวัญ วันๆ เอาแต่สอนหนังสือ รบกับเด็กซนๆ ทะเลาะกับผู้ปกครองบางคนที่เลี้ยงลูกหลานยังกับไข่ในหิน ผัวแกก็ไม่มี ลูกก็ไม่มี แถมยังพกงานกลับมาทำต่อที่บ้านอีก”

“ไม่เห็นจะน่าเบื่อตรงไหน” หญิงสาววางปากกาในมือลง ลอยหน้าลอยตา “ไม่มีผัวสิดีจะได้ไม่มีภาระ อีกอย่างนะ แค่ดูแลลูกคนอื่นในโรงเรียน ฉันก็เหนื่อยพอแล้ว ไม่คิดจะมีลูกเป็นของตัวเองให้เหนื่อยเพิ่มหรอกย่ะ ชีวิตโสดแสนเสรี จะกินอะไร จะนอนเมื่อไหร่ หรือจะออกแรดกลางคืนก็ไม่มีใครว่า แกลองคิดดูสิว่าถ้าแต่งงานแล้วจะมีโอกาสแบบนี้เหรอ”

“ต๊าย!” ปราจีนห่อปาก ตาโต ยัดข้าวโพดเข้าปากทั้งกำมือ “เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ ไม่อยากแต่งงานเพราะกลัวอดแรด ว่าแต่คืนนี้ไปแรดที่ไหนกันดีจ๊ะ ฉลองที่พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์”

“ผับไง ดีไหม”

“ไม่กลัวเด็กนักเรียนเอาไปพูดถึงเหรอ”

“นอกเวลาราชการนี่จ๊ะ จะกลัวอะไร มีกฎหมายข้อไหนห้ามครูเที่ยวกลางคืนบ้างละ”

“อะ โอเค เดี๋ยวฉันดูละครจบก่อนแล้วจะกลับบ้าน ตอนดึกๆ สักห้าทุ่มจะมารับนะจ๊ะ”

บทสนทนายุติลงเพียงเท่านั้นเมื่อโฆษณาถูกตัด ละครของนักประพันธ์ยอดฝีมือกำลังโลดแล่นบนหน้าจอ พาให้ปราจีนเคลิบเคลิ้มเลิกให้ความสนใจเพื่อนไปเลย

ปลอบขวัญส่ายหน้า หยิบสมุดเล่มต่อไปมาตรวจ พลางเหลือบตามองโทรทัศน์เป็นระยะ อดคิดไม่ได้ว่า

‘หากการเดินทางข้ามกาลเวลามีจริง ฉันอยากรู้อนาคตมากกว่าอดีต แต่ก็อย่างว่านั่นละ... เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเพ้อฝันและไม่มีวันเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน!’

ช่วงดึกของคืนนี้ ปราจีนมารับปลอบขวัญตรงเวลาเป๊ะ ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่นาทีเดียว

ปราจีนสวมเสื้อแขนกุด กระโปรงสั้นเพียงคืบ แต่งหน้าจัดจ้าน แต่กลับไม่อาจเทียบรัศมีเพื่อนสนิทที่สลัดคราบอาจารย์แล้วแปลงโฉมเป็น ‘ผีเสื้อราตรี’ ได้อย่างแนบเนียน...

เริ่มจากผมยาวที่ดัดลอนแผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าปราศจากแว่นสายตา ตกแต่งรูปหน้าด้วยเครื่องสำอางโทนสีชมพู ริมฝีปากสีแดงเจิดจ้า สวมชุดเกาะอกอวดลำคอระหงและไหล่ลาดเนียน ตัวเสื้อรัดและเล็กจนขอบผ้าลอยอยู่เหนือสะดือเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบนวลเนียน กระโปรงสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยแต่ผ่าข้างอวดปลีขาเรียวสวย

สถานเริงรมย์คึกคัก นักท่องราตรีดื่ม กิน เต้น อย่างเมามันส์ ปลอบขวัญโยกตัวตามจังหวะดนตรี มือหนึ่งถือแก้วเหล้า ส่วนอีกมือโบกสะบัด

ปราจีนปวดปัสสาวะ ระหว่างไปห้องน้ำ เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งสวมสูทสีดำ มีผู้ติดตามกล้ามโตเดินตามสองคน

เธอนึกขำ มาเที่ยวผับ แต่ใส่สูทเต็มยศ ยังกับมาเฟีย... แต่คงเป็นมาเฟียที่หล่อที่สุดในโลก

หลายต่อหลายคนหันไปมองชายหนุ่มผู้เดินนำหน้าคนติดตาม แน่นอนว่าลักษณะการแต่งกายของเขาอาจเป็นจุดเด่น แต่สิ่งที่เด่นสุดคือใบหน้าอันหล่อเหลา ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นคงยากที่จะละสายตาไปทางอื่นได้

แวบหนึ่งที่เขาปรายตามาทางเธอ เธอจึงส่งยิ้มให้ แล้วก็ต้องยิ้มเก้ออยู่อย่างนั้น เมื่อเขามองเมินไปทางอื่น เสมือนว่าเธอไร้ตัวตน “ผู้ชายอะไรหล่อแต่หยิ่ง น่าให้ไปเจอยัยขวัญจริงๆ รายนั้นเกลียดคนแบบนี้ที่สุด” ปราจีนบ่นก่อนจะเลิกให้ความสนใจบุรุษแปลกหน้าไว้เพียงเท่านั้น แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป จึงไม่มีโอกาสรู้เลยว่าเพื่อนสาวกำลังเจอกับอะไร

“ว้าย!” ปลอบขวัญอุทานเมื่อเธอถอยหลังไปชนใครคนหนึ่งเข้าเต็มแรง แก้วเหล้าในมือกระฉอกเกือบหมด น้ำเมาราดรดอกเธอ และบางส่วนได้กระเซ็นใส่ชายคนที่เธอพลั้งไปชน

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ” หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าเต็มตา

เธอเบิกตากว้างเมื่อสานสบนัยน์ตาคมกริบสีดำสนิทคู่นั้น เขาสูงมากทีเดียว... สูงจนเธอต้องแหงนคอตั้งบ่า แววตาเขานิ่งสงบพอๆ กับสีหน้าที่เฉยชา

ปลอบขวัญลนลานเอามือเช็ดน้ำแอลกอฮอล์ที่เปียกชุ่มเนินอกอย่างทุลักทุเล จู่ๆ ชายหนุ่มก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าหวานให้เธอ “เอ่อ... ขอบ ขอบคุณค่ะ” ปลอบขวัญรับผ้าด้วยท่าทางเงอะงะ ซับน้ำออกจนแห้ง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเสื้อเขาก็โดนน้ำกระเซ็นใส่เช่นกัน

เขายืนนิ่งขึง จนเธอใช้ผ้าแตะๆ เสื้อบริเวณอกของเขาจนพอใจแล้วนั่นละ เขาถึงได้ขยับตัวเล็กน้อย เธอเงยหน้ามองอย่างเจื่อนๆ ส่งผ้าคืนให้

ดวงตาคู่คมสีดำสนิทหลุบลงมองผ้า แล้วหันไปพยักหน้าให้ชายหัวล้าน “โจ้ จัดการที”

“รับทราบครับ” โจ้ก้มศีรษะ รับผ้าจากหญิงสาวแล้วนำไปทิ้งถังขยะ

“ผ้ายังดีอยู่เลย ไม่น่าทิ้ง” ปลอบขวัญรำพึงอย่างเสียดายผ้าผืนน้อยทว่าปักลวดลายสวยงามผืนนั้น

“มันเป็นของผม ผมมีสิทธิ์ทิ้งไม่ใช่หรือครับ” เขาย้อนถาม และเธอก็เถียงไม่ออก ได้แต่ยืนคอแข็ง กำลังจะขอตัวไปให้ห่างผู้ชายน่ากลัวคนนี้ ทว่าเขากลับเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาเสียก่อน “ขอโทษนะครับ ผมคงต้องเชิญคุณไปที่หนึ่ง”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อักษรสีทอง

ข้อมูลเพิ่มเติม
อุ้มรักเมียลับของท่านประธาน

อุ้มรักเมียลับของท่านประธาน

โรแมนติก

5.0

เพราะน้ำเมาในคืนนั้น เธอจึงพลาดท่า ‘ท้องไม่มีพ่อ’ เธอจำผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร สิ่งที่จำได้ดีคือเสียงของเขาเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เธอคลอดลูกชายฝาแฝด มีคนแปลกหน้ามาจับตัวเธอและลูกๆไป…คฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับวังคือสถานที่เธอและลูกถูกพาตัวมา เธอได้พบใครคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ทว่าแววตากลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ “ในที่สุด ผมก็ตามหาคุณเจอเสียทีนะ” เธอจำได้…เสียงทุ้มทรงอำนาจที่ไม่เคยลืมเลย เขาคือผู้ชายในคืนนั้น ! “คุณตามหาฉันเจอได้ยังไง” “ไม่มีอะไรที่ผมต้องการแล้วจะไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้จะใช้เวลานานไปหน่อยก็เถอะ” หญิงสาวนั่งคุกเข่ากอดลูกๆแนบอก เนื้อตัวสั่นระริก ถามด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่อยู่ “คุณต้องการอะไร” “ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนกันที่มาเสียตัวให้ผมแล้วก็ชิ่งหนีไป แต่พอรู้ว่าคุณมีลูก ผมก็ต้องการลูก” “ไม่ได้นะ” เธอกอดลูกชายทั้งสองแน่นกว่าเดิม “เด็กๆเป็นลูกของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างสูงขยับมายืนใกล้ๆ หรี่ตามองเธอและเด็กๆ ก่อนยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน “มีแค่มดลูก คุณจะท้องได้เองหรือไง ถ้าไม่ได้สเปิร์มจากผมไปน่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนวูบ… เพิ่งรู้ก็วันนี้เองว่า พ่อของลูกเธอนั้นไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ร่ำรวยมหาศาล ที่สำคัญเขาต้องการลูกๆ เธอจะต้องหนีจากเงื้อมมือของเขาให้ได้ อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน จะยอมให้เขามาพรากลูกไปจากอกไม่ได้เด็ดขาด แม้จะตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องหนีให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว…นอกจากจะหนีไม่พ้นแล้ว อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขา !

คู่นอนสุดที่รัก

คู่นอนสุดที่รัก

โรแมนติก

5.0

เธอเป็นเลขาของเขา ส่วนเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ.... อัมพิกาตกหลุมรักนิโคลัสตั้งแต่แรกเห็น ทว่า...สถานะระหว่างเลขากับท่านประธานช่างต่างกันจนเธอไม่อาจคาดหวังเกินตัว 1 ปีผ่านไป จากการได้ทำงานใกล้ชิด เธอยิ่งหวั่นไหวจนยากจะถอนหัวใจ ได้แต่เก็บงำความรักไว้เป็นความลับในใจ ไม่สามารถเอ่ยปากไปได้ จนวันหนึ่ง เธอและเขาต่างเมาด้วยกันทั้งคู่จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เธอยินยอมเพราะรัก แต่เขามีเพียงความใคร่ ในวันที่เสียตัวให้เขาแล้ว เขาพาเธอไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน...ที่นั่น ก็มีสาวสวยอยู่แล้วคนหนึ่ง เขาตั้งกติกาว่า ระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้น...หากใครมีทายาทให้เขาได้ก่อน เขาจะยอมจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรัก แต่เป็นทายาทสืบสกุล ! ผู้ชายเลือดเย็นคนนี้น่ะหรือที่เธอรัก...ต่อให้เธอเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็อย่าฝันเลยว่าเธอจะยอมให้เห็นหน้าลูก !!

เสน่หาภรรยา ม.ปลาย

เสน่หาภรรยา ม.ปลาย

โรแมนติก

5.0

สรวิชญ์คือรักแรกของฝากขวัญ... เธอเป็นลูกสาวหัวหน้าคนงาน ส่วนเขาคือลูกชายเจ้าของไร่สิงห์คำรามที่อายุมากกว่าเธอ 5 ปี ความใกล้ชิดก่อเกิดความสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เธอในวัยเยาว์ ไร้เดียงสา เรียนยังไม่จบมัธยมปลายก็เสียตัวให้เขา เธอวาดฝันถึงอนาคตที่ดี ความรักที่สวยงาม แต่แล้ว...ในวันที่เธอจบการศึกษาชั้น ม.6 คือวันเดียวกับที่ถูกเขาทอดทิ้ง พ่อพาเธอไปอยู่กรุงเทพเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ในขณะที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้นทุกวัน โดยที่สรวิชญ์ไม่เคยรู้เลยว่าเธออุ้มท้องสายเลือดของเขาอยู่ เวลาผ่านไป 6 ปี ลูกสาวของเธออายุ 5 ขวบ เธอได้เดินทางกลับมาที่ไร่สิงห์คำรามเพื่อดูแลสรัณซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของพ่อ เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง...เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากหนุ่มหน้าใส กลายเป็นผู้ชายดุดัน ไว้หนวดเครา ตัวโตร่างใหญ่ ที่สำคัญ...เขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอไม่มีทางให้เขาสมหวังหรอกนะ เธอเคยเสียใจมากแค่ไหน เขาต้องได้รับความเสียใจมากกว่าเธอ ฝากขวัญไม่รู้เลยว่า...ความอยากเอาคืนในวันนั้น จะทำให้เธอตกหลุมรักอดีตสามีเป็นครั้งที่สอง ทว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายผู้ไร้เดียงสาอีกแล้ว เธอไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ !

ถ่านไฟรักสามีเก่า

ถ่านไฟรักสามีเก่า

โรแมนติก

5.0

เธอเคยคิดว่าเขา รัก’จึงยอมยกให้ทั้งตัวและหัวใจ ทว่าในความจริง เธอเป็นได้แค่ ‘เมียในความลับ’ ที่ทำได้เพียงรอเวลาให้เขามานอนด้วย เจ้าสาวที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของเธอขาดลงก็คือการที่เธอตั้งครรภ์ แต่เขากลับแนะนำให้ไปทำแท้ง พอที...เธอไม่สามารถคบกับผู้ชายใจร้ายเช่นเขาได้อีก พรอุษาตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีแต่ความเจ็บปวด อุ้มท้องลูกน้อยหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ 4 ปีผ่านไป บาดแผลในใจเริ่มจางหาย พร้อมลูกสาวที่เติบโตมาอย่างน่ารัก แล้วในวันหนึ่ง...โชคชะตาก็ทำให้เธอบังเอิญพบเจอกับสามีเก่าอีกครั้ง ถ่านไฟที่ยังไม่ทันได้ดับสนิทเริ่มติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง...แต่ทว่าเธอจะไม่มีวันยอมผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ...................... “นี่มัน” ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว ดึงแผ่นทดสอบมาดู... ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าที่ถืออยู่นี้คืออะไร แล้วความหมายของสองขีดแดงคืออะไร...สายตาคู่คมจ้องหน้าเธออย่างเดือดดาล “เธอท้องเหรอ” “คือ...มัน...เอ่อ” เธออึกอัก “เธอท้อง...” เขากดเสียงให้ต่ำลงไปอีก ส่งผลให้เธอตัวลีบเล็ก อึกอัก “พิมลองตรวจดู ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะขึ้นสองขีด” “ไม่คิดงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง แสยะมุมปาก ปล่อยมือจากเธอพร้อมขยำแผ่นทดสอบปาลงพื้น “ฉันจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไปเอาเด็กออกซะ”

อุ้มรักสายเลือดท่านประธาน

อุ้มรักสายเลือดท่านประธาน

โรแมนติก

4.7

เธอได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดัง แต่ไม่นึกเลยว่าการพบกันครั้งแรกระหว่างเขาและเธอ...จะทำให้เธอสูญเสียพรหมจรรย์ไป เขามีเงิน มีอำนาจ และมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่เธอควรหลีกหนีให้ไกลที่สุด เธอตั้งใจจะลืมเรื่องคืนนั้นแล้วใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทว่า...เช้ามา เธอก็ตกงาน จากนั้นก็โดนนักเลงมาข่มขู่คุกคาม แถมยังโดนเจ้าของห้องเช่าไล่ออกอีกต่างหาก เธอมั่นใจว่าคนที่หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอก็คือคู่หมั้นของนนทิวรรธน์ ที่เธอต้องมาซวยก็เพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว !! เธอบุกไปบ้านเขาเพื่อทวงความยุติธรรม เพื่อให้เขามอบความปลอดภัยให้เธอ แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจากกลายเป็นเมียลับของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ สถานะเมียลับที่อยู่ในความคุ้มครองของเขา ได้เงินทองมากมาย ใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ไม่เคยได้รับความรัก และในวันที่เขาจะแต่งงาน คือวันเดียวกับที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ และที่สำคัญสุดคือ...หัวใจทั้งดวงของเธอเป็นของเขาไปแล้ว ซ้ำร้าย…เธอมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเขาเพียง 1 เดือน ก็โดนเขาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เธอต้องเก็บเสื้อผ้าออกมาจากชีวิตด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่...ทิ้งสถานะเมียลับให้เป็นเพียงความทรงจำ พร้อมกับฝังความลับเรื่องการตั้งครรภ์ไม่ให้ล่วงรู้ถึงหูเขา 2 ปีต่อมา เธอได้พบกับอดีตสามีอีกครั้ง ในฐานะเลขาชั่วคราวกับท่านประธานบริษัท ความลับเรื่องลูก...เขายังไม่รู้ และจะไม่มีวันได้รู้เด็ดขาด แต่ใครจะนึกล่ะว่าความลับไม่มีในโลก !

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ได้ยินเสียงฉันไหม

ได้ยินเสียงฉันไหม

โรแมนติก

4.4

เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น “กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?” เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

มหาเศรษฐี

4.9

เมื่อองค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ถูกวางยาปลุกกำหนัดในคืนวันอภิเษกสมรส... จิรัชยาเป็นเพียงลูกของนางบำเรอของอัครมหาเสนาบดีประจำมหานครฟาดิลาห์ หน้าที่ของลูกนอกสมรสอย่างหล่อนก็คือคอยรับใช้ ฮันนา ว่าที่องค์สุลตาน่า ความทุกข์แสนสาหัสเดียวในใจของหล่อนก็คือการแอบหลงรักจ้าวผู้ครองแคว้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วความฝันของหล่อนก็เป็นจริง เมื่อหล่อนได้นอนอยู่ใต้ร่างขององค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ แต่คืนนั้นมันเป็นคืนแต่งงานของเขากับฮันนา...! “ยังไม่รีบไสหัวลงไปจากเตียงอีกหรือ!” กายสาวบอบช้ำยังไม่ทันได้ขยับลงจากแท่นบรรทมก็ถูกเขาผลักไสแรงๆ จนกลิ้งตกลงมากองกับพื้นห้องไม่ต่างจากเศษขยะสกปรก น้ำตาแห่งความปวดร้าวไหลพรากออกมาราวกับสายฝน “หม่อมฉัน... ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉัน...” จิรัชยาพยายามจะอธิบาย แต่เสียงเกรี้ยวกราดขององค์สุลต่านแผดดังก้องขึ้นเสียก่อน หล่อนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว “เธอกล้ามากนะที่วางยาฉัน!” “หม่อมฉัน... ไม่รู้เรื่องนะเพคะ หม่อมฉัน... ไม่ได้ทำ...” หล่อนสะอื้นได้อย่างน่าเวทนา แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตาจากชายผู้สูงศักดิ์เลยแม้แต่น้อย “ถ้าเธอไม่ได้ทำ งั้นก็คงเป็นแม่ของเธอสินะที่ทำ จิรัชยา!”

คุณนายเป็นใบ้

คุณนายเป็นใบ้

โรแมนติก

5.0

เล่อซานเป็นคนใบ้ เธอถูกสามีละเลยมาเป็นเวลาห้าปี ม้แต่เธอตั้งท้องยังถูกแม่สามาีทำร้ายจนแท้งลูก หลังจากการหย่าร้าง สามีของเธอก็ประกาศหมั้นกับคนรักในใจของเขาทันที เธอกุมท้องที่นูนเล็กน้อยไว้ ในที่สุดก็ได้สติและเข้าใจว่าเขาไม่เคยจริงจังกับเธอมาก่อน... เธอหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาด และทั้งสองก็กลายเป็นคนแปลกหน้า หลังจากที่เธอจากไป ชายคนนั้นก็ตามหาเธอไปทั่วโลก เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง เธอก็รักคนอื่นไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาถามอย่างถ่อมตัวว่า "ได้โปรดอย่าไป..." ทว่าคำแรกที่เธอพูดก็คือให้เขาไปให้พ้น!

ความรักเป็นพิษ

ความรักเป็นพิษ

โรแมนติก

5.0

เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" “จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ” “ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ