มีหลายคนพร่ำบอกผมเสมอว่าอย่ายุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้ว แต่...แล้วไงใครแคร์ เธอเป็นแฟนของผู้ชายคนนั้น และเธอก็เป็นเมียผมเหมือนกัน ใครกินก่อนคนนั้นก็ต้องได้ ........................................................................ มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้ เราสามคนได้พานมาพบเจอกัน ไม่รู้ว่าสิ่งนี้เรียกว่าพรมลิขิตหรือเวรกรรมกันแน่ อีกคนรูปหล่อและเพียบพร้อมดั่งเทพบุตร ส่วนอีกคนช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่าเขาหน้าตาไม่ดีหรืออะไร แต่เขาน่ะ...ทั้งหล่อ ทั้งโหดและโคตรเถื่อน นิสัยแบบนี้เกินที่ฉันจะรับไหวจริงๆ "เลือกเอาว่าจะมีผัว หรือกินลูกตะกั่ว ยอมไม่ยอมไหนตอบให้ชื่นใจ" "ขอกินลูกตะกั่วดีกว่า ท่าทางจะอร่อยกว่านายเยอะเลย" อุ๊ย! โทษที พอดีปากมันพล่อย
คุณเคยมีความฝันหรือเปล่า?
ฝันว่าอยากมีอนาคตที่สบาย หรือฝันที่อยากจะอยู่กับคนที่คุณรักไปนานๆ
แน่นอนว่าทุกคนล้วนมีความฝันเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งก็เหมือนกับผู้หญิงที่ชื่อ ‘เนโกะ’ คนนี้
เธอฝันที่อยากจะเรียนต่อสูงๆ และมีอนาคตที่ก้าวไกล แต่แล้ว...ความฝันของเธอทั้งหมดก็ต้องพังลงด้วยน้ำมือของผู้ชายคนนั้นที่ชื่อว่า ‘วายุ’
“ถอดเสื้อผ้าออกซะ!”
ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงที่ดังลั่น สีหน้าและแววตาของเขาเหมือนเสือร้ายที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อได้ทุกเมื่อ
“ฮึก...ไม่ค่ะ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ พ่อฉันติดหนี้พวกคุณเท่าไหร่เดี๋ยวฉันชดใช้ให้เอง”
เธอก็ได้แต่ร้องห่มร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจ หยดน้ำตามากมายไหลพรากอาบแก้มเนียนไม่ขาดสาย แต่ผู้ชายตรงหน้ากลับไม่คิดจะสงสารหรือเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอเลยสักนิด
“ก็ชดใช้ด้วยร่างกายของเธอไง ไม่เห็นต้องทำเรื่องง่ายๆ ให้เป็นเรื่องยาก”
เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ งั้นเหรอ? นี่น่ะมันคือเรื่องยากที่สุดในชีวิตของเธอแล้วล่ะ เธอจะไม่รู้สึกเสียใจและเจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าหากว่าเธอ...ไม่มีคนรักของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว
ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะยอมมีอะไรกับคนอื่นทั้งที่ไม่ใช่คนรักของตัวเองจริงไหม?
ทำไมเธอต้องมาชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ และทำไมบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าพ่อต้องส่งเธอมา ‘ขาย’ ให้กับพวกมาเฟียจิตใจโหดร้ายแบบนี้…
ฉันชื่อ ‘เนโกะ’ เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ตอนนี้ฉันเรียนจบปริญญาตรีแล้ว และกำลังคิดว่าจะไปต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ แต่ทว่าช่วงนี้พ่อของฉันเหมือนจะมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ฉันก็เลยไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองหลังจากนี้มันจะดำเนินไปในทางไหนกันแน่
ในขณะเดียวกันเพื่อนๆ ในกลุ่มฉันกลับได้เดินตามความฝันของตัวเองได้อย่างไม่ติดขัด
ฉันว่าจะลองสอบทุนเรียนต่อต่างประเทศดู แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไหร่ว่าจะทำได้หรือเปล่า เพราะฉันก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น
แต่ก็ยังโชคดีล่ะนะที่ฉันสามารถพูดได้สามภาษา ทั้งไทย ญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ แบบนี้มันก็พอที่จะทำให้ฉันก้าวหน้าได้เหมือนกัน
“เธอจะเรียนต่อโทที่ไหนเหรอเนโกะ”
‘ขวัญ’ เพื่อนสนิทของฉันเอ่ยถามขึ้นมา ก่อนหน้านี้พวกเพื่อนๆ ของฉันกำลังคุยเรื่องเรียนต่อกันอย่างออกรสชาติ แต่ฉันกลับต้องนั่งฟังเงียบๆ โดยไม่รู้ว่าควรจะแสดงความคิดเห็นยังไง
“ฉันยังไม่รู้เลย พอดีช่วงนี้พ่อมีปัญหานิดหน่อย”
หลังจากที่แม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อนอะไรมันก็ดูย้ำแย่ไปหมด
พ่อของฉันเสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนไปหลายวัน และต่อจากนั้นนิสัยของพ่อก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ถ้าเปลี่ยนไปในทางที่ดีฉันจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่พ่อเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง
จากคนที่พูดจาดี และอ่อนโยน กลับกลายเป็นคนโมโหร้ายยิ่งกว่าอะไร บางทีเราก็ถึงขั้นทะเลาะกันรุนแรง ซึ่งฉันเองก็งงแทบทุกครั้งว่าตัวเองทำอะไรผิดนักหนา
“เก่งๆ อย่างเธอเดี๋ยวก็มีโอกาสเข้ามาหาเองแหละน่า อย่าพึ่งเครียดไปเลย” ‘ข้าว’ ที่เป็นเพื่อนสนิท และยังเป็นฝาแฝดกับขวัญพูดปลอบใจฉัน พร้อมกับเอื้อมมือมาตบที่ไหล่เบาๆ
“ตั้งแต่แม่ฉันเสียไปฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีอะไรขนาดนั้นนะ โอกาสที่เข้ามามันน่าจะเป็นโอกาสแย่ๆ มากกว่า”
ฉันไม่รู้ว่าคิดยังไงถึงพูดออกไปแบบนั้น ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงที่แสดงออกไปมันแอบแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยและหม่นหมอง
โชคชะตาคงไม่เมตตาฉันอีกต่อไปแล้วล่ะ...
“คุยอะไรกันอยู่ครับสาวๆ”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังแทรกขึ้นมาแต่ไกล แค่ได้เห็นหน้าเจ้าของเสียงบรรยากาศที่เคยหม่นเมื่อสักครู่ก็กลับมามีสีสันสดใสอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้ชื่อ ‘เต้’ เขาเป็นแฟนของฉันเอง เราคบหากันมาเกือบจะห้าปีแล้ว ความรักของเราไม่เคยจืดจาง และเขาก็เป็นคนเดียวที่อยู่เคียงข้างฉันตลอดมาในยามที่ฉันรู้สึกหมดกำลังใจ
ดูๆ แล้วความสัมพันธ์ของเรามันเหมือนจะดีใช่ไหมล่ะ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพราะครอบครัวของเขาไม่ค่อยชอบฉันเท่าไหร่
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่อาจรู้ได้ว่าในอนาคตเรื่องระหว่างเรามันจะเป็นเช่นไร
ฉันเห็นมานักต่อนักแล้วที่หลายคู่มักจะเลิกลากันเพราะปัญหานี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ บางทีเราสองคนคงไม่จบกันด้วยปัญหานี้หรอก อุตส่าห์คบกันมาได้นานขนาดนี้แล้วหนิเนอะ
จริงๆ แล้วเต้เป็นผู้ชายที่ดีมาก ตลอดเวลาที่คบหากันเขาทั้งสุภาพบุรุษและให้เกียรติฉัน ไม่เคยล่วงเกินอะไรฉันเลย ทำได้มากสุดก็แค่จับมือกับหอมแก้ม
ซึ่งฉันก็พอใจที่เขาเป็นแบบนี้ มันทำให้ฉันรู้ว่าเขาเห็นคุณค่าของความรักมากกว่าร่างกาย
มาคิดๆ ดูแล้วฉันคงหาผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์และเพียบพร้อมเหมือนอย่างเขาไม่ได้อีกแล้วล่ะ
“คุยกันเรื่องทั่วๆ ไปน่ะค่ะ แล้วนี่เต้ไปทำธุระให้แม่เสร็จแล้วเหรอ”
ฉันขยับที่เพื่อให้เต้นั่งลงข้างๆ ใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ก่อนจะนั่งลง
“เสร็จแล้วครับ”
“ไหนๆ เต้ก็มาแล้วงั้นฉันกับข้าวขอตัวก่อนนะ เหม็นกลิ่นความรัก”
ขวัญพูดแซวยิ้มๆ มือบางเอื้อมไปคว้าข้อมือข้าวฝาแฝดของเธอ แล้วพากันเก็บของชิ่งหนีไปโดยที่ฉันปริปากพูดอะไรแทบไม่ทัน
“เพื่อนหนีไปแล้ว งั้นเราไปหาอะไรทานกันมั้ยเนโกะ”
“ค่ะ” ฉันรีบพยักหน้าตอบรับพร้อมรอยยิ้มหวาน นานๆ ทีเราสองคนถึงจะมีเวลาไปไหนด้วยกัน เพราะเต้ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เนื่องจากเขาต้องไปคอยคุยเรื่องธุรกิจให้กับครอบครัว
เต้เป็นลูกครึ่งไทย-จีน ธุรกิจทางบ้านของเขาเลยมีทั้งสาขาไทยและจีน ด้วยเหตุนี้เต้เลยมักจะบินไปที่จีนบ่อยๆ เขาไม่ค่อยมีเวลาว่างให้ฉันมากนัก ซึ่งฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร เพราะเข้าใจเขาดีว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน จึงไม่แปลกที่เขาจะต้องสานต่อธุรกิจของครอบครัว และไม่แปลกที่พ่อกับแม่ของเขาจะหวงเขามากขนาดนี้
และฉันก็เชื่อว่าอีกไม่นานต้องมีการหาแฟนให้กันแน่ๆ
เต้พาฉันเดินไปขึ้นรถยนต์ของเขาที่จอดอยู่ ก่อนจะเปิดประตูเพื่อให้ฉันเข้าไปนั่ง
วันแรกเขาสุภาพกับฉันแบบไหนวันนี้เขาก็ยังคงสุภาพไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน เต้ก็ยังคงทำตัวเสมอต้นเสมอปลายกับฉัน
แล้วแบบนี้จะให้ฉันปล่อยผู้ชายดีๆ อย่างนี้ไปได้ยังไงล่ะ...
“ธุรกิจที่บ้านเป็นยังไงบ้างคะ ช่วงนี้เราเห็นเต้ไปคุยธุระให้แม่บ่อยมากเลย เหนื่อยหรือเปล่า”
ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ขณะที่เต้ก็กำลังสตาร์ทรถเพื่อขับเคลื่อนออกไปบนท้องถนน
“นิดหน่อยครับ แต่พอได้ยินเนโกะถาม เต้ก็หายเหนื่อยแล้ว”
รอยยิ้มเล็กๆ กระตุกขึ้นที่มุมปากหนา ซึ่งก็ไม่ต่างกับฉันที่กำลังนั่งอมยิ้มเขินอายเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว
“แล้วนี่เต้ต้องบินไปดูสาขาที่จีนบ้างหรือเปล่าคะ”
“อืม...เต้ลืมบอกไปเลย”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดูผ่อนคลายสบายๆ ในตอนแรกแปรเปลี่ยนมาเคร่งเครียดในฉับพลัน จนฉันต้องหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา
“อะไรคะ?” คิ้วของฉันเลิกขึ้นสูง ท่าทีแบบนี้ของเต้ทำให้ฉันรู้ล่วงหน้าได้เลยว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดี
“เต้ต้องไปดูแลสาขาที่จีนเป็นเวลาหนึ่งปีน่ะ พอดีจะมีคนมาร่วมหุ้นด้วย พ่อกับแม่ก็เลยอยากให้เต้เข้าไปดูแลแบบใกล้ชิด”
“พ่อกับแม่ทำถูกแล้วล่ะค่ะ เต้เข้าไปดูแลเองน่ะดีแล้วธุรกิจจะได้รุ่งเรืองขึ้น และไม่มีอุปสรรค์อะไร”
เต้เป็นคนเก่งและฉลาด หัวของเขามีพรสวรรค์ในด้านบริหารงาน ฉันว่ายังไงถ้าได้เขาเข้าไปดูแลทุกอย่างเองมันก็ย่อมส่งผลดี
“เนโกะเข้าใจเต้ใช่มั้ยครับ เต้ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้”
บทที่ 1 .
11/09/2022
บทที่ 2 .
11/09/2022
บทที่ 3 .
11/09/2022
บทที่ 4 .
11/09/2022
บทที่ 5 .
11/09/2022
บทที่ 6 .
11/09/2022
บทที่ 7 .
11/09/2022
บทที่ 8 .
11/09/2022
บทที่ 9 .
11/09/2022
บทที่ 10 .
11/09/2022
บทที่ 11 .
11/09/2022
บทที่ 12 .
11/09/2022
บทที่ 13 .
11/09/2022
บทที่ 14 .
11/09/2022
บทที่ 15 .
11/09/2022
บทที่ 16 .
11/09/2022
บทที่ 17 .
11/09/2022
บทที่ 18 .
11/09/2022
บทที่ 19 .
11/09/2022
บทที่ 20 .
11/09/2022
บทที่ 21 .
11/09/2022
บทที่ 22 .
11/09/2022
บทที่ 23 .
11/09/2022
บทที่ 24 .
11/09/2022
บทที่ 25 .
11/09/2022
บทที่ 26 .
11/09/2022
บทที่ 27 .
11/09/2022
บทที่ 28 .
11/09/2022
บทที่ 29 .
11/09/2022
บทที่ 30 .
11/09/2022
บทที่ 31 .
11/09/2022
บทที่ 32 .
11/09/2022
บทที่ 33 .
11/09/2022
บทที่ 34 .
11/09/2022
บทที่ 35 .
11/09/2022
บทที่ 36 .
11/09/2022
บทที่ 37 .
11/09/2022
บทที่ 38 .
11/09/2022
บทที่ 39 .
11/09/2022
บทที่ 40 .
11/09/2022
หนังสืออื่นๆ ของ JAMBENZ
ข้อมูลเพิ่มเติม