“หย่ากันเถอะ”
เจี่ยนเหยาเพิ่งกลับมาจากถ่ายละครเสร็จ สามีก็โยนข้อตกลงการหย่าร้างมาตรงหน้าของเธอ
เธอมองผู้ชายที่ดูสูงส่งทะนงตัวตรงหน้าคนนั้น
คิดไม่ถึงว่าไม่ได้เจอกันสามเดือน สิ่งแรกที่เขาพูดคือคำว่าหย่าร้าง
เมื่อเห็นเธอเงียบไม่พูดอะไร
ฟู่เซิ่งเหนียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจี่ยนเหยา อย่าบอกนะว่าคุณกลับใจแล้ว! สัญญาแต่งงานครบสองปีแล้ว คุณมากลับใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ!”
ใช่!
สัญญาแต่งงานสองปีของพวกเขามันถึงกำหนดแล้ว
เธอเองก็ควรลงมาจากตำแหน่งคุณนายฟู่ของเธอได้แล้ว
“ปีนี้เจี่ยนซืออายุยี่สิบปีแล้วสินะ ถึงอายุที่สามารถแต่งงานกันตามกฎหมายได้แล้ว พวกเราหย่าร้างกัน มันก็พอดีเลย” เธอแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง
เจี่ยนซือเป็นน้องสาวต่างมารดาของเธอ แล้วก็เป็นคนที่อยู่ในใจของฟู่เซิ่งเหนียนเช่นกัน
สองปีก่อน เจี่ยนซือตรวจว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือด ผลการตรวจเลือดของเธอมันตรงกับเจี่ยนซือพอดี แถมยังไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน
ถึงแม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าที่ล้มป่วย เธอก็เลือกที่จะช่วยเหลืออย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายเป็นน้องสาวของเธอ
แต่ฟู่เซิ่งเหนียนไม่คิดแบบนั้น เขาตัดสินว่าเธอเลือดเย็นไร้ความรู้สึกไม่มีทางช่วยเหลือเจี่ยนซือแน่นอน
ดังนั้น เพื่อเจี่ยนซือเขาไม่ลังเลที่จะคุกเข่าอ้อนวอนเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอไม่เคยเห็นฟู่เซิ่งเหนียนถ่อมเนื้อถ่อมตัวขนาดนี้มาก่อน
เธอกับฟู่เซิ่งเหนียนถือว่าเป็นเพื่อสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เธอรักเขามาตั้งสิบปีเต็ม ๆ
เมื่อเห็นว่าเขาทำขนาดนี้เพื่อคนอื่น เธอก็ทั้งโกรธทั้งเกลียดและอิจฉาริษยาจนแทบจะบ้าเลย
จึงบีบบังคับให้ฟู่เซิ่งเหนียนแต่งงานกับเธอในตอนนั้นทันที
เพื่อที่จะช่วยเหลือเจี่ยนซือ ฟู่เซิ่งเหนียนสัญญาที่จะให้เวลากับเธอสองปี
ระยะเวลาสองปี เจี่ยนเหยาคิดอย่างใสซื่อว่ามันเพียงพอที่จะทำให้ฟู่เซิ่งเหนียนหลงรักเธอ
แต่สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ พ่ายแพ้อย่างยับเยิน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มุมปากที่ซีดขาวของเจี่ยนเหยาก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมา
ดวงตาที่สวยดูดีของฟู่เซิ่งเหนียนหมดความอดทน ยื่นปากกาในมือออกไป พลางพูดขึ้นอย่างเฉยชา “เซ็นชื่อเถอะ”