ในห้องนอนที่ใหญ่กว้าง มีเสียงโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงที่ประณีต ดังอย่างไม่ยอมหยุด ทำให้ นรีรัตน์ ทวีศักด์สกุล รำคาญจนทนไม่ได้
เธอพยายามคว้าผ้าปูที่นอนที่ทับอยู่ใต้ร่าง ขณะที่เธอตะคอกชายที่อยู่ข้างเธอ “ชยุด คุณ–” ก่อนที่เธอจะพูดจบ ชายคนนั้นก็ทำให้เธอครางด้วยความอิ่มเอม
เธอยังไม่ทันได้พูดจบเลย ผู้ชายคนนั้นก็ทำให้เสียงโทษของเธอกลายเป็นการหายใจหืด ๆ แทน
ร่างของเธออ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งลนไฟ เมื่ออยู่ภายใต้ร่างของเขา
ชายคนนั้นค่อย ๆ เขยิบตัวออกจากร่างของนรีรัตน์ เขาบิดขี้เกียจก่อนยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างโต๊ะ
“ที่รัก เดี๋ยวพี่ลงมาหาจ้ะ “ตัวเองรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้วใช่มั้ยจ้ะ” เขาชงักไปชั่วครู่ก่อนผงกศีรษะ “งั้นพี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนค่อยลงไปนะ รักนะ”
ผู้ชายที่อยู่ข้างเธอสูงชะลูด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ มัดกล้ามของเขาช่างยั่วยวนและเซ็กซี่ โดยเฉพาะตอนที่เหงื่อไหลลู่ไปตามผิวอันเงางามของเขา ดวงตาของเขานั้นดูแสนจะอบอุ่นและเป็นมิตร เต็มไปด้วยความเสน่ห์และความเอาใจใส่
แต่นรีรัตน์รู้ดีว่า ความรู้สึกนั้นเขาไม่ได้จะมอบให้เธอ
ความอ่อนโยนของเขา มีคนๆ เดียวเท่านั้นที่ได้จับจองเป็นเจ้าของ
เมื่อได้ยินเสียงอันนุ่มนวล เธอถึงกับชะงักไปชั่วขณะ
นรีรัตน์หยิบผ้าห่มที่ร่วงลงบนพื้นขึ้นมาห่อตัวอย่างเย็นชาขณะที่ชยุดก้าวเท้าไปอาบน้ำ
ประตูห้องน้ำเปิดอยู่ และส่งเสียงน้ำ“หัวๆ” ออกมา
เธอกวาดสายตามองไปรอบห้อง ของตกแต่งทุกชิ้นนำเข้ามาจากประเทศ D เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เป็นของหรูทั้งนั้น
นี่เป็นห้องนอนห้องหนึ่งของวิลล่าตระกูลเกียรติโรจนปรีชา แต่สำหรับนรีรัตน์แล้วมันไม่ต่างไปจากพวกโรงแรมห้าดาวที่เธอเคยพักเลยแม้แต่น้อย
“ลงไปถ่ายรูปให้ผมด้วย” ชยุดเดินออกมาจากห้องน้ำขณะที่เธอมัวแต่เหม่อมองไปรอบ ๆ ห้อง
น้ำเสียงของเขาดูเย็นชา เธอเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่งที่เขาเล่นเสร็จแล้วก็ทิ้งไป
ที่แท้จริงแล้ว เขาเกียจเธอมาก ถึงแม้ว่าเธอเป็นภรรยาของเขา แต่เขากลับไม่มีความรู้สึกใดๆ กับเธอ และไม่เห็นคุณค่าในตัวเธอเลย
เหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเขาต้องทนอยู่ด้วยกัน ก็เพื่อทำตามข้อตกลงที่ทั้งสองได้ทำไว้ ทั้งหมดที่เธอต้องทำ คือต้องเข้านอนกับเขาในเวลาที่สั่งไว้ในทุกๆ วัน ข้อตกลงในสัญญาระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เธอต้องตั้งครรภ์ภายในปี
หากเธอไม่สามารถให้กำเนิดลูกให้เขาได้ หุ้น AN กรุ๊ปที่เธอถืออยู่ทั้งหมด จะถูกยึดคืนและเธอคงไม่มีตัวเลือกอื่นเสีย นอกจาก ต้องถูกไล่ออกไปจากเมือง A
AN กรุ๊ปเป็นบริษัทชั้นนำบนหน้านิตยสารฟอร์บส์ ที่ทะยานสู่จุดสูงสุดของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ จนไม่มีบริษัทไหนทัดเทียมได้
ชยุด เกียรติโรจนปรีชา ประธานของบริษัท เป็นตำนานผู้ก่อตั้ง ตอนที่อายุเพียง 17 ปี เขาได้ทำกำไรสุทธิเครือ AN กรุ๊ปได้เป็นสองเท่า ส่งผลให้บริษัททะยานจากอันดับที่ 7 ไปสู่อันดับ 1 ในการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์
เขาได้รับฉายาอย่างต่อเนื่องมาเป็นสามจากนิตยสาร《บุคคลตำนานในโลก》ว่า ‘ชายผู้ที่หญิงสาวทั้งโลกอยากจะแต่งงานด้วยมากที่สุด’ เขายังได้รับฉายาอีกว่า ‘ชายผู้เป็นตำนานกล่าวขานไปทั่วโลก’
เมื่อฟังจากน้ำเสียง นรีรัตน์รู้ว่าคนรักของเขาต้องรออยู่ที่ชั้นล่างแล้วเป็นแน่
“ฉันถ่ายรูปไม่ค่อยเก่งนะคะ” เธอตอบอย่างเย็นชา
“ผมบอกให้เธอถ่าย เธอก็ต้องถ่ายจะพูดมากทำไม” เขาจ้องเข็มงไปที่เธอ สายตาของเขาเย็นเฉียบราวกับค่ำคืนอันเหน็บหนาว “ปัญญาของเธอไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยหรือ แค่โทรศัพท์ก็ใช้ไม่เป็นรึไง ถ้าอย่างงั้นตำแหน่งรองประธานบริษัท AN กรุ๊ปก็คงไม่เหมาะกับเธอหรอก”
“นี่คุณ!” ความโมโหเดือดพล่านในใจ เธอกัดฟันกรอดจนเสียงลอดออกมา
ชยุดก้าวเท้าออกห้องไป โดยไม่แม้แต่จะชายตามองไปที่เธอ “อย่าลืมละ คุณมีนัดทานอาหารเย็นที่สวรรค์เพลสคืนนี้ ถ้าไปช้าและทำทุกอย่างพังละก็นะ คุณจะต้องชดใช้เองนะ”
นรีรัตน์กำหมัดของเธอไว้แน่น ขณะที่จ้องร่างของเขาที่ค่อยๆ เลือนหายไป สำหรับเขาแล้วไม่มีใครสำคัญกว่าสุดที่รักของเขา
เธอค่อยๆ คลายมือออกแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อแต่งตัว
เพื่อให้ได้หุ้นส่วน เธอต้องอดทนกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ เธอยังคงคาดหวังเรื่องอีกอย่างหนึง จริงๆแล้ว เธอมีแต่เป้าหมายเดียวนี้หรือ ที่แท้จริง ในใจเธอ ยังมีความหวังหนึ่งคอยรออยู่
ดวงตาของเธอเด็มไปด้วยความเศร้าโศก
หลังจากนั้นไม่นาน นรีรัตน์ก็สวมชุดกระโปรงยาวอย่างเรียบๆ ชยุดไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆบนร่างกายของเธอ เว้นเสียแต่ความไม่สบายเล็กน้อยตรงส่วนล่างของเธอ
เขารู้สึกสะอิดสะเอียนทุกครั้งที่ต้องทำ ไม่อยากแตะต้องส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเธอเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญา เขาคงไม่คิดที่จะแตะตัวเธอด้วยซ้ำ
เธอพยายามทนความเจ็บปวดความเมื่อยตรงเอวขณะที่เดินลงไปข้างล่าง
ในห้องโถง ชยุดกำลังถ่ายรูปกับ ปรียาวดี เจริญพรอุดม แฟนสาวที่เขารัก
ปรียาวดีสวมชุดเดรสสีขาวผ่องราวกับหิมะเดือนสิบสอง มันสอดรับกับหุ่นของเธอได้เป็นอย่างดี และยังช่วยเสริมใบหน้าอันสวยสดของเธอยิ่งขึ้นไป
พวกเขาดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
ทันใดนั้น ชยุดก็เห็นนรีรัตน์กำลังเดินลงบันได
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป “ชักช้าจัง เธออยากได้คอร์สรึไง” เขาตะคอก
นรีรัตน์หายใจเข้าลึก ๆ และระงับความโกรธของเธอ เลือกที่ไม่ได้เสียงของชยุดเลย แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่เธออยากทำมากที่สุด คงเป็นการเดินไปตบหน้าของเขา
ชยุดเคล้าเคลียปรียาวดีลูกพี่ลูกน้องของเธอไว้ในอ้อมอก เธอส่งยิ้มไปที่นรีรัตน์ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ก็ชยุดรบเร้าจะถ่ายภาพคู่แล้วก็โพสต์ลง วีแชท โมเม้นต์ อะ เขาบอกต้องโพสต์สักรูปในวันเกิดพี่” เธอแกล้งทำเป็นเกรงใจ
นรีรัตน์ไม่สนใจฟังที่เธอพูด เธอเอื้อมมือไปที่ชยุด “ส่งโทรศัพท์มา”
ชยุดโยนโทรศัพท์ให้เธออย่างรำคาญ ก่อนที่จะส่งยิ้มแบบหึงหวงไปที่ปรียาวดี