ตอนหนุ่มเนี๊ยบ
ไม่ว่าจะวันใด เวลาไหน หรือเมื่อไหร่ สนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่เคยบางเบาผู้คนไปเลย ในความคิดนักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัยสามสิบเก้าอย่าง ‘จักรภัทร ส่งเสริมสกุลไทย’ เพราะดูทุกคนต่างรีบเร่งไม่เคยเปลี่ยนแปลง และต่างคนต่างจุดหมายปลายทาง
ส่วนตัวเขาเองนั้น กลับอยู่ในท่าทีสบายไม่รีบร้อนใดๆ เพราะตารางเวลาที่จัดไว้ เป็นไปตามแผนทุกอย่าง เขาก้าวเดินอย่างอกผายไหล่พึง และมาดแมน ปะปนอยู่กับผู้โดยสารขาเข้านับร้อย
กับส่วนสูงร้อยแปดสิบแปด ผิวขาวสมกับมีเชื้อชาวจีนผสมอยู่ ผมตัดสั้นรองทรงช่วยส่งให้เขามีท่าทีสูงสง่าน่าเกรงขาม ใบหน้ารูปไข่และผิวขาวราวสตรีนั้น ทำให้ไม่ยุ่งยากในการเลือกแว่นสายตามาสวมใส่ให้เข้าหน้าและเข้าชุดแต่อย่างใด
และมันก็ช่วยส่งให้เขาดูหล่อเหลาราวกับพระเอกเกาหลีไม่มีผิดเพี้ยน ต่อให้ต้องเดินปะปนอยู่กับผู้คนนับร้อยนับพัน เขาก็ยังคงดูโดดเด่น สะดุดตาใครต่อใครได้ไม่เคยเปลี่ยน จนบางครั้งเกิดอาการเก้อเขิน เมื่อถูกมองมากๆ แม้จะชาชินกับการเป็นเป้าสายตามาตั้งแต่เด็กแล้วก็ตาม
แต่พอถูกจ้องนานๆ เข้า บางครั้งเขาก็ทำตัวไม่ถูกและไปไม่เป็นเช่นกัน เหมือนตอนนี้ที่กำลังถูกสาวน้อยสาวใหญ่มองมาหาไม่วางตา ในใจนั้นให้เก้อเขิลอยู่ลึกๆ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากก้าวเดินด้วยท่าทีสง่างามไปเรื่อยๆ เท่านั้น
“ป้าอรรออยู่ตรงโน้นครับคุณเกียร์”
เขาหันไปมองเนติ ผู้ช่วยคนเก่งวัยสามสิบเท่าน้องชายเขา ซึ่งกำลังเข็นรถกระเป๋าสัมภาระเดินเคียงข้างมา เขายิ้มนิดๆ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร นอกจากมองไปหาเลขาคู่ใจ ในวัยสี่สิบห้าปี ทำงานดีไร้ที่ติติงมากับเขาสิบสองปีเต็ม ส่วนทำกับพ่อเขานั้น ก็นับตั้งแต่จบปริญญาตรี รวมแล้วอายุงานยี่สิบสองปี
“สวัสดีค่ะคุณเกียร์ เหนื่อยหรือเปล่าคะ อรเตรียมเครื่องดื่มมาไว้ให้อยู่ในรถแล้วค่ะ”
“นิดหน่อยครับ”
“ไปเลยมั้ยคะ อรจะได้โทรบอกประมวนค่ะ”
“ครับ”
อรนภารีบโทรหาคนขับรถ ซึ่งรออยู่ลานจอดด้านนอก จากนั้นก็เดินนำเจ้านายหนุ่มหล่อไปหาประตู ไม่นานเมอร์เซเดส-เบนซ์ วีโต้หนึ่งหนึ่งหก ก็แล่นมาเทียบบาทวิถี จักรภัทรก้าวเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็ว พอๆ กับเลขาและผู้ช่วย ก็จัดการขนสัมภาระทั้งหมดเข้าไปในรถ แล้วขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“นี่ค่ะของคุณเกียร์”
อรนภาส่งน้ำแอปเปิล ที่ผู้ช่วยของตัวเอง ทำใส่ขวดจากออฟฟิศมาใส่ในกระติกน้ำแข็ง ซึ่งมีไว้ประจำรถให้ เพราะเจ้านายจะไม่ค่อยโปรดเครื่องดื่มมีน้ำตาลแบบอื่นสักเท่าไหร่
“ขอบคุณครับ แล้วมีอะไรบ้าง”