จูบแรกก็เป็นของเขา จูบครั้งที่สอง สาม สี่ ก็ยังคงเป็นของเขา แบบนี้โสภิตาจะหนีจาก CEO หนุ่มที่เธอบังเอิญผ่านไปช่วยชีวิตเขาไว้ได้อย่างไร ++++++++++++++++ **โปรย 1 “เท่าที่ได้คุยกันฉันว่านายเชนคนนี้นิสัยก็ใช้ได้” “อึนๆ มึนๆ นี่เหรอใช้ได้” โสภิตาอยากจะบอกเหลือเกินว่าบางครั้งราเชนก็กวนตีนเธอ “อื้อ...นายเชนเขาให้ความพิเศษกับแกนะ ขนาดปลายังแกะก้างออกให้ นี่ถามจริงๆ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ” “ก็...” โสภิตาอ้ำๆ อึ้งๆ เธอนั้นไม่มีประสบการณ์เรื่องความรัก เรียกได้ว่าชั่วโมงบินน้อยมากๆ ใครมาดีหรือมาร้ายบางครั้งก็มองไม่ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง อาศัยเพียงแค่สัญชาตญาณของตัวเองซึ่งบางครั้งมันอาจผิดพลาด “หรือคิดมากเรื่องฐานะที่นายเชนมีน้อยกว่าแก” “ไม่ใช่เรื่องนั้น ถามว่าฉันรู้สึกดีกับเขาไหมก็...อื้ม บางครั้งเวลาฉันอยู่กับเขาแล้วเหมือนตัวเองเป็นง่อย จากที่ทำอะไรได้เองก็เริ่มอยากให้เขาทำให้ อยากให้เขาช่วย” นั่นคือความเปลี่ยนแปลงที่โสภิตารู้ตัวเองดี “ไม่แปลกหรอก เพราะผู้หญิงเราต่อให้แข็งแกร่งยังไงลึกๆ ในหัวใจก็อยากมีใครสักคนมาดูแล” “แกก็เป็นเหรอ” “เป็นสิ บางครั้งฉันยังงอแงให้บอสจับแมลงสาบเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเห็นตอนไหนฉันกระโดดกระทืบตอนนั้น” คำพูดของรติชาทำให้โสภิตาหัวเราะออกมาเพราะนึกภาพออกทันที เวลานั้นปิลันธน์คงทั้งกลัวทั้งอยากกำจัดให้คนรักส่วนรติชาก็คงหัวเราะชอบใจแน่ๆ “นึกว่าฉันเป็นอยู่คนเดียว” “แกนะเข้มแข็งมากนะหวาน เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นหัวหน้าคนงาน รับผิดชอบเรื่องนั้นเรื่องนี้มากมาย ที่ผ่านมาอาจเพราะแกยังไม่เจอใครที่สามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้แกเลยไม่เปิดใจ แต่ถ้าตอนนี้แกเจอคนคนนั้นแล้วฉันแนะนำว่าแกควรฟังเสียงหัวใจของตัวเองให้มาก ว่าอยากอยู่แบบที่ผ่านๆ มาหรืออยากจับมือกับใครสักคนไปจนวันตาย” นั่นคือคำแนะนำจากใจของรติชาเพราะเธอเคยลังเลแบบนี้มาแล้ว หากเวลานั้นตัดสินใจผิดตอนนี้เธออาจโกนหัวบวชชีที่วัดป่าที่ไหนสักแห่ง “ฉันอยากจับมือใครสักคน” ++++++++++++++++ ***โปรย 2 “ฉันเกลียดที่สุดคือคนโกหก ที่ผ่านมาฉันรู้สึกดีกับนายเพราะเข้าใจมาตลอดมานั่นคือนาย แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นใครกันแน่ นายจะโกหกอะไรฉันอีกไหม ฉันต้องโง่ไปอีกกี่ครั้ง” น้ำเสียงของโสภิตานั้นสั่นเครือ “ผมสัญญาว่าจะไม่โกหกอะไรคุณอีกแล้ว สาบานให้ตาย...” จังหวะที่ราเชนกำลังจะสาบานให้ตัวเองตาย โสภิตาก็ยกมือขึ้นมาปิดปากของเขาไว้เสียก่อน “ลองตายดูสิ ฉันจะลากตัวนายขึ้นมาแล้วสับๆ” ราเชนอึ้งกับประโยคที่ได้ยินก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าโสภิตาไม่ยอมให้เขาตายง่ายๆ สินะ “โอเคๆ ผมไม่ตายแล้วก็ได้ ยกโทษให้ผมเถอะนะคุณหวาน ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” “นายนี่มัน ทำฉันทั้งสุขทั้งทุกข์เหมือนคนเป็นไบโพลาร์แบบนี้ได้ยังไง รับผิดชอบสติฉันมาเลย” “ถ้าผมรับผิดชอบจริงๆ คุณหวานจะตอบตกลงไหมครับ” “อื้อ” “จริงๆ นะ” ราเชนถามย้ำ ส่วนคนที่ตามความเจ้าเล่ห์ของเขาไม่ทันก็ไม่ได้เอะใจอะไรแม้แต่น้อยเช่นกัน “จะรับผิดชอบอะไรว่ามา” “แต่งงานกันไหม”
จะวันวาเลนไทน์ วันสงกรานต์ วันเข้าพรรษาออกพรรษา วันคริสต์มาส วันส่งท้ายปีเก่า วันต้อนรับปีใหม่ ไม่ว่าวันไหนๆ โสภิตาก็โสดและฉลองคนเดียวเสมอ เป็นแบบนี้มาตลอดจนเธอนั้นรู้สึกชินและไม่ได้โหยหาความรักจากใครที่ไหน และยังได้รับรู้จากคนใกล้ตัวเสมอว่าความรักมักจะมาพร้อมกับความเจ็บช้ำความทุกข์ใจ ฉะนั้นแล้วในเมื่อเธอไม่อยากทุกข์เพราะรักจึงเลือกที่จะอยู่แบบคนโสดแต่มีความสุข
อ้อ...คนที่ทุกข์เพราะความรักคงยกเว้นรติชาไว้หนึ่งคู่ เพราะรายนั้นรักกันปานจะกลืนกิน คบหากับบอสหนุ่มที่ชื่อว่าปิลันธน์มาก็ได้หลายปีแล้ว แถมช่วงหนึ่งริตชายังบินไปใช้ชีวิตที่เมืองนอก ต้องใช้ชีวิตไกลกันให้ความคิดถึงทำงาน แต่ทั้งสองก็ยังรักกันดีจนถึงตอนนี้
@#$&^*()_+%$#@
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์ของโสภิตา นั่นทำให้เธอหยุดคิดเรื่องอื่นๆ ไว้ชั่วคราว ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ พอเห็นชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอเธอก็รีบกดรับสายในทันที และไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น
กรี๊ดดดดดดด
เสียงร้องกรี๊ดของโสภิตาดังลั่นไร่อะโวคาโด จนทำให้เหล่าคนงานที่อยู่ใกล้ๆ ต่างพากันวิ่งกรูกันมาดูเจ้านายของพวกตน เพราะมั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ แต่สุดท้ายกลับไม่มีอะไรแถมโสภิตายังโบกไม้โบกมือให้กลับไปทำงานต่อเสียอีก ทำเอาเหล่าคนงานเกิดอาการงุนงงไปตามๆ กัน
โสภิตาสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แล้วกรี๊ดออกมาสุดเสียงอีกครั้งทำเอารติชาหูแทบแตก ถึงขนาดต้องยื่นโทรศัพท์ออกห่างจากหูก่อนชั่วคราว
“บอสขอแกแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอ” ไปๆ มาๆ โสภิตาก็เรียกปิลันธน์ว่าบอสจนติดปากไปอีกคน ทั้งๆ ที่คำว่าบอสไม่ใช่ชื่อเล่นแต่มันคือตำแหน่งหน้าที่การงานของชายหนุ่ม
“อื้อ”
“ขอกรี๊ดอีกทีได้ไหม”
“ตามสบาย” เอ่ยบอกเสร็จรติชาก็ยื่นโทรศัพท์ไปทางอื่นก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงกรี๊ดของโสภิตาอยู่ดี พอเสียงกรี๊ดสงบลง จึงแซวกลับไป “คอแตกยังยะ”
“ยัง”
“ดีใจอะไรปานนั้น”
“ดีใจที่เพื่อนรักจะลงจากคาน” คำพูดของโสภิตาทำให้ริตชาหัวเราะออกมา นั่นเพราะเธอก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอคนที่ใช่ถึงขนาดอยากใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกันมาก่อน กระทั่งปิลันธน์เข้ามาเปลี่ยนความคิดนั้น
“เวอร์วัง”
“เหลือแค่ฉันสินะ เฮ้อออ” เอ่ยจบโสภิตาก้แกล้งถอนหายใจออกมา ทั้งๆ ที่อยู่โสดๆ งานยุ่งๆ อย่างในตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว
“อ้าวๆ อย่าพึ่งเข้าโหมดตัดพ้อชีวิต”
“โทษที ลืมตัว” คนแกล้งทำก็ยังเล่นละครตามน้ำไปเรื่อย
“ยังไงแกก็ต้องมางานแต่งฉัน” รติชากำชับ
“ไม่บอกก็ไปย่ะ ไปล่วงหน้าให้สามวันด้วยอะ”
“ดีๆ เพราะฉันอยากมีเพื่อนอยู่ใกล้ๆ อุ่นใจ” พอจะสละโสดเข้าจริงๆ ว่าที่เจ้าสาวก็อดที่จะเครียดไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเธอนั้นต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
“มีสามีแล้วยังอยากมีเพื่อนอีกเหรอ” คนโสดเอ่ยแซวคนที่กำลังจะแต่งงาน
“คนละส่วนกันไหม อ้อ...บอกไว้ก่อนว่างานแต่งฉันไม่รับแขกที่มาคนเดียวนะ”
“อ้าว กฎอะไรของแกเนี่ย ไม่สงสารคนไม่มีคู่บ้างเลย” โสภิตาแอบมองบนใส่เพื่อนสนิทที่ออกกฎมาใช้แค่กับเธอคนเดียวแน่ๆ
“ไม่มีก็หาได้แล้ว ไม่ใช่วันๆ หมกตัวทำงานอยู่แต่ในไร่”
“ฉันยังสนุกกับงาน ยังไม่อยากมีใครให้วุ่นวาย อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดี ไม่ได้โหยหาความรักสักหน่อย”
“แต่ถ้าแกควงใครมางานแต่งงานฉันได้ ฉันให้เลยเงินสดหนึ่งแสน”
“พูดเล่น”
“พูดจริง ถือว่านั่นคือมิชชั่นนะยะ แกต้องมีคนควงมางานแต่งฉัน ตกลงตามนี้ โอเค” รติชาพูดเองเออเองจนโสภิตานั้นค้านไม่ทัน
“เดี๋ยวสิ ฉัน...” พูดยังไม่ทันจบประโยค รติชาก็ชิงวางสายไปเสียแล้ว “ยายปิ่นนี่ ฉันไปตกลงกับแกตั้งแต่เมื่อไหร่
เล่ายะ” โสภิตาบ่นผ่านโทรศัพท์
เธอกับรติชานั้นรู้จักและคบหากันเป็นเพื่อนมานาน แรกๆ ในแก๊งก็มีหลายคนแต่พอนานวันเข้าก็เหลือกันอยู่แค่สองคน ทั้งเธอและรติชาต่างอยู่ในเกือบทุกๆ เหตุการณ์ของชีวิต มีอะไรก็ปรึกษาและให้กำลังใจกันเสมอ แต่พอรู้ว่ารติชาจะแต่งงานแบบนี้ใจโสภิตาก็รู้สึกหวิวๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ
ไม่ใช่ว่าเธอนั้นไม่อยากมีความรัก แค่คิดว่าตอนนี้อะไรๆ มันยังไม่ลงตัว เธอยังมีงานที่ต้องทำ ยังมีพ่อที่ป่วยต้องดูแล ถ้ามีอีกคนเพิ่มเข้ามาเขาจะรักเธอในแบบที่เธอเป็นได้จริงๆ หรือเปล่า จะเข้าใจงานที่เธอทำและเข้ากับพ่อของเธอได้ไหม ในเมื่อยังกังวลต่างๆ นานา สุดท้ายเธอจึงเลือกที่จะยังไม่เปิดใจให้ใคร
“พ่อ...ออกมาทำไม แดดยังร้อนอยู่เลย”
“แค่รู้สึกเบื่อๆ เลยขอออกมาเดินเล่นหน่อย” ยอดเอ่ยบอกลูกสาวคนเดียวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ตอนนี้เขากำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งแม้จะผ่านการรักษามาหลากหลายวิธีแต่สุดท้ายก็ยังเอาชนะมันไม่ได้ เมื่อเอาชนะไม่ได้จึงปรับจูนความคิดให้อยู่กับมันได้อย่างคนปกติทั่วๆ ไป รักษาไปตามอาการ
“เบื่อยังไงก็ไม่ควรออกมาตอนแดดแรงๆ แบบนี้”
“ขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่...หืม”
“ตั้งแต่พ่อดื้อ”
“ตอนเด็กๆ ที่เราดื้อพ่อยังไม่บ่น”
บทที่ 1 ปรับจูนความคิด
03/08/2022
บทที่ 2 ลูกเขย
03/08/2022
บทที่ 3 อยากไล่ไปให้พ้นๆ
03/08/2022
บทที่ 4 ที่พักพิง 1
03/08/2022
บทที่ 5 ที่พักพิง 2
03/08/2022
บทที่ 6 ที่พักพิง 3
03/08/2022
บทที่ 7 ประสบการณ์ใหม่ 1
03/08/2022
บทที่ 8 ประสบการณ์ใหม่ 2
03/08/2022
บทที่ 9 ประสบการณ์ใหม่ 3
03/08/2022
บทที่ 10 ประสบการณ์ใหม่ 4
03/08/2022
บทที่ 11 ใจมันสั่น 1
03/08/2022
บทที่ 12 ใจมันสั่น 2
03/08/2022
บทที่ 13 เงาะถอดรูป 1
03/08/2022
บทที่ 14 เงาะถอดรูป 2
03/08/2022
บทที่ 15 ความสารภาพและจูบแรก 1
03/08/2022
บทที่ 16 ความสารภาพและจูบแรก 2
03/08/2022
บทที่ 17 ความสารภาพและจูบแรก 3
03/08/2022
บทที่ 18 ความแตก 1
03/08/2022
บทที่ 19 ความแตก 2
03/08/2022
บทที่ 20 แค่เธอเท่านั้น 1
03/08/2022
บทที่ 21 แค่เธอเท่านั้น 2
03/08/2022
บทที่ 22 รักซึมลึก 1
03/08/2022
บทที่ 23 รักซึมลึก 2
03/08/2022
บทที่ 24 เรียกความฮือฮา
03/08/2022
บทที่ 25 หัวใจที่จะไม่ว่างเปล่า 1
03/08/2022
บทที่ 26 หัวใจที่จะไม่ว่างเปล่า 2 (จบ)
03/08/2022
หนังสืออื่นๆ ของ วรนิษฐา / Miss sexy
ข้อมูลเพิ่มเติม