Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี1980

ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี1980

Ainthira06

5.0
ความคิดเห็น
10K
ชม
40
บท

ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย

บทที่ 1 ย้ายบ้านใหม่

ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนเหล่านั้นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลเศรษฐีหมื่นล้าน แต่คนในครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบ อาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็ด่วนจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล

มีเงินแล้วอย่างไร สุดท้ายคนเราก็ต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปี เธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้อีก ขายหุ้นให้คนอื่น รอรับเพียงเงินปันผลก็พอ

อายุยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่น ก่อนเรียนต่อปริญญาโท ปริญญาเอก ในปีที่สามสิบของชีวิต ลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง

ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบ เธอก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น

วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ชื่อฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป็นพันตรี แม่เป็นหญิงชาวบ้านในชนบท

ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนน้องสาวฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย

ขบวนรถไฟจอดลงที่สถานี ฉินเสี่ยวหรานที่ในร่างเป็นลิลลี่ยังไม่ทันได้สติต้องลุกขึ้นเดินออกจากรถไฟ ความทรงจำต่าง ๆ ทำให้หญิงสาวได้รู้ว่าฉินเสี่ยวหรานเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ แต่ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งน้องสาวที่นั่งตรงข้ามกันยังไม่ได้สังเกต และเธอก็เข้ามาอยู่ในร่างแทน

สี่คนพ่อและลูกเดินเท้าตามกันไปยังกองทัพที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ระหว่างทางมีเสียงหัวเราะของฉินเสี่ยวหลิงลูกสาวคนเล็กของบ้าน ฉินหานผู้เป็นพ่อเหลือบมองลูกสาวคนโตที่เงียบผิดปกติ

ผู้เป็นแม่มีอาการไม่ต่างกันรีบถามลูกสาว "เสี่ยวหรานลูกเป็นอะไรหรือ เหนื่อยหรือไม่ ให้พ่อของลูกหาที่นั่งก่อนไหม"

ฉินเสี่ยวหรานส่ายหน้า "หนูแค่เหนื่อยจากการนั่งรถไฟ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ อีกไม่ไกลจะถึงกองทัพแล้ว พวกเราอย่าเสียเวลาเลยค่ะ" เพียงแค่คิดอะไรไปเรื่อยจึงไม่ได้สนใจบทสนทนานัก

"ใช่ อีกไม่ไกลจะถึงแล้ว อดทนอีกหน่อยนะลูก"

ฉินหานผู้เป็นพ่อได้เลื่อนขั้นเป็นพันตรี และสวัสดิการที่ได้รับนอกจากเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีบ้านพักที่สามารถพาครอบครัวย้ายมาอยู่ได้ เพียงแต่เป็นบ้านหลังเล็กเหมาะกับการอยู่ไม่กี่คน

ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้า มือที่ถือกระเป๋าถูกเปลี่ยน "พ่อคะ แล้วโรงเรียนของหนูกับน้องล่ะคะ พวกเรายังจะได้เรียนต่ออยู่ใช่ไหม ปีนี้หนูจะเรียนจบแล้ว"

ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต การเรียนเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งมีความรู้มากการหางานค่อนข้างง่าย ยังดีที่พ่อของฉินเสี่ยวหรานเป็นทหาร ทำให้เธอกับน้องสาวได้เรียนหนังสือ เพราะทั่วไปแล้วคนที่ได้เรียนจะเป็นผู้ชายเนื่องจากค่านิยมที่ชายเป็นใหญ่

"ลูกไม่ต้องห่วง พ่อให้เพื่อนถามให้แล้ว โรงเรียนที่นี่ย้ายมาได้และยังอยู่ติดกับกองทัพ ไม่ต้องตื่นเช้าเดินเข้าไปเรียนในอำเภออีก นอกจากเรียนและงานบ้าน ลูกก็ไม่ต้องทำอย่างอื่น" ฉินหานบอก เขาสะพายกระเป๋าเป้ลายทหาร มือสองข้างยังถือกระเป๋าของภรรยา

ฉินเสี่ยวหลิงเอ่ยด้วยความสดใส "ดีจังเลยค่ะ แต่ก่อนต้องตื่นเช้ามาทำงานบ้าน ทำอาหาร กว่าจะเสร็จ กินข้าวและไปโรงเรียน กลับมาต้องทำงานบ้านกว่าจะได้นอนก็เช้าแล้ว"

"ใช่"

จ้าวหยู่ฟางส่ายหน้าก่อนเอ่ยแซวลูกสาว "ลูกนอนดึกทุกวัน แต่ก่อนตื่นเช้าตลอดไม่ใช่หรือ บอกให้นอนต่อก็ไม่ยอมนอน"

"โธ่ แม่คะ"

คนที่เหลือต่างหัวเราะ ฉินเสี่ยวหรานมองไปข้างหน้า ที่จริงถ้าแม่ไม่ใช่คนที่ต้องมาทำงานบ้าน สองพี่น้องฉินคงไม่ตื่นมาทำ แต่ทั้งสองต้องทำไม่อย่างนั้นแม่คงได้ทำเอง

เมื่อมองรอบตัว พบว่าที่นี่ไม่ค่อยมีคนมากนัก อาจเพราะเป็นมณฑลกุ้ยโจวที่ค่อนข้างยากจน และเศรษฐกิจยังไม่ค่อยพัฒนา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นมณฑลที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล แต่ถึงจะเป็นมณฑลขนาดเล็ก ที่นี่ยังมีกองทัพทหารที่คอยช่วยเหลือคนกุ้ยโจวอยู่

กองทัพหวั่นอิ๋น มีผู้บังคับบัญชาสูงสุดคือท่านนายพลเว่ย เว่ยโม่หาน

ฉินเสี่ยวหรานกำลังนึกถึงเรื่องต่าง ๆ รู้ตัวอีกทีก็มาถึงหน้ากองทัพหวั่นอิ๋นแล้ว มองภายนอกจะเห็นได้ว่าเป็นกองทัพใหญ่ เพราะกำแพงที่ล้อมเอาไว้ไม่รู้ว่ามันไปสุดที่ไหน

นายทหารผู้เฝ้าหน้าประตูเดินออกมาหา พอเห็นฉินหานที่ได้รับยศใหม่ก็รีบเอ่ยแซว "ก่อนจะกลับไป นายบอกว่าไปรับลูกสาวกับภรรยามาที่นี่ คาดไม่ถึงว่าไปไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว นี่หรือลูกสาวของนาย น่ารักอย่างที่พูดจริง ๆ"

ฉินหานหัวเราะ "แน่นอน ภรรยาของฉันจ้าวหยู่ฟาง ลูกสาวคนโตฉินเสี่ยวหราน และลูกสาวคนเล็กฉินเสี่ยวหลิง ทุกคนนี่ร้อยโทต้าถงเพื่อนของพ่อเอง" เขาแนะนำลูกสาว

"พี่สะใภ้ฉิน หลานสาว"

"คุณลุง"

"สวัสดีค่ะ"

"สวัสดี ๆ เอาล่ะ นายให้พี่สะใภ้กับหลานลงชื่อก่อน กุญแจแขวนไว้หน้าบ้าน พากันไปพักเถอะ เดินทางเหนื่อยแล้ว" ร้อยโทต้าถงรีบเอ่ย อีกไม่นานก็ใกล้ถึงเวลาปิดประตูแล้ว

"ได้"

จัดการลงชื่อเข้ากองทัพเรียบร้อย ฉินหานพาภรรยากับลูกสาวเดินไปทางบ้านพักที่ลงชื่อจองเอาไว้ สิ้นปีที่ผ่านมามีทหารหลายคนที่ได้เลื่อนตำแหน่ง ฉินหานทำงานในกองทัพตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ตอนนี้ใกล้ห้าสิบแล้ว การเลื่อนขั้นของเขาจึงเป็นสิ่งที่ไม่ค้านสายตาคนอื่น

ฉินเสี่ยวหรานเดินตามพ่อของเธอไปยังบ้านพักที่ว่า ทางเดินมีเสาไฟให้แต่ไม่ได้เปิด และทางเดินยังเป็นอิฐที่มีคราบตะไคร่น้ำ หากเดินไม่ระวังอาจลื่นล้มได้ กว่าจะเข้ามาถึงบ้าน นับว่าอยู่ห่างจากประตูทางเข้าพอสมควร

"บ้านหลังนี้"

บ้านหลังใหม่ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงบ้านพักที่ฉินหานได้รับสวัสดิการมา แต่กลับกลายเป็นบ้านหลังใหม่ของทุกคน ในบ้านถูกทำความสะอาดหลังลงชื่อจองบ้านเอาไว้ ไม่ไกลกันยังมีบ้านพักของคนอื่นอีก หน้าบ้านไม่มีรั้วแต่ว่ามีโต๊ะหินอ่อนเก่า ๆ อยู่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน

ข้างในมีสามห้องนอนและหนึ่งห้องเก็บของที่เล็กมาก ห้องนอนใหญ่กลายเป็นห้องนอนของพ่อและแม่ ส่วนห้องนอนเล็กอีกสองห้องฉินเสี่ยวหรานและฉินเสี่ยวหลิงแยกกันนอน ไม่ต้องนอนรวมกันเหมือนอยู่ที่บ้านเดิมอีกแล้ว

"เก็บของเสร็จแล้วเตรียมชุดไปอาบน้ำ ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ ต้องไปอาบห้องรวมที่อยู่ห่างจากที่นี่" ฉินหานบอกลูกสาวก่อนเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป

ฉินเสี่ยวหรานสำรวจในห้อง มีเตียงนอนเป็นเตียงเตา กับตู้เล็ก ๆ ให้เก็บของ ไม่มีตู้เสื้อผ้า แต่มีราวให้แขวนเสื้อผ้า ถือว่ามันยังดีกว่าไม่มีอะไรให้และคงต้องให้พ่อช่วยทำโต๊ะกับเก้าอี้ให้

"คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าห้องนอนที่นี่ยังใหญ่กว่าห้องนอนที่บ้านฉินอีก เสียดายที่เธอไม่ได้อยู่เริ่มต้นใหม่ที่นี่ แต่ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยเธอดูแลครอบครัวเอง" ฉินเสี่ยวหรานพึมพำ

เธอเป็นผู้หญิงที่โหยหาครอบครัว เมื่อได้รับโอกาสครั้งนี้ จึงไม่พลาดที่จะรักษาพวกเขาเอาไว้

เสียงเคาะประตูก่อนเปิดออกทำให้ฉินเสี่ยวหรานหันมา "พี่คะ เสร็จหรือยังฉันอยากอาบน้ำไม่ไหวแล้ว" เป็นฉินเสี่ยวหลิงที่โผล่หัวเข้ามาด้านใน

"อืม"

ไม่มีอะไรให้เก็บทั้งนั้น กระเป๋าที่เอามามีเพียงเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนไม่กี่อย่าง ฉินเสี่ยวหรานหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าก่อนจะเดินออกนอกห้อง ตรงข้ามจะเป็นห้องนอนของน้องสาว

ที่นี่ไม่มีห้องครัว แต่ว่าหลังบ้านมีที่ให้ทำอาหาร อยู่ติดหลังห้องนอนพ่อแม่ ฉินเสี่ยวหรานเดินออกนอกบ้านก่อนจะลงกลอนประตูเพื่อไปอาบน้ำ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Ainthira06

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

พระชายาสารพัดพิษ

พระชายาสารพัดพิษ

เกาะครีต
5.0

"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

Critter
5.0

เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

หงส์ขย่มมังกร(นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่)

หงส์ขย่มมังกร(นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่)

ซีไซต์
5.0

รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

พระชายาของข้าคนเดียว

พระชายาของข้าคนเดียว

Daryl Tudge
5.0

เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี1980
1

บทที่ 1 ย้ายบ้านใหม่

28/07/2024

2

บทที่ 2 ครอบครัวบ้านนอก

28/07/2024

3

บทที่ 3 เสียหน้า

28/07/2024

4

บทที่ 4 พยาบาลทหาร

28/07/2024

5

บทที่ 5 ลูกค้าคนแรก

28/07/2024

6

บทที่ 6 คุณนายเว่ยซื้อให้จริง ๆ หรือ

28/07/2024

7

บทที่ 7 คุณนายทหารน้อยหน้าไม่ได้

28/07/2024

8

บทที่ 8 เข้าโรงเรียนกลางคัน

28/07/2024

9

บทที่ 9 ทบทวนความรู้สึกตนเอง

28/07/2024

10

บทที่ 10 ปฏิเสธความสัมพันธ์

28/07/2024

11

บทที่ 11 ความพยายามของเว่ยเซียว

28/07/2024

12

บทที่ 12 ว่าที่ลูกเขยพันตรี

28/07/2024

13

บทที่ 13 ร้านเช่าสำหรับร้านเสื้อผ้า

28/07/2024

14

บทที่ 14 ขายหลานสาว

28/07/2024

15

บทที่ 15 ผู้ชายของฉินเสี่ยวหราน

28/07/2024

16

บทที่ 16 ตึกคูหาสองชั้น

28/07/2024

17

บทที่ 17 เดินหน้าจัดการร้านเสื้อผ้า

28/07/2024

18

บทที่ 18 ร้านเสื้อผ้าหรานหลิง

28/07/2024

19

บทที่ 19 เสี่ยงที่จะลอง

28/07/2024

20

บทที่ 20 สัญญางานสิบปี

28/07/2024

21

บทที่ 21 หมั้นหมายเอาไว้ก่อน

28/07/2024

22

บทที่ 22 ซื้อม้วนผ้าระยะยาว

28/07/2024

23

บทที่ 23 ไม่แต่งงานออกจากบ้าน

28/07/2024

24

บทที่ 24 ออกจากตำแหน่ง

28/07/2024

25

บทที่ 25 โรงงานม้วนผ้า

28/07/2024

26

บทที่ 26 ช่วยเหลือกันและกัน

28/07/2024

27

บทที่ 27 สวนผักขนาดใหญ่

28/07/2024

28

บทที่ 28 ซื้อพันธุ์ต้นไม้ ดอกไม้

28/07/2024

29

บทที่ 29 รวมตัวในงานเลี้ยง

28/07/2024

30

บทที่ 30 สายตาอันโกรธแค้น

28/07/2024

31

บทที่ 31 ข่าวดีที่รอคอยแต่ต้องรอไปอีก

28/07/2024

32

บทที่ 32 เดินไปข้างหน้าอย่างเติบโต

28/07/2024

33

บทที่ 33 บ้านฉิน

28/07/2024

34

บทที่ 34 ปี 1984

28/07/2024

35

บทที่ 35 ลูกชายตัวอวบอ้วน

28/07/2024

36

บทที่ 36 ฉินเสี่ยวหลิงเรียนจบแล้ว

28/07/2024

37

บทที่ 37 ฉินเสี่ยวเว่ยหนึ่งขวบ

28/07/2024

38

บทที่ 38 กลับไปทำงาน

28/07/2024

39

บทที่ 39 ปี 1987

28/07/2024

40

บทที่ 40 ครอบครัว (จบบริบูรณ์)

28/07/2024