Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ข้าอยู่ในสุสานบรรพชน

ข้าอยู่ในสุสานบรรพชน

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
163
ชม
29
บท

ข้าอยู่ในสุสานบรรพชน ไล่ข้าแล้วยังไง ใช่ว่าข้าไม่มีวิชา ในเมื่อเป็นคนยุคใหม่ ข้าจะร่ำรวยด้วยมือของตัวเอง มีลูกแต่ไม่เคยลิ้มรสรักแล้วยังไง ลูกข้า ข้าเลี้ยงเอง!! แต่ทำไม…. สวรรค์…มีคนมาแสดงตัวว่าเป็นสามีข้าถึงสามคน แล้วสามีข้าคือใครกันแน่!! ****************** สามีข้าคือใคร ข้าไม่สน ข้าขอแค่หาเงินอย่างเดียวพอ!!

บทที่ 1 เหตุใดเป็นเช่นนี้

ชาติที่แล้วนางทำกรรมอะไรไว้ เหตุใดสวรรค์ถึงได้กลั่นแกล้งให้นางต้องมาเจอชะตากรรมเช่นนี้ หลิวชิงไม่คิดเลยว่าตัวเองที่ไม่เคยเสียความบริสุทธิ์มาก่อนจะต้องมามีลูกสาวอายุห้าขวบ แถมยังมีครรภ์ในท้องอีกหนึ่ง

แน่นอนว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของนาง แถมภพนี้ก็ไม่ใช่ภพที่นางเคยอยู่ ยุคที่นางเคยอาศัยมาเป็นยุคหลังจากนี้เกือบพันปี สวรรค์แกล้งกันเกินไปแล้ว นางตายไปเหตุใดไม่ส่งให้นางไปเกิดภพใหม่กับผู้ใหม่ที่หล่อรวย เหตุใดต้องส่งมาลำบากในสกุลหวงที่...

สายตานางหันมองรอบห้องที่อยู่ของตัวเอง สภาพห้องของนางทรุดโทรมราวกับห้องของคนรับใช้ ตั้งแต่นางลืมตาขึ้นมาจากป่วยไข้ พวกเขาก็เอาแต่ใช้นางไม่หยุด

จนนางหมดสติไป ไม่รู้ว่าพวกเขาใจดีหรืออย่างไร หรือกลัวว่านางจะตายจึงรีบตามหมอมาตรวจ เมื่อมาถึงหมอก็บอกว่า

“ฮูหยินน้อยกำลังตั้งครรภ์”

ใช่แล้ว ร่างที่นางมาอาศัยนางเป็นสะใภ้ของสกุลหวง ส่วนสามีนางเป็นทหารออกไปรบได้ราวประมาณครึ่งปีเห็นจะได้

แล้วในท้องนี่คือลูกใคร?

หลิวชิงหนอหลิวชิง ทำไมถึงสร้างปัญหาให้นางไม่รู้จบ ท่านหมอจากไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงจางฮูหยิน แม่ผัวที่ดูเหมือนจะไม่ชอบหน้านางเท่าไร

“ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

ก็เอาไว้บนหัวท่านนั่นแหละ จะเอาไปเก็บที่ไหนได้อีก

“บุตรชายข้าไปออกรบครึ่งปี เจ้ากลับคิดการยื่นดอกเหมยออกนอกกำแพง กระทำการให้สกุลหวงเสียชื่อเสียง บอกข้ามาว่าชู้เจ้าเป็นใคร”

สามีไปรบครึ่งปี ร่างนี้กลับตั้งครรภ์สองเดือน มาถามว่าชู้นางเป็นใคร นั่นสิ นางเองก็อยากรู้ แต่ก็ตอบไม่ได้เพราะนางไม่เหลือความทรงจำของร่างนี้สักนิด

“ข้าไม่รู้”

เพียะ! มือของจางฮูหยินยกขึ้นตบคนตอบ หลิวชิงทรุดลงพื้นเพราะสภาพตัวเองที่ป่วยหนัก “ท่านแม่” เสียงลูกสาวนางรีบวิ่งเข้ามาหาจากนั้นก็ร้องไห้กอดพลางห้าม “ท่านย่า ท่านอย่าตีท่านแม่เลย”

“อย่ามายุ่ง เจ้าเองก็เช่นกัน ใช่หลานข้าจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”

แบบนี้เรียกว่าโกรธแล้วพาลเด็ก ทำแบบนี้เด็กจะมีปมรู้หรือเปล่า หลิวชิงอยากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าถูกจางฮูหยินสั่งให้บ่าวในเรือนลากนางไปกลางลาน จากนั้นก็สั่ง

“คุกเข่าสำนึกผิด หากข้ามิสั่งให้ลุกขึ้นก็ห้ามลุก!! อีกสองชั่วยามข้าจะมาถาม หากเจ้ามิพูดความจริง ข้าจะส่งเจ้าไปเฝ้าสุสานบรรพชน”

จางฮูหยินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ส่วนหลิวชิงเองก็ทำอะไรไม่ได้แม้ว่าใจนางอยากจะตอบโต้ ยิ่งเห็นบุตรสาวร้องไห้กอดไม่ยอมปล่อยนางก็เลยยอมหยุดทุกอย่างเพื่อปลอบบุตรสาว

“อย่าร้องเลยชิงลี่”

“ฮือ ข้าคิดถึงท่านพ่อ เมื่อไรท่านพ่อจะกลับมา”

นั่นสิ สามีไม่เอาไหนไปอยู่ไหนกัน สงครามก็รบมาครึ่งปี เดือนที่แล้วก็หมดสิ้นสงครามแล้ว บ้านอื่นนายทหารก็กลับเข้าบ้านกันหมด เหลือเพียงบ้านสกุลหวงที่ไร้วี่แวว

เกิดใหม่มีลูกสองก็ว่าแย่แล้ว ยังมีสามีไม่รับผิดชอบอีก อย่าได้โผล่หน้ามาให้นางเห็นเด็ดขาด นางจะใช้ไม้ตีให้หลังหัก

“ท่านพ่ออาจจะกลับมาในเร็ววัน ลูกก็อย่าร้องไห้อีกเลย”

ลูกก็ไม่ใช่ แต่ดูเหมือนความผูกพันในร่างนี้จะส่งผลต่อจิตใจนาง ส่วนความรู้สึกถึงสามีในสมองนางตอนนี้แทบไม่มีเลยสักนิด นางคิดว่าอีกฝ่ายคงตายในสนามรบไปแล้ว หรือไม่ก็คงมีภรรยาใหม่ จึงไม่คิดจะกลับมาสกุลหวงอีก หรือว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บจนพิการ ถ้าเป็นแบบนั้น ก็อย่ากลับมาให้นางเห็นจะดีกว่า ใช่ว่านางจะเป็นคนดีที่ดูแลสามีของ คนอื่นที่ไม่ใช่ของตนเสียหน่อย

บ่นในใจไปปลอบชิงลี่ไปเรื่อยในที่สุดนางก็หมดแรง

“ท่านแม่”

จางฮูหยินที่อยู่ด้านในออกมามองสภาพลูกสะใภ้ตรงหน้าที่ หมดสติพร้อมจดหมายที่อยู่ในมือ สมองก็คิดอะไรบางอย่างออก

“ส่งนางไปสุสานบรรพชนแล้วปิดปากให้เงียบที่สุด บอกทุกคนว่านางหนีออกจากสกุลหวง”

บ่าวรับใช้ทำสีหน้าไม่เข้าใจแต่สุดท้ายก็ยอมทำตาม

ตอนที่หลิวชิงลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในกระท่อมที่มืดสนิทรอบด้านมีแต่กลิ่นสาบ บนพื้นเป็นดินโคลน เมื่อลืมตาก็พบว่าชิงลี่กำลังร้องไห้ตัวสั่นเทา

“ท่านแม่ ท่านย่าส่งเรามายังสุสานบรรพชนเจ้าค่ะ ฮือ ทำไม ท่านย่าทำแบบนี้”

เสียงเด็กน้อยยังร้องไห้และพูดต่อ แต่สายตานางกลับมองรอบด้าน มีเพียงแค่แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา หลิวชิงลุกขึ้นแล้วมองไปนอกหน้าต่างที่ผุพัง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือหลุมฝังศพสามหลุม...

สวรรค์… ท่านเกลียดข้ามากใช่ไหมถึงได้ให้ข้ามาอยู่ในสุสานบรรพชน

แม่ผัวกับลูกสะใภ้ไม่ถูกกันมีทุกยุคทุกสมัยจริง ๆ แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาไปเอาคืนอีกฝ่าย ฉะนั้นบัญชีนี้นางจะเก็บเอาไว้ตอนหลัง เพราะปัญหาตอนนี้คือสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า

จางฮูหยินใจดำกับนางมาก แม้แต่เสื้อผ้าสักชิ้นก็ไม่ให้ติดตัว อย่าถามหาอย่างอื่นเลย ในสภาพมืดค่ำเช่นนี้ความหนาวเหน็บที่เข้ามายังกระท่อมผุพังเลยทำให้ลูกสาวของนางหวาดกลัวกว่าเดิม ยิ่งความเงียบสงบมาพร้อมกับเสียงนกร้องประหลาดนั่น

กา กา กา

“เจ้านกบ้า! หยุดร้องเดี๋ยวนี้ หาไม่แล้วพรุ่งนี้ข้าจะจับเจ้าย่างกิน”

หลิวชิงตะโกนเพราะรู้สึกปวดหัว นั่นทำให้เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นแล้วถาม “นกกินได้หรือเจ้าคะ”

“กินได้ และแม่จะเอาเจ้านกที่อยู่ด้านนอกนั่นให้เจ้ากินตัวแรก”

เจ้ากาได้ยินก็ถึงกับหยุดกึก จากนั้นก็ขยับเท้าหนีแล้วได้แต่คิดในใจว่ามนุษย์พวกนี้ล้วนจิตใจโหดเหี้ยม แม้แต่อีกาตัวดำเช่นมันก็ยัง ไม่เว้น

หลิวชิงหันมาปลอบบุตรสาวต่อ กว่าจะกล่อมนอนได้ตะวันก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า นางอุ้มลูกสาวขึ้นพาดบ่า จากนั้นก็มองไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

สุสานบรรพบุรุษตรงหน้าแม้จะมีเพียงแค่สามหลุมศพ แต่พื้นที่โดยรอบกลับโล่งกว้างมองเห็นดอกไม้ป่าเติบโตขึ้นเต็มพื้นที่ แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาบอกนางว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือสมบัติล้ำค่าที่ดีที่สุด จริง ๆ

ในเมื่อพึ่งพาสามีไม่เอาไหนไม่ได้ นางก็จะพึ่งตนเอง มีสมองมีปัญญาจะเปลี่ยนผืนหญ้าว่างเปล่าตรงหน้ากลายเป็นเงินให้ได้ แต่ก่อนอื่นสภาพนางตอนนี้…

หลิวชิงไอออกมาอีกชุดใหญ่ นางต้องหายจากอาการป่วยไข้เสียก่อน แต่ถูกทิ้งอย่างยาจกเช่นนี้นางจะหายาจากที่ไหน สายตาหันมองรอบด้านในป่าอาจจะมีอยู่

แต่ถามว่านางจบด้านสมุนไพรมาหรือเปล่าก็ไม่ใช่ ขืนหยิบตัวยาที่เป็นพิษมากินแทนที่จะหายอาจได้ตายสมใจ แถมตายคราวนี้ไม่รู้จะไปลำบากที่ไหนอีก แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

จำได้ว่าหมอที่มาตรวจครั้งก่อนก็อาศัยอยู่แถวภูเขาลูกนี้ หลิวชิงรอให้บุตรสาวตื่นก็พากันเดินสำรวจรอบภูเขา เดินไปได้สักพักก็เจอกระท่อมจริง ๆ

ด้านหน้ากระท่อมมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังก้ม ๆ เงย ๆ หยิบจับกระด้งสมุนไพรขึ้นวางบนแท่นวาง “ขออภัยเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่คือบ้านของหมอหลุนหรือไม่”

คนที่หันหลังหันมามอง จากนั้นก็นิ่งเงียบก่อนจะยิ้มออกมา

“ชิงชิง เจ้าหายดีแล้วหรือ”

หลิวชิงในร่างนี้รู้จักเขา แต่นางกลับจำอีกฝ่ายไม่ได้ ได้แต่ตามน้ำไป “ยังไม่หายดี ตอนนี้ข้ามาอาศัยอยู่ในกระท่อมสุสานบรรพชน สกุลหวง” พูดไม่ทันจบก็ไอออกมาอีกชุดหนึ่ง

จินเฟิงเห็นดังนั้นก็รีบให้นางนั่งบนชานด้านนอก ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปด้านในเพื่อหยิบกาน้ำชามาให้นางดื่ม

“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ในกระท่อมสุสาน”

สีหน้านางบอกว่าไม่อยากพูด และอีกฝ่ายก็เหมือนจะเข้าใจ

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่าทนอีก ยังไงซือหยางก็ไม่กลับมาหาเจ้าอีกแล้ว”

หลิวชิงทำได้เพียงแค่ยิ้มบาง “ข้ามาหาหมอหลุน”

“ท่านพ่อข้าเข้าป่า คิดว่ายามบ่ายถึงจะกลับมา” จินเฟิงมองไปยังชิงลี่ “ลี่เอ๋อร์ เจ้าหิวหรือไม่”

เด็กน้อยพยักหน้าอย่างใสซื่อ สีหน้าแววตาแสดงออกว่าหิวมาก จินเฟิงก็เลยรีบเข้าไปในครัวเพื่อหาของกินมาให้เด็กน้อย ระหว่างนั้นหลิวชิงก็รีบกระซิบถาม “พวกเรารู้จักกันนานหรือยัง”

ชิงลี่ขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจท่านแม่ “ลุงเฟิงเคยเป็นคู่หมั้นของท่านแม่อย่างไรเล่า ข้าเคยได้ยินท่านย่าพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าท่านพ่อไปแอบได้เสียกับท่านแม่ ท่านแม่ก็เลยต้องแต่งกับเขา” ชิงลี่ตอบแบบตรง ๆ ตามแบบที่ผู้ใหญ่พูดมาแม้ไม่เข้าใจความหมายก็ตาม

ถึงว่าจางฮูหยินถึงได้รังเกียจนาง และสายตาที่จินเฟิงมองนาง ก็ไม่ใช่สายตาของคนรู้จักที่เขามองกัน พอรู้ว่าเขาเคยเป็นคู่หมั้นของ ร่างนี้มาก่อนนางก็เริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรำลึกความหลังพูดไปพูดมาก็อาจจะจับผิดได้ว่าวิญญาณในร่างนี้ไม่ใช่หลิวชิงตัวจริง

ถ้าอย่างนั้นรีบกินรีบกลับจะดีกว่า...

จินเฟิงหาอาหารให้เด็กน้อยและหลิวชิงกิน ตอนแรกนางคิดว่าจะไม่กิน แต่เพราะกลิ่นหอมบวกกับเสียงท้องร้องนางก็เลยล้มเลิกที่จะรีบกลับบ้าน “เจ้ากินข้าวเสร็จก็กินยาเสีย เจ้าจะได้หายดี ขาดเหลืออะไรอีกไหม”

ถามแบบนี้นางก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมพลางตอบแบบไม่เกรงใจ

“หลายอย่างเลย” ใครใช้ให้เขามีน้ำใจกัน ส่วนนางก็ไม่รอช้ารับน้ำใจจากเขา จากนั้นกระท่อมร้างก็ถูกปัดกวาด มีแคร่ไม้ไว้สำหรับวางฟูกนอน ส่วนบานหน้าต่างที่ผุพังก็ถูกซ่อมจนสามารถบังลมได้

หลิวชิงมองจินเฟิงที่เร่งมือทั้งวันพยายามทำให้นางนอนในคืนนี้ได้ แวบหนึ่งก็ปรากฏความคิดหนึ่งขึ้นมา หรือว่าเราจะเปลี่ยนจากหาเงินมาหาสามีตรงหน้าดีจะได้ไม่ต้องทำอะไรเลย

คนคิดรีบสะบัดความคิดออก ไม่ได้ นางต้องมีเป้าหมายที่จะยืนด้วยตัวเองให้ได้ สายตาของจินเฟิงมองคนที่กำลังส่ายหน้า

“มีอะไรไม่พอใจหรือเปล่า”

หลิวชิงรีบตอบ “เปล่า ไม่มี เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว” นางนิ่งเพียงครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “ใกล้ค่ำแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปหาหมอหลุนใหม่ ท่านรีบกลับไปเถอะ”

ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีที่มีสามีแล้ว การที่บุรุษอื่นอยู่ด้วยจนมืดค่ำเกรงว่าจะไม่ดีแน่ ยิ่งนางเป็นสะใภ้ที่สกุลหวงไม่ค่อยชอบด้วย

จินเฟิงเหมือนจะเข้าใจ เขายิ้มบาง จากนั้นก็หันหลังให้ ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็นนั้นเขาหันหลังให้นางแล้วพูด

“ข้ายังยืนยันคำเดิม ไม่ว่าเจ้าจะเป็นยังไง ข้าพร้อมจะดูแลเจ้าเสมอชิงชิง”

หลิวชิงมองภาพตรงหน้า เหตุใดหัวใจในร่างนี้ถึงได้สั่นไหวกับคำพูดนั้น หรือว่าจริง ๆ แล้วหลิวชิงก็ชอบอีกฝ่ายเช่นกัน

แต่เดี๋ยวนะ... หรือว่าเขาคือพ่อของเด็กในท้อง!!!

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ