Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
สามีขา...มารักกันเถอะ

สามีขา...มารักกันเถอะ

อักษรสีทอง

5.0
ความคิดเห็น
433
ชม
10
บท

“พี่จะทำให้เธอรู้...” เขากระซิบชิดริมหูเล็ก “รู้อะไรคะ” “รู้ว่าพี่เป็นผู้ชายทั้งแท่ง...แท่ง 8 นิ้ว” แก้มเธอร้อนผ่าว เอ็ดว่า “พี่แม็คทะลึ่ง” “ทะลึ่งกับแบมแบมคนเดียวนั่นแหละจ้ะ” จบประโยคนี้ด้วยการจูบปากเธออย่างอ่อนโยน มือใหญ่สอดเข้าไปในกางเกงของเธอ แม้จะอายเพราะนี่เป็นครั้งแรกและเธอก็ไม่คุ้นเคยกับสัมผัสของผู้ชายเอาเสียเลย แต่ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมปัดป้อง ในทางตรงข้ามกลับโอนอ่อนผ่อนตามให้เขาได้ลูบไล้ได้ตามใจชอบ ไม่มีความรู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความวาบหวามและความสุขที่เอ่อล้นท่วมท้นหัวใจ ไม่นานนักร่างเธอก็เปลือยเปล่าด้วยฝีมือเขา รวมทั้งตัวเขาเองด้วยที่ปราศจากอาภรณ์ปกปิดร่างกาย ความเป็นชายเด่นผงาดอวดความใหญ่โตสมราคาคุย “อ๊าย ! ” เบญญาภาหลับตาปี๋ “พะ พี่แม็ค” “ไม่น่ากลัวหรอกน่า” เขาจับมือเธอมาสัมผัสความแข็งกร้าวนั้น เธอใจเต้นตูมตาม “อายทำไม นี่ของสามีเธอนะ”

บทที่ 1 1

“พี่บิว พี่ดื่มมากไปแล้วนะ พอเถอะพี่” เบญญาภา หรือ แบม สาววัย 22 ปี ที่มีดวงตาเจิดจรัส แม้ว่าเธอจะพิการแขนข้างหนึ่งมาตั้งแต่เกิดก็ตาม

“ปล่อยพี่เถอะน้องด้วน พี่มีความสุขแค่เฉพาะตอนมีเหล้าอยู่ในกระเพาะเท่านั้นแหละ” บุญยวีร์ หรือ บิว ผู้เป็นพี่สาว แม้จะมีแขนขาครบ + ความสวยโดดเด่น แต่เธอกลับมีดวงตาเศร้าโศกอยู่ตลอดเวลา

ตอนนี้สองสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะกลมด้านในสุด มืดสุด ไม่สนใจคนอื่น ไม่ใส่ใจเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม นักร้องที่กำลังแหกปากโชว์ลูกคออยู่บนเวที และเสียงกรี๊ดของสาวๆ ที่พากันยืนอออยู่หน้าเวที มองหนุ่มดีดกีต้าร์และมือกลองตาเป็นมัน

ที่นี่ไม่ใช่บาร์ ไม่ใช่ผับ หากเป็นร้านเหล้าที่เปิดตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน

“ดื่มเยอะเกินก็ใช่ว่าจะดีนะคะพี่บิว ถ้าพี่แม็ครู้เข้าจะต้องโกรธแน่ๆ” เบญญาภาไม่ยอมดื่มน้ำเมา นอกจากน้ำเปล่า เพราะถ้าเธอเมาอีกคน ใครจะคอยดึงสติพี่สาว

“อีตานั่นน่ะเหรอ” เพียงนึกถึง ‘แม็ค’ บุญยวีร์ก็เริ่มน้ำตารื้น “แม็คมีความรู้สึกซะที่ไหน” ว่าพลางรินเหล้าใส่แก้วเพิ่ม “ถ้าไม่ใช่เพราะอยากหนีไอ้สาทร พี่คงไม่จับแม็คมาแต่งงานด้วยหรอก ผู้ชายอะไร...ดุ เย็นชา แถมไม่เคยสนใจอะไรพี่อีก”

ฤทธิ์แอลกอฮอล์พุ่งพล่านในตัว บุญยวีร์ตัวร้อนผ่าวๆ ลามขึ้นหน้า เอียงหน้ากระซิบบอกน้องสาวข้างหู ราวกับว่ามันเป็นความลับขั้นสุดยอด

“บางทีพี่ก็สงสัยนะว่าแม็คอาจจะเป็นเกย์”

“ฮ๊า ! ” เธออุทาน ก่อนจะลดเสียงให้เบาลงเมื่อพี่สาวจุปากเป็นเชิงเตือน “หล่อๆ แมนๆ แบบนั้นอ่ะนะ”

“ใช่” บุญยวีร์ถอนหายใจเฮือก เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ จิบเหล้าเบาๆ แล้ววางแก้ว “เดี๋ยวนี้เกย์น่ะหล่อจะตาย ดูไม่ค่อยออกหรอก แถมหุ่นล่ำบึ้ก”

“เขาเคยเกาะแกะผู้ชายเหรอพี่ พี่ถึงคิดว่าเขาชอบไม้ป่าเดียวกัน”

“เฮ้อ” ถอนหายใจอีกครั้ง “ก็เขาไม่สนใจพี่เลย สาวๆ ก็ไม่มี เห็นมีแต่เพื่อนผู้ชายทั้งนั้น มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอน้องด้วน ทั้งๆ ที่พี่เป็นนางแบบ หุ่นก็ดี เอ้า ไหนน้องด้วนลองบอกพี่มาสิ รูปลักษณ์ของพี่มีส่วนไหนบ้างที่บกพร่อง”

เบญญาภากวาดตามองขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจ้องหน้าพี่สาวอย่างค้นคว้า สักพักก็ส่ายหน้า

“ไม่นี่พี่ พี่สวยกว่าดาราหลายๆ คนซะอีก ผู้ชายจีบพี่มีเป็นร้อย แบมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้ชายคนไหนที่เห็นพี่แล้วจะไม่หลงเสน่ห์ แล้วดูหุ่นพี่สิ เซ็กซี่จะตาย นมเป็นนม เอวเล็ก ก้นผาย ร้อยทั้งร้อยใครเห็นพี่ก็หื่นทั้งนั้นแหละ”

“แต่เธอเชื่อไหม” บุญยวีร์เบ้ปาก “แต่งงานกับแม็คมา 1 เดือนเต็มๆ เขาไม่เคยแม้แต่จะจับมือหรือหอมแก้มพี่เลย ห่างไกลยิ่งกว่าสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนซะอีก”

“ฮ๊า” คนฟังตาโต “มีคนแบบนั้นอยู่บนโลกนี้ด้วยเหรอพี่”

“แต่ก็ดีอยู่นะที่เขาไม่ล่วงเกินพี่ เพราะพี่ก็กลัวการมีเพศสัมพันธ์เหมือนกัน”

เบญญาภายิ้มพลางส่ายหน้า “พี่ยังไม่เลิกกลัวการนอนกับผู้ชายอีกเหรอคะ”

“จะให้เลิกกลัวได้ไง”

ความทรงจำบุญยวีร์หวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยที่เธอเพิ่งจะเริ่มแตกเนื้อสาว ตอนนั้นหน้าใสกิ๊ก ผิวขาว ตาโต แน่ล่ะว่าเธอเริ่มมีหนุ่มๆ มาติดพัน

แต่ความสวยและความสาวแรกแย้มไม่ใช่ว่าจะมีแต่สิ่งดีๆ มีคนชื่นชมก็ต้องมีคนจ้องทำลาย

สาทร...พ่อเลี้ยงที่ในตอนนั้นอายุ 45 ปี เป็นกรรมกรก่อสร้าง ใช้แรงงานแลกเงิน ตกเย็นมาเป็นต้องก๊งเหล้ากับเพื่อนก๊วนเดียวกัน แรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอก เมาแล้วก็นอน แต่มาระยะหลังสาทรเริ่มเปลี่ยนไป สายตาคอยแอบมองเธอเสมอ

แน่ล่ะว่าในกรณีนี้เบญญาภาที่อายุน้อยกว่าเธอ 3 ปี ไม่เจอปัญหา เพราะไม่ใช่คนสวย หน้าตาเรียบๆ ธรรมดา แถมแขนข้างซ้ายยังหายไปข้างหนึ่งอีก

ไม่ว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือทำอะไรก็ตาม เธอต้องเริ่มระวังตัวให้มากขึ้นเพราะมักมีลูกตาของสาทรแอบมองเสมอ...สายตาที่เธอไม่เคยไว้ใจ

ยิ่งนานวัน ธาตุแท้ของสาทรเริ่มบานปลาย เขากินเหล้ามากขึ้นจนถึงขั้นไม่ทำงาน คนที่เป็นเสาหลักจึงมีเพียงแม่และน้องสาวที่ช่วยกันขายน้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ตั้งแต่ตี 4 ช่วงเย็นขายแกงถุงแบบง่ายๆ

ตอนอายุย่างเข้า 16 เธอต้องตั้งใจเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเพื่อจะได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยในคณะที่ต้องการได้

ต่างจากเบญญาภาผู้เป็นน้องสาวที่ไม่เคยใฝ่ฝันอยากจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย ตั้งใจว่าจะจบ ม.3 ก็จะต่อวิทยาลัยการอาชีพในระดับปวช. แล้วหางานทำแถวบ้าน

ตอนนั้นเบญญาภาเรียนอยู่ ม.2 ตื่นตั้งแต่ตี 3 มาช่วยแม่ทอดปลาท่องโก๋ขายจนถึง 7โมงก็จะรีบไปโรงเรียน ตอนเย็นหลังทำการบ้านเสร็จก็จะไม่ไปเที่ยวที่ไหน ตรงดิ่งกลับมาช่วยแม่ขายกับข้าว หาเงินกิน ใช้จ่าย และใช้หนี้ไปวันๆ อย่างยากลำบาก

ในขณะที่บุญยวีร์คิดเสมอว่าตนมีรูปเป็นทรัพย์ ไม่เคยช่วยงานบ้าน แต่บอกกับน้องสาวและแม่เสมอว่าตนจะตั้งใจเรียน เมื่อรวยแล้วจะไม่ลืมน้องกับแม่อย่างแน่นอน

เธอมั่นใจในความสวย กิน เที่ยว เพื่อนเยอะทั้งหญิงและชาย เธอเหมือนดวงจันทร์ที่มีดาวเล็กๆ ห้อมล้อมรอบกาย เธอเคยชินกับการเป็นจุดเด่นและเป็นที่ชื่นชม

ช่วงที่เธอหลงระเริงกับชีวิตวัยรุ่นแรกแย้ม ในคืนหนึ่ง เธอเพิ่งเที่ยวกลับมา แม่กับน้องยังคงอยู่ตลาดเพราะขายของยังไม่เสร็จ เธอโดนพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อักษรสีทอง

ข้อมูลเพิ่มเติม
อุ้มรักเมียลับของท่านประธาน

อุ้มรักเมียลับของท่านประธาน

โรแมนติก

5.0

เพราะน้ำเมาในคืนนั้น เธอจึงพลาดท่า ‘ท้องไม่มีพ่อ’ เธอจำผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร สิ่งที่จำได้ดีคือเสียงของเขาเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เธอคลอดลูกชายฝาแฝด มีคนแปลกหน้ามาจับตัวเธอและลูกๆไป…คฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับวังคือสถานที่เธอและลูกถูกพาตัวมา เธอได้พบใครคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ทว่าแววตากลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ “ในที่สุด ผมก็ตามหาคุณเจอเสียทีนะ” เธอจำได้…เสียงทุ้มทรงอำนาจที่ไม่เคยลืมเลย เขาคือผู้ชายในคืนนั้น ! “คุณตามหาฉันเจอได้ยังไง” “ไม่มีอะไรที่ผมต้องการแล้วจะไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้จะใช้เวลานานไปหน่อยก็เถอะ” หญิงสาวนั่งคุกเข่ากอดลูกๆแนบอก เนื้อตัวสั่นระริก ถามด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่อยู่ “คุณต้องการอะไร” “ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนกันที่มาเสียตัวให้ผมแล้วก็ชิ่งหนีไป แต่พอรู้ว่าคุณมีลูก ผมก็ต้องการลูก” “ไม่ได้นะ” เธอกอดลูกชายทั้งสองแน่นกว่าเดิม “เด็กๆเป็นลูกของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างสูงขยับมายืนใกล้ๆ หรี่ตามองเธอและเด็กๆ ก่อนยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน “มีแค่มดลูก คุณจะท้องได้เองหรือไง ถ้าไม่ได้สเปิร์มจากผมไปน่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนวูบ… เพิ่งรู้ก็วันนี้เองว่า พ่อของลูกเธอนั้นไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ร่ำรวยมหาศาล ที่สำคัญเขาต้องการลูกๆ เธอจะต้องหนีจากเงื้อมมือของเขาให้ได้ อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน จะยอมให้เขามาพรากลูกไปจากอกไม่ได้เด็ดขาด แม้จะตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องหนีให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว…นอกจากจะหนีไม่พ้นแล้ว อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขา !

คู่นอนสุดที่รัก

คู่นอนสุดที่รัก

โรแมนติก

5.0

เธอเป็นเลขาของเขา ส่วนเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ.... อัมพิกาตกหลุมรักนิโคลัสตั้งแต่แรกเห็น ทว่า...สถานะระหว่างเลขากับท่านประธานช่างต่างกันจนเธอไม่อาจคาดหวังเกินตัว 1 ปีผ่านไป จากการได้ทำงานใกล้ชิด เธอยิ่งหวั่นไหวจนยากจะถอนหัวใจ ได้แต่เก็บงำความรักไว้เป็นความลับในใจ ไม่สามารถเอ่ยปากไปได้ จนวันหนึ่ง เธอและเขาต่างเมาด้วยกันทั้งคู่จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เธอยินยอมเพราะรัก แต่เขามีเพียงความใคร่ ในวันที่เสียตัวให้เขาแล้ว เขาพาเธอไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน...ที่นั่น ก็มีสาวสวยอยู่แล้วคนหนึ่ง เขาตั้งกติกาว่า ระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้น...หากใครมีทายาทให้เขาได้ก่อน เขาจะยอมจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรัก แต่เป็นทายาทสืบสกุล ! ผู้ชายเลือดเย็นคนนี้น่ะหรือที่เธอรัก...ต่อให้เธอเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็อย่าฝันเลยว่าเธอจะยอมให้เห็นหน้าลูก !!

เสน่หาภรรยา ม.ปลาย

เสน่หาภรรยา ม.ปลาย

โรแมนติก

5.0

สรวิชญ์คือรักแรกของฝากขวัญ... เธอเป็นลูกสาวหัวหน้าคนงาน ส่วนเขาคือลูกชายเจ้าของไร่สิงห์คำรามที่อายุมากกว่าเธอ 5 ปี ความใกล้ชิดก่อเกิดความสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เธอในวัยเยาว์ ไร้เดียงสา เรียนยังไม่จบมัธยมปลายก็เสียตัวให้เขา เธอวาดฝันถึงอนาคตที่ดี ความรักที่สวยงาม แต่แล้ว...ในวันที่เธอจบการศึกษาชั้น ม.6 คือวันเดียวกับที่ถูกเขาทอดทิ้ง พ่อพาเธอไปอยู่กรุงเทพเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ในขณะที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้นทุกวัน โดยที่สรวิชญ์ไม่เคยรู้เลยว่าเธออุ้มท้องสายเลือดของเขาอยู่ เวลาผ่านไป 6 ปี ลูกสาวของเธออายุ 5 ขวบ เธอได้เดินทางกลับมาที่ไร่สิงห์คำรามเพื่อดูแลสรัณซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของพ่อ เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง...เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากหนุ่มหน้าใส กลายเป็นผู้ชายดุดัน ไว้หนวดเครา ตัวโตร่างใหญ่ ที่สำคัญ...เขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอไม่มีทางให้เขาสมหวังหรอกนะ เธอเคยเสียใจมากแค่ไหน เขาต้องได้รับความเสียใจมากกว่าเธอ ฝากขวัญไม่รู้เลยว่า...ความอยากเอาคืนในวันนั้น จะทำให้เธอตกหลุมรักอดีตสามีเป็นครั้งที่สอง ทว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายผู้ไร้เดียงสาอีกแล้ว เธอไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ !

ถ่านไฟรักสามีเก่า

ถ่านไฟรักสามีเก่า

โรแมนติก

5.0

เธอเคยคิดว่าเขา รัก’จึงยอมยกให้ทั้งตัวและหัวใจ ทว่าในความจริง เธอเป็นได้แค่ ‘เมียในความลับ’ ที่ทำได้เพียงรอเวลาให้เขามานอนด้วย เจ้าสาวที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของเธอขาดลงก็คือการที่เธอตั้งครรภ์ แต่เขากลับแนะนำให้ไปทำแท้ง พอที...เธอไม่สามารถคบกับผู้ชายใจร้ายเช่นเขาได้อีก พรอุษาตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีแต่ความเจ็บปวด อุ้มท้องลูกน้อยหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ 4 ปีผ่านไป บาดแผลในใจเริ่มจางหาย พร้อมลูกสาวที่เติบโตมาอย่างน่ารัก แล้วในวันหนึ่ง...โชคชะตาก็ทำให้เธอบังเอิญพบเจอกับสามีเก่าอีกครั้ง ถ่านไฟที่ยังไม่ทันได้ดับสนิทเริ่มติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง...แต่ทว่าเธอจะไม่มีวันยอมผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ...................... “นี่มัน” ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว ดึงแผ่นทดสอบมาดู... ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าที่ถืออยู่นี้คืออะไร แล้วความหมายของสองขีดแดงคืออะไร...สายตาคู่คมจ้องหน้าเธออย่างเดือดดาล “เธอท้องเหรอ” “คือ...มัน...เอ่อ” เธออึกอัก “เธอท้อง...” เขากดเสียงให้ต่ำลงไปอีก ส่งผลให้เธอตัวลีบเล็ก อึกอัก “พิมลองตรวจดู ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะขึ้นสองขีด” “ไม่คิดงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง แสยะมุมปาก ปล่อยมือจากเธอพร้อมขยำแผ่นทดสอบปาลงพื้น “ฉันจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไปเอาเด็กออกซะ”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

หวนคืนมิลืมรัก

หวนคืนมิลืมรัก

ต้ายวี่
5.0

นางเคยมอบความรัก ความภักดี ให้เขาด้วยความจริงใจ แต่เขากลับตอบแทนนางด้วยการทรยศ หักหลัง สกุลของนางต้องล่มสลาย ยามที่สวรรค์มอบโอกาสให้นางได้หวนคืนชะตา นางจึงตั้งมั่นไม่ขอหวนกลับไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเขาอีก เพียงแต่นางพยายามหลีกหนี คนหน้าหนากลับพยายามไล่ตาม ใช้ความเจ้าเล่ห์ทั้งหลอกล่อบีบคั้นจนนางไร้หนทางหลีกหนี ในเมื่อมิอาจหลีกหนีเช่นนั้นครั้งนี้นางก็จะทำให้เขาได้รู้ว่า สตรีสกุลหลิวจะไม่ยอมโง่เขลาเป็นครั้งที่สอง "กู่เหว่ยหยวน ตลอดชีวิตของข้า สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุด คือมอบใจให้บุรุษชั่วช้าเช่นเจ้า หากสวรรค์มีจริง ไม่ว่าจะกี่ภพชาติอย่าได้พบกันอีกเลย"

ธิดาแค้นต้องเอาคืน

ธิดาแค้นต้องเอาคืน

Casey Haag
5.0

ตระกูลซูล่มสลาย จวนเจิ้นกั๋วทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตในคืนเดียว ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งถูกน้องสาวหลอกใช้ ถูกชายเจ้าชู้เล่นตลก ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แคว้นเป่ยเหลียงสิบกว่าปี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าคบคิดกับศัตรู คนทั้งแคว้นเซิ่งถังต่างก็ด่าทอยกใหญ่ ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งต้องยืนมองน้องสาวกับรักแรกของตนสนิทสนมกัน ครองโลก ส่วนตัวเองกลับโดนประหารชีวิต เลือดสาดตะวัน เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง… ซูเฉิงอิ้งถือดาบกลับมา ฟาดแรก… ตัดสายเลือด ฟันน้องสาวอกตัญญู ฟาดที่สอง… ตัดความรัก ฟันรักแรกที่หน้าเนื้อใจเสือ ฟาดที่สาม… ตัดคำพูด ฟันทุกเสียงนินทาของเป่ยเหลียงที่บิดเบือนความจริง ฟาดที่สี่… ตงฟางไป๋เยว่ “หรือว่าฮูหยินอยากจะฆ่าสามีผู้นี้ด้วยหรือ” ซูเฉิงอิ้ง“หุบปาก…”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ