“พี่จะทำให้เธอรู้...” เขากระซิบชิดริมหูเล็ก “รู้อะไรคะ” “รู้ว่าพี่เป็นผู้ชายทั้งแท่ง...แท่ง 8 นิ้ว” แก้มเธอร้อนผ่าว เอ็ดว่า “พี่แม็คทะลึ่ง” “ทะลึ่งกับแบมแบมคนเดียวนั่นแหละจ้ะ” จบประโยคนี้ด้วยการจูบปากเธออย่างอ่อนโยน มือใหญ่สอดเข้าไปในกางเกงของเธอ แม้จะอายเพราะนี่เป็นครั้งแรกและเธอก็ไม่คุ้นเคยกับสัมผัสของผู้ชายเอาเสียเลย แต่ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมปัดป้อง ในทางตรงข้ามกลับโอนอ่อนผ่อนตามให้เขาได้ลูบไล้ได้ตามใจชอบ ไม่มีความรู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความวาบหวามและความสุขที่เอ่อล้นท่วมท้นหัวใจ ไม่นานนักร่างเธอก็เปลือยเปล่าด้วยฝีมือเขา รวมทั้งตัวเขาเองด้วยที่ปราศจากอาภรณ์ปกปิดร่างกาย ความเป็นชายเด่นผงาดอวดความใหญ่โตสมราคาคุย “อ๊าย ! ” เบญญาภาหลับตาปี๋ “พะ พี่แม็ค” “ไม่น่ากลัวหรอกน่า” เขาจับมือเธอมาสัมผัสความแข็งกร้าวนั้น เธอใจเต้นตูมตาม “อายทำไม นี่ของสามีเธอนะ”
“พี่บิว พี่ดื่มมากไปแล้วนะ พอเถอะพี่” เบญญาภา หรือ แบม สาววัย 22 ปี ที่มีดวงตาเจิดจรัส แม้ว่าเธอจะพิการแขนข้างหนึ่งมาตั้งแต่เกิดก็ตาม
“ปล่อยพี่เถอะน้องด้วน พี่มีความสุขแค่เฉพาะตอนมีเหล้าอยู่ในกระเพาะเท่านั้นแหละ” บุญยวีร์ หรือ บิว ผู้เป็นพี่สาว แม้จะมีแขนขาครบ + ความสวยโดดเด่น แต่เธอกลับมีดวงตาเศร้าโศกอยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้สองสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะกลมด้านในสุด มืดสุด ไม่สนใจคนอื่น ไม่ใส่ใจเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม นักร้องที่กำลังแหกปากโชว์ลูกคออยู่บนเวที และเสียงกรี๊ดของสาวๆ ที่พากันยืนอออยู่หน้าเวที มองหนุ่มดีดกีต้าร์และมือกลองตาเป็นมัน
ที่นี่ไม่ใช่บาร์ ไม่ใช่ผับ หากเป็นร้านเหล้าที่เปิดตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน
“ดื่มเยอะเกินก็ใช่ว่าจะดีนะคะพี่บิว ถ้าพี่แม็ครู้เข้าจะต้องโกรธแน่ๆ” เบญญาภาไม่ยอมดื่มน้ำเมา นอกจากน้ำเปล่า เพราะถ้าเธอเมาอีกคน ใครจะคอยดึงสติพี่สาว
“อีตานั่นน่ะเหรอ” เพียงนึกถึง ‘แม็ค’ บุญยวีร์ก็เริ่มน้ำตารื้น “แม็คมีความรู้สึกซะที่ไหน” ว่าพลางรินเหล้าใส่แก้วเพิ่ม “ถ้าไม่ใช่เพราะอยากหนีไอ้สาทร พี่คงไม่จับแม็คมาแต่งงานด้วยหรอก ผู้ชายอะไร...ดุ เย็นชา แถมไม่เคยสนใจอะไรพี่อีก”
ฤทธิ์แอลกอฮอล์พุ่งพล่านในตัว บุญยวีร์ตัวร้อนผ่าวๆ ลามขึ้นหน้า เอียงหน้ากระซิบบอกน้องสาวข้างหู ราวกับว่ามันเป็นความลับขั้นสุดยอด
“บางทีพี่ก็สงสัยนะว่าแม็คอาจจะเป็นเกย์”
“ฮ๊า ! ” เธออุทาน ก่อนจะลดเสียงให้เบาลงเมื่อพี่สาวจุปากเป็นเชิงเตือน “หล่อๆ แมนๆ แบบนั้นอ่ะนะ”
“ใช่” บุญยวีร์ถอนหายใจเฮือก เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ จิบเหล้าเบาๆ แล้ววางแก้ว “เดี๋ยวนี้เกย์น่ะหล่อจะตาย ดูไม่ค่อยออกหรอก แถมหุ่นล่ำบึ้ก”
“เขาเคยเกาะแกะผู้ชายเหรอพี่ พี่ถึงคิดว่าเขาชอบไม้ป่าเดียวกัน”
“เฮ้อ” ถอนหายใจอีกครั้ง “ก็เขาไม่สนใจพี่เลย สาวๆ ก็ไม่มี เห็นมีแต่เพื่อนผู้ชายทั้งนั้น มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอน้องด้วน ทั้งๆ ที่พี่เป็นนางแบบ หุ่นก็ดี เอ้า ไหนน้องด้วนลองบอกพี่มาสิ รูปลักษณ์ของพี่มีส่วนไหนบ้างที่บกพร่อง”
เบญญาภากวาดตามองขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจ้องหน้าพี่สาวอย่างค้นคว้า สักพักก็ส่ายหน้า
“ไม่นี่พี่ พี่สวยกว่าดาราหลายๆ คนซะอีก ผู้ชายจีบพี่มีเป็นร้อย แบมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้ชายคนไหนที่เห็นพี่แล้วจะไม่หลงเสน่ห์ แล้วดูหุ่นพี่สิ เซ็กซี่จะตาย นมเป็นนม เอวเล็ก ก้นผาย ร้อยทั้งร้อยใครเห็นพี่ก็หื่นทั้งนั้นแหละ”
“แต่เธอเชื่อไหม” บุญยวีร์เบ้ปาก “แต่งงานกับแม็คมา 1 เดือนเต็มๆ เขาไม่เคยแม้แต่จะจับมือหรือหอมแก้มพี่เลย ห่างไกลยิ่งกว่าสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนซะอีก”
“ฮ๊า” คนฟังตาโต “มีคนแบบนั้นอยู่บนโลกนี้ด้วยเหรอพี่”
“แต่ก็ดีอยู่นะที่เขาไม่ล่วงเกินพี่ เพราะพี่ก็กลัวการมีเพศสัมพันธ์เหมือนกัน”
เบญญาภายิ้มพลางส่ายหน้า “พี่ยังไม่เลิกกลัวการนอนกับผู้ชายอีกเหรอคะ”
“จะให้เลิกกลัวได้ไง”
ความทรงจำบุญยวีร์หวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยที่เธอเพิ่งจะเริ่มแตกเนื้อสาว ตอนนั้นหน้าใสกิ๊ก ผิวขาว ตาโต แน่ล่ะว่าเธอเริ่มมีหนุ่มๆ มาติดพัน
แต่ความสวยและความสาวแรกแย้มไม่ใช่ว่าจะมีแต่สิ่งดีๆ มีคนชื่นชมก็ต้องมีคนจ้องทำลาย
สาทร...พ่อเลี้ยงที่ในตอนนั้นอายุ 45 ปี เป็นกรรมกรก่อสร้าง ใช้แรงงานแลกเงิน ตกเย็นมาเป็นต้องก๊งเหล้ากับเพื่อนก๊วนเดียวกัน แรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอก เมาแล้วก็นอน แต่มาระยะหลังสาทรเริ่มเปลี่ยนไป สายตาคอยแอบมองเธอเสมอ
แน่ล่ะว่าในกรณีนี้เบญญาภาที่อายุน้อยกว่าเธอ 3 ปี ไม่เจอปัญหา เพราะไม่ใช่คนสวย หน้าตาเรียบๆ ธรรมดา แถมแขนข้างซ้ายยังหายไปข้างหนึ่งอีก
ไม่ว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือทำอะไรก็ตาม เธอต้องเริ่มระวังตัวให้มากขึ้นเพราะมักมีลูกตาของสาทรแอบมองเสมอ...สายตาที่เธอไม่เคยไว้ใจ
ยิ่งนานวัน ธาตุแท้ของสาทรเริ่มบานปลาย เขากินเหล้ามากขึ้นจนถึงขั้นไม่ทำงาน คนที่เป็นเสาหลักจึงมีเพียงแม่และน้องสาวที่ช่วยกันขายน้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ตั้งแต่ตี 4 ช่วงเย็นขายแกงถุงแบบง่ายๆ
ตอนอายุย่างเข้า 16 เธอต้องตั้งใจเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเพื่อจะได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยในคณะที่ต้องการได้
ต่างจากเบญญาภาผู้เป็นน้องสาวที่ไม่เคยใฝ่ฝันอยากจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย ตั้งใจว่าจะจบ ม.3 ก็จะต่อวิทยาลัยการอาชีพในระดับปวช. แล้วหางานทำแถวบ้าน
ตอนนั้นเบญญาภาเรียนอยู่ ม.2 ตื่นตั้งแต่ตี 3 มาช่วยแม่ทอดปลาท่องโก๋ขายจนถึง 7โมงก็จะรีบไปโรงเรียน ตอนเย็นหลังทำการบ้านเสร็จก็จะไม่ไปเที่ยวที่ไหน ตรงดิ่งกลับมาช่วยแม่ขายกับข้าว หาเงินกิน ใช้จ่าย และใช้หนี้ไปวันๆ อย่างยากลำบาก
ในขณะที่บุญยวีร์คิดเสมอว่าตนมีรูปเป็นทรัพย์ ไม่เคยช่วยงานบ้าน แต่บอกกับน้องสาวและแม่เสมอว่าตนจะตั้งใจเรียน เมื่อรวยแล้วจะไม่ลืมน้องกับแม่อย่างแน่นอน
เธอมั่นใจในความสวย กิน เที่ยว เพื่อนเยอะทั้งหญิงและชาย เธอเหมือนดวงจันทร์ที่มีดาวเล็กๆ ห้อมล้อมรอบกาย เธอเคยชินกับการเป็นจุดเด่นและเป็นที่ชื่นชม
ช่วงที่เธอหลงระเริงกับชีวิตวัยรุ่นแรกแย้ม ในคืนหนึ่ง เธอเพิ่งเที่ยวกลับมา แม่กับน้องยังคงอยู่ตลาดเพราะขายของยังไม่เสร็จ เธอโดนพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ
หนังสืออื่นๆ ของ อักษรสีทอง
ข้อมูลเพิ่มเติม