Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
103.5K
ชม
35
บท

สายตาคมที่ยืนมองเหตุการณ์ในมุมลับตา การเสวนาระหว่างหญิงสาวที่เขาเพิ่งชนอยู่ในสายตาของเชคฮ บราฮิมตลอดหลังจากที่เขานั้นเดินออกมา เชคฮ บราฮิมดั่งถูกสาปให้นิ่งดั่งหินเมื่อเห็นใบหน้าหวานเสลา ดุจนางพญา ดวงตาคมของม่านฟ้าที่มองหน้าสบตาเขามันตราตรึงติดในดวงตาอย่างน่าจดจำ...^นางฟ้าเดินดิน^ เขาตราหน้าเธอในใจ "เราพอใจหญิงนางนั้น" เชคฮ บราฮิมเอ่ยบอก "ท่านหมายถึงใครหรือครับ" "นางฟ้าเดินดินคนนั้น" คำพูดที่ทำเอาเลขาอย่างราชิตถึงกับงวยงงเมื่อเจ้านายพร่ำบอก "คนที่ชนเราตอนเข้ามา" เชคฮ บราฮิมขยายความเมื่อเห็นแล้วว่าคนสนิทไม่เข้าใจ "เราต้องการเธอคนนั้น!" เสียงเข้มแผดดังหนักแน่นอย่างมุ่งมั่น "แต่กระผมเกรงว่า..." "อยากได้ก็คืออยากได้!...ไปสืบมาว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน แลกด้วยอะไรเราก็ยอม"

บทที่ 1 เจอครั้งแรกก็ถูกใจ

ม่านฟ้า

สาธารณะรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาณาเขตดินแดนในฝันที่ใครหลายคนนั้นอยากไปเหยียบสักครั้งในชีวิต ด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ความมั่งคั่งของผู้คน ความตระการตาของตึกราบ้านช่อง วัฒนธรรมที่น่าศึกษาและสิ่งสวยงามของประเทศนี้ที่แตกต่างและหรูหรา

"สวยจัง" เสียงหวานของม่านฟ้าหญิงสาววัยสร้างตัววัยยี่สิบแปดที่ได้แต่นั่งมองรูปภาพ ชื่นชมทัศนียภาพแค่ภาพนิ่ง อยากให้สักวันมันเป็นความจริง ว่าเธอนั้นจะได้มีโอกาสสัมผัส ผืนทะเลทราย ที่ร้อนระอุแต่มันก็มีความงามในแบบของตัวมันเอง ที่ทำให้ม่านฟ้านั้นหลงใหล อยากจะไปสักครั้ง

ม่านฟ้า เป็นสาวโสดตัวคนเดียว ไร้ญาติพี่น้อง พ่อแม่ตายจากตั้งแต่เธอยังเด็ก มีเพียงยายคนเดียวที่ชุบเลี้ยงเธอมา แต่ต้องมาจากลาไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อปีที่แล้วด้วยโรคชรา ม่านฟ้าเป็นคนใจแข็ง เธอเลือกคบคน น้อยนักที่ใครจะกล้าเข้าหาเพราะหน้าตา ท่าทางเธอนั้นดูเย็นชา ม่านฟ้าชอบอิสระ ชอบท่องเที่ยว ชอบถ่ายรูป มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง แต่แอบดื้อเงียบ มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าได้กล้าเสีย ม่านฟ้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีเพื่อนที่สนิทกันแค่ไม่กี่คน เพราะเธอนั้นเลือกที่คบ มันมีสาเหตุให้เธอเป็นแบบนี้เพราะความไว้ใจของเพื่อนสมัยอนุบาล แต่ม่านฟ้ากลับถูกเพื่อนคนนี้หักหลัง จนม่านฟ้ากลายเป็นคนหยิ่งในสายตาคนอื่นเพราะเธอเฉยชากับการที่ต้องให้ใจใคร แต่ที่จริงเธอนั้นอ่อนไหวและใจดีเสียยิ่งกว่ากระไร

"เป็นอะไรยัยม่าน นั่งยิ้มคนเดียว" และนี่แหละเพื่อนสนิทไม่กี่คนของเธอที่พูดถึง 'เอย' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มารู้จักกันตอนที่ม่านฟ้ามาทำงานที่นี่ซึ่งเอยทำงานอยู่ก่อนแล้ว และมีแค่หล่อนคนเดียวที่กล้าเข้าหาม่านฟ้าจนกลายเป็นนั้นสนิทสนมกันจนถึงปัจจุบัน

"นี่...ฉันอยากไปที่นี่สักครั้งแก" ม่านฟ้าชี้โรงแรมแห่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นรูปเรือใบให้เอยดู เป็นโรงแรมที่ขึ้นชื่อและสวยงาม มีเอกลักษณ์ที่น่าตราตรึงแก่สายตา

"ฝันเฟื่องแล้วแกอะ" เอยดีดนิ้วดังเปาะอย่างดึงสติทำให้ม่านฟ้านั้นหลุดจากภวังค์ จากที่ยิ้มจนต้องหุบยิ้มทันทีเพราะเพื่อนสนิทนั้นดับฝัน

“ฝันอะไร...ฉันกำลังเก็บเงินอยู่ ฝันของฉันมันต้องเป็นจริงเว้ยเพื่อนรัก หุหุ” เสียงหวานหัวเราะขบขันอย่างมีความหวัง

“เป็นเอามากเพื่อนฉัน” เอยส่ายหัวและเปรยออกมาอย่างเอือมระอาในความฝันของม่านฟ้าที่พร่ำเพ้อออกทางสีหน้าชัดเจน

“แล้วนี่แกไม่มีงานมีการทำหรือไง...มาดับฝันฉันเนี่ย”

“มี!”

“แล้วทำไมไม่ไปทำ”

“ฉันขี้เกียจ”

“เออ...ง่ายดีเนอะ”

“ก็ฉันเป็นคนง่าย ๆ ผู้ชายก็ได้ ผู้หญิงก็ดี” เอยไหวไหล่และเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดสักนิด

“ไม่มีคำบรรยาย...” ม่านฟ้าเอ่ยอย่างเอือมระอา จนเอยเพื่อนรักเดินออกไป ส่วนม่านฟ้าก็ก้มหน้ามองสถานที่ต่าง ๆ ในฝันที่เธอนั้นอยากจะไปด้วยความหวังที่มีเต็มเปี่ยม เพราะตั้งใจไว้แล้วว่า จะต้องไปให้ได้ในชีวิตนี้

“แล้วนี่แกจะรีบไปไหนม่านฟ้า รุกรี้รุกรนเชียว” เอยเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวนั้นเก็บกระเป๋าอย่างร้อนรนเหมือนคนรีบร้อน

“อ๋อ ฉันจะไปบริษัททัวร์น่ะแก ต้องเอาพาสสปอร์ตไปให้เขา”

“ห๊า นี่แกเอาจริงหรอม่านฟ้า แล้ว แล้วนี่แกไปเตรียมการตั้งแต่ตอนไหนวะ” เอยถามขึ้นอย่างตกใจไม่คิดว่าสิ่งที่เพื่อนนั้นฝัน เธอแอบทำมันโดยที่ไม่ได้บอกให้เธอรู้สักนิด

“ก็เริ่มมาสักพักแล้วล่ะ”

“ทำไมฉันไม่รู้อะ”

“แกชอบบอกฉันฝัน ฉันเพ้อเลยไม่อยากบอก ตอนแรกก็ว่าจะเล่าให้ฟังนะ แต่พอเห็นแกบอกเมื่อกลางวันว่าฉันนั้นฝันเฟื่องเลยเปลี่ยนใจไม่เล่าให้ฟัง

“แกนะแก ปิดเพื่อนได้ แล้วนี่จะไปเมื่อไหร่ล่ะ” เอยเมื่อไม่มีคำจะพูดต่อ เพราะสิ่งที่ม่านฟ้านั้นบอกเธอพูดดับฝันเพื่อนจริง ๆ

“อาทิตย์หน้าออกเดินทางและฉันก็ยื่นแจ้งลาพักร้อนไว้แล้ว” ม่านฟ้าบอกกล่าวให้เอยรับรู้ เพราะการไปตามฝันในสถานที่ใฝ่ฝันนั้นต้องไปหลายวัน และบ้านหลังเดียวที่เป็นมรดกส่งต่อมาจากยายเธอต้องอาศัยวานให้เอยดูแลให้ในช่วงที่เธอไม่อยู่

“เร็วจังวะ”

“ก็ฉันเตรียมตัวไว้นานแล้ว แค่ไม่บอกแกแค่นั้นเองเพื่อนรัก”

“ฉันมองแกพลาดมากม่านฟ้า”

“ฮ่าฮ่าฮ่า...ถ้าฉันตั้งใจนะเอยไม่ว่าเรื่องยากแค่ไหนฉันก็ต้องทำมันให้ได้ ไปกับฉันด้วยไหมล่ะ”

“ไม่ไปอะ...แต่คืนนี้อย่าลืมนัดนะ เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเอง”

“โอเคจ้ะ”

....ยามราตรีที่แสนครึกครื้นแต่เวลากลางคืนแบบนี้บางคนอาจจะเข้าสู่ของการหลับใหลอย่างสบายใจ แต่มันไม่ใช่สำหรับสองสาวงามอย่างม่านฟ้าและเอย ที่กำลังเชยชมเหล่าผีเสื้อตัวผู้และตัวเมียร่ายท่าทางประกอบกับเสียงเพลงที่แสนเร้าใจ มือบางถือแก้วเครื่องดื่มโยกเบา ๆ ไปมา สายตาก็กวาดมองโดยรอบบริเวณแต่สายตาของม่านฟ้าได้สบตามองกับใครบางคนที่จ้องมาทางเธอเช่นกัน ชายคนนั้นส่งยิ้มให้เธอแต่ม่านฟ้าก็ไม่ได้สนใจ ละสายตามองไปทางอื่นทันที ท่าทางแบบนี้ที่เธอเป็นประจำและคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

“ให้เกียรติดื่มกับผมสักแก้วจะได้ไหม?” ชายคนนั้นเดินมายืนตรงข้ามม่านฟ้าและเอ่ยทักอย่างร้องขอ

“..................” ม่านฟ้ามองนิ่งจ้องมองชายตรงหน้าแต่ก็ไม่พูดจาอะไร

“แก” เอยสะกิดแขนม่านฟ้าอย่างบอกกล่าวเมื่อเพื่อนนั้นเอาแต่นิ่งเงียบไม่สนใจ

“อะไร” ม่านฟ้าตอบเพียงสั้น ๆ

“เขาคุยกับแกอะ” เอยบอกพร้อมส่งยิ้มเป็นการทักทายชายตรงหน้า “นั่งก่อนสิคะ”

“ขอบคุณครับ” ชายคนนั้นนั่งลงตรงข้ามกับม่านฟ้า สายตาที่มองม่านฟ้าอย่างหยาดเยิ้มแต่เธอไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย “ผมชื่อครรชิตนะครับ...จะเป็นอะไรไหมถ้าวันนี้ผมขอเป็นเจ้ามือ” ครรชิตเสนอตัว

((ไม่ค่ะ/ยินดีค่ะ)) คำแรกม่านฟ้าพูด คำต่อมาเอ่ยบอกกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเพื่อนไม่เล่นด้วยเอยจึงส่งสายตาขึงตึงใส่ม่านฟ้าอย่างส่งสัญญาณว่าเธอนั้นอุตส่าห์จะรอดพ้นจากการเป็นเจ้ามือในค่ำคืนนี้แต่ทำไมเพื่อนต้องเป็นหนาม

“แหะ ๆ” เมื่อทำอะไรไม่ได้เมื่อสายตาของม่านฟ้านั้นส่งสัญญาณบอกกล่าวว่าเอยควรอยู่นิ่ง ๆ

“คงไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะเรามีเงินเลี้ยงตัวเอง...ไปกลับกันได้แล้วเอย” ม่านฟ้าวางแก้วเครื่องดื่มแล้วลุกพรวดจากโต๊ะนั้นทันทีโดยไม่รีรอให้เอยนั้นได้มีโอกาสเอ่ยปากถามหรือตอบโต้ใด ๆ

“ม่านฟ้า!” เอยตวาดเสียงดังในรถเมื่อเพื่อนไม่ได้ดั่งใจ

“ตะคอกเสียงดังทำไม” ม่านฟ้าไม่ได้ใยดีเสียงแค่นี้ไม่สะทกสะท้านหูเธอหรอก

“แกทำให้เราชวดกินฟรี” เอยนั่งหน้างอมือกอดอกพูดพร่ำ

“ของฟรีไม่มีในโลก มันอาจจะคิดไม่ดีกับเราก็ได้นะเอย” ม่านฟ้าชี้แจง “เราเป็นผู้หญิงมาเที่ยวแบบนี้จะเห็นแก่กินฟรีไม่ได้ต้องนึกถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อน”

“มันก็ใช่อะ ฉันคิดน้อยไป งั้นเรากลับบ้านกันดีกว่า”

ครรชิต

ท้องฟ้าที่แสนสดใส แสงแดดเจิดจ้าร้อนระอุของเมืองไทย สาวไทยผิวสองสีกำลังย่างกรายเรียวขายาวสวยเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้เธอจะไปทำตามฝันที่ตั้งใจ ม่านฟ้าทำการลาพักร้อนด้วยสิทธิ์ที่เธอนั้นมี วันนี้เธอจะได้เหยียบผืนดินที่ใฝ่ฝันมานาน

"เดินทางดีๆ นะแก" เอยเพื่อนสนิทมาส่งม่านฟ้ายังสนามบินเพื่อเดินทางไปยังที่หมาย สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์

"ขอบใจนะเอย...ที่มาส่ง" ม่านฟ้าขยับเข้าไปกอดเอยอย่างขอบคุณ

"เที่ยวให้สนุกนะแก...ฝันกำลังเป็นจริงแล้ว"

"อืม...ฝากดูแลบ้านด้วยนะ รดน้ำต้นไม้ให้ด้วย" ม่านฟ้าละกอดจากเอย และเอ่ยฝากฝังดูแลบ้านที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ยายทิ้งไว้ให้ก่อนลาลับจากโลกไป

เสียงเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ไพศาล แพรก้อนเมมฆสีขาวสะอาดตาหนากระทบกับแสงแดดจ้า ส่องประกายระยิบระยับ เป็นความสวยงามที่ธรรมชาติช่างสรรค์สร้างขึ้นมาเสียจริง สายตาคมจ้องมองความงามบนท้องฟ้ารอยยิ้มและหัวใจเต้นตุบ ๆ

...บริษัททัวร์ที่ม่านฟ้าเลือกใช้บริการก็ดูแลดีเสียจริง การเดินทางที่ไร้คนรู้จัก ก็ไม่ยักจะเป็นอุปสรรคต่อม่านฟ้าเลยสักนิด

"สวัสดีครับ" เสียงหนึ่งดังขึ้นจนเธอต้องละสายตาหันมามองตามเสียง ชายคนที่นั่งข้างๆ เอ่ยเรียก เขาคือหนึ่งในคนที่ร่วมทริปในครั้งนี้

"ค่ะ" เสียงนิ่งตอบกลับเพียงสั้น ๆ

"ผมชื่อครรชิต มากับทัวร์กรุ๊ปที่จะไปดูไบ" ชายวัยกลางคนที่นั่งข้าง ๆ ม่านฟ้าแนะนำด้วยท่าทีเป็นมิตรเพราะเธอคนนี้เขาเคยเจอมาก่อนหน้าแล้วแต่เธอนั้นแสดงท่าทีไม่ได้อยากรู้จักเลยสักนิด แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมทริปแล้วกัน

"อ่อค่ะ...ฉันม่านฟ้า"

"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"

"ค่ะ...ว่าแต่คุณหน้าคุ้น ๆ นะคะ"

“อย่างนั้นเหรอครับ” ครรชิตตีหน้าซื่อตอบแบบอมยิ้มอ่อนเมื่อสิ่งที่เธอนั้นบอกแม้จะจดจำไม่ได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังแสดงความคุ้นหน้า

การสนทนาแนะนำตัวเริ่มขึ้น ครรชิตที่สังเกตเห็นม่านฟ้าที่คุ้นหน้าคร่าตาตั้งแต่คืนที่พบเจอกันในสถานบันเทิงที่บังเอิญเจอ ความต้องตาเริ่มก่อตัวจนอยากรู้จัก หญิงสาวผู้มักมีใบหน้าไร้รอยยิ้ม ไม่รู้อะไรที่ทำให้ครรชิตหนุ่มหน้าตาดีต้องตาต้องใจได้ ครรชิตเป็นเจ้าของบริษัททัวร์นี้ และครั้งนี้เขาก็มาดูแลลูกค้าด้วยตัวเองแต่ไม่รู้ว่ามันคือโชคชะตาหรือเปล่าที่ทำให้เขานั้นพบสาวคนนี้ที่ถูกใจเขาเพียงสายตาแรกที่พบเห็นแบบชัดเจน เพราะคืนที่เจอกันเขามองเธอผ่านม่านไฟสลัวเท่านั้น ไม่คิดว่าเมื่อเจอเธอแบบจัง ๆ เธอจะถูกใจยิ่งกว่า...

ครรชิตพยายามพูดคุยกับสาวเจ้าที่โลกส่วนตัวค่อนข้างสูง คำถามที่ครรชิตถามยาวเหยียด แต่คำตอบจากสาวเจ้าที่ตอบกลับนั้นช่างแสนสั้นนัก แต่ครรชิตก็ไม่ลดละความพยายาม เพราะเธออาจจะระแวดระวังตัวจากคนไม่คุ้นหน้า และม่านฟ้าก็ยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วครรชิตคือเจ้าของบริษัททัวร์ที่เธอกำลังใช้บริการอยู่

"คุณม่านฟ้า..."ครรชิตเอ่ยถาม

"คะ ?"ม่านฟ้าตอบรับสั้น ๆ

"รับอาหารว่างไหมครับ” เมื่อการเดินทางมานานพอสมควรจนพนักงานบริการบนเครื่องบินเข็นรถเข็นที่มีน้ำและอาหารมาบริการ ครรชิตจึงเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นม่านฟ้าไม่มีทีท่าขยับกายไปไหนหรือต้องการอะไรสักอย่าง ความเป็นสุภาพบุรุษจึงก่อตัว

"ไม่เป็นไรค่ะ" ม่านฟ้าตอบปฏิเสธและก้มหน้าอ่านหนังสือที่เธอนั้นชอบพกติดตัวตลอดเวลามาด้วย นิยายเล่มโปรดที่เธอยังอ่านค้างไม่จบ

"ต้องการอะไรบอกได้นะครับ"ครรชิตเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ และเขาก็ยินดีหากเธอจะเรียกให้เขาบริการ

"ค่ะ"ม่านฟ้าตอบรับพร้อมส่งยิ้มอ่อน จนคนที่ได้มองนั้นหัวใจแทบหลอมละลาย

เชคฮบราฮิม

"วันนี้เรามีภารกิจที่ไหนบ้าง ราชิต" ทายาทผู้นำรัฐเอ่ยถามเลขาคนสนิทถึงภารกิจที่ต้องทำ ตามที่ท่านผู้นำรัฐมอบหมายให้

"ท่านจะต้องต้อนรับแขกคนสำคัญด้วยตนเองที่สนามบินครับ...และเลี้ยงรับรองในมื้อเย็น เป็นอันเสร็จภารกิจของวันนี้ครับ" ราชิตร่ายยาวถึงภารกิจที่เชคฮบราฮิมต้องทำ

"ทานข้าวอย่างนั้นหรือ...ใครกันแขกสำคัญ เรื่องนี้เราไม่เห็นรู้ล่วงหน้า"

"ท่านผู้นำสั่งมาแบบกะทันหันครับ ต้องขออภัยที่รายงานช้า" ราชิตเลขาคนสนิทโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเป็นการขอโทษขอโพย แต่แท้จริงแล้วราชิตทำโดยคำสั่งท่านผู้นำรัฐต่างหากที่สั่งเข้มไว้ เพราะหากบอกกล่าวล่วงหน้าบุตรชายทายาทคงปฏิเสธภารกิจนี้เป็นแน่

เชคฮบราฮิม ทายาทลำดับต่อไปต่อจากท่านผู้นำแห่งรัฐชาร์จาห์ ที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอาหรับบนอ่าวเปอร์เซีย ที่มีประชากรนับหลายแสนคน เป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมที่มั่งคั่ง ผู้คนมากมายทั้งนักธุรกิจชาวต่างชาติและนักธุรกิจในอาหรับ ที่ต้องการร่วมลงทุนกับธุรกิจของชาร์จาห์ แต่ก็ไม่ง่ายนักเลยที่

เชคฮบราฮิมผู้เคร่งครัดและมีแบบแผนจะยอมร่วมลงทุนด้วยง่าย ๆ หากผลที่ได้นั้นไม่มากพอจนเป็นที่น่าพอใจ

เชคฮบราฮิม ผู้ที่ทรงเสน่ห์ด้วยมาดขรึม แววตาดุดันคมเฉี่ยวดุจพญาเหยี่ยวที่เฉิดฉายบนท้องฟ้า เป็นที่ต้องตาของหญิงสาวชาวอาหรับ แต่ทุกนางกลับถูกเชคฮบราฮิมนั้นปฏิเสธ เพียงเพราะยังไม่อยากผูกมัดกับหญิงใด หากไม่ใช่คนที่หมายตาและถูกใจจริง ๆ

^^^^^^^^^^^^^^^

...ผืนแผ่นดินอาหรับที่อาบล้อมด้วยความงดงามทางวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างตระการตา สายตาคมของม่านฟ้ามองตึกสูงระฟ้าและสิ่งรอบกายอย่างสนอกสนใจ เธอชื่นชอบและหลงใหลที่นี่เสียแล้ว

"ทุกคน....เดี๋ยวคืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรมBurj Al Arab(บุรจอัลอาหรับ) กันนะครับ เป็นโรงแรมที่หรูหราระดับเจ็ดดาวและเป็นสัญลักษณ์แห่งดูไบ” เสียงเข้มสุขุมดังขึ้น เมื่อหันมองไปก็เป็นเสียงของครรชิตที่เปร่งออกมาเพื่อบอกกล่าวลูกทัวร์

((ว้าว))

"ทำไม...?" ม่านฟ้าจ้องมองไปยังครรชิตด้วยความสงสัย และส่งสายตาอย่างเป็นคำถามเมื่อครรชิตนั้นมองมาและส่งยิ้มให้

"ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ...ผมชื่อครรชิต เป็นคนดูแลทุกท่านตลอดทริปนี้ และ...เป็นเจ้าของบริษัททัวร์นี้ครับ"

((ว้าว)) เสียงโห่ร้องของลูกทัวร์ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อครรชิตแนะนำตัวจบลง แน่นอนสิเพราะครรชิตหนุ่มหน้าตาดีจะเป็นคนดูแลและบริการพาเที่ยว สาวที่ไหนจะไม่กรี๊ดจริงไหม?

การจัดทริปท่องเที่ยวที่แสนจะพิเศษ เรียกได้ว่าระดับราชนิกูลเลยทีเดียว ด้วยราคาทัวร์ต่อคนนั้นเหยียบแสนกว่าบาทและลูกทัวร์แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ก็ไม่แปลกหากเจ้าของบริษัทฯ จะลงมาดูแลความเรียบร้อยเอง

ม่านฟ้าที่ได้แต่ยืนมองครรชิตด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ท่ามกลางเสียงตื่นเต้นของสาว ๆ หลายคน ใช่แล้วล่ะสาวๆ เพราะทริปนี้ไม่มีคนแก่หรือเด็กสักคน แต่ม่านฟ้าหาได้สนใจไม่ แค่ตกใจกับการได้ยินและรับรู้ครั้งแรกเท่านั้น ทุกอิริยาบถจึงเข้าสู่ปกติดังเดิม

เมื่อผู้นำทัวร์ชี้แจงรายละเอียดห้องพัก คู่ที่ต้องนอนร่วมกันตลอดทั้งทริปและทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งหมดจึงมุ่งตรงสู่โรงแรมที่พัก ม่านฟ้าเกิดอาการประหม่าและตื่นเต้นแต่เก็บอาการ เธอจ้องมองรูปภาพของโรงแรมในฝันและตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นความจริง

ความหรูหราตระการตาภายในโรงแรมจนแทบไม่อยากจะละสายตา ความสวยงามที่ฉาบแต่งอย่างอลังการ ม่านฟ้าเดินก้าวขาอย่างช้า ๆ สายตาก็กวาดมองโดยรอบอย่างตะลึงในความสวยงาม และสิ่งก่อสร้างนี้ โดยที่เธอนั้นไม่ได้มองทางสักนิด เพราะหลงใหลกับสิ่งตรงหน้าจนไม่อาจละสายตาลงได้จริง ๆ

"สวยจริง ๆ" สายตาคมแหงนมองพื้นเพดานสีทอง ถูกตกแต่งด้วยไฟระย้าสวยงามพวงใหญ่ ตุ๊กตาพลทหารน่ารักยืนเรียงเป็นชั้น ๆ จนม่านฟ้านั้นอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้ในความทรงจำ "โอ๊ะ!..." ด้วยความไม่ทันระวัง ม่านฟ้าถอยหลังเพื่อมุมถ่ายรูปที่ต้องการ จนแผ่นหลังบางนั้นชนกระทบเข้ากับของแข็งบางอย่างจึงรีบหันกลับไปมองทันที "ขอโทษค่ะ" ม่านฟ้ารีบก้มหัวและพูดขอโทษเป็นภาษาอังกฤษทันทีตามวิสัยของคนไทยที่มักนอบน้อมเสมอไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ตาม

ชายตรงหน้าที่มีใบหน้าคมเข้ม หล่อเหลา ในแบบฉบับชาวตะวันออกกลาง เปรียบเหมือนมนตราที่สะกดม่านฟ้าให้จ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาได้อย่างกับโดนมนตร์ดำสะกดไว้

...ไร้เสียงตอบกลับจากฝ่ายตรงข้ามแม้ม่านฟ้าจะเอ่ยขอโทษออกไป มีเพียงสายตาคมดุดันเท่านั้นที่มองมาพร้อมใบหน้าที่นิ่งเรียบ

"ขอโทษอีกครั้ง...ฉันไม่ได้ตั้งใจ" ม่านฟ้ารีบกล่าวตามมารยาทอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษเมื่อดึงสติกลับมาให้หลุดจากภวังค์ขอบใบหน้าหล่อเหลานั้น "คุณคะ...อ๊ะ!!" มือบางยื่นออกไปหวังจะสะกิดชายตรงหน้า เพราะม่านฟ้าพูดออกไปหลายประโยคแต่กลับไร้น้ำเสียงโต้ตอบกลับมา มีเพียงสายตาคมที่มองมายังเธอเท่านั้น มือบางหวังสัมผัสเพื่อให้ให้ชายตรงหน้าโต้ตอบ เพราะเขานั้นนิ่งเหลือเกินอย่างกับหยุดหายใจ แต่ก็โดนชายชุดสูทสีดำปัดมือบางนั้นออกไปอย่างแรง

ชายคนนั้นเพ่งสายตาคมไปมองชายชุดดำที่ยืนขนาบข้าง พูดเสียงเข้มแต่ม่านฟ้าฟังไม่ออกด้วยภาษาที่เขาใช้กันนั้นไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เธอจึงได้แต่ยืนมองอย่างงวยงง

((คุณม่านฟ้า)) เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นทำให้ม่านฟ้าเบนสายตาไปยังต้นเสียง ครรชิตที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังเธอก่อนจะหยุดยืนข้าง ๆ และมองชายคนนั้นที่ยืนอยู่ก่อนหน้า ม่านฟ้างงว่าทำไมเขาไม่พูดอะไรหรือเดินจากไปเสียที หรือเขาเคืองโกรธที่เธอนั้นเผลอชนเขาเข้า

"คุณครรชิต คือฉันชนเขาค่ะ แต่....อ้าว~~~" ม่านฟ้ากำลังแถลงเหตุการณ์เล่าสู่ครรชิตฟัง หวังให้ครรชิตถามไถ่ให้ แต่ไหนเลยชายคนนั้นกลับเดินจากไปทันทีทั้งที่ก่อนหน้าก็นิ่งอยู่นาน แต่ก็ช่างเถอะเขาไม่เอาเรื่องก็ดีถมไปแล้ว

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณม่านฟ้า" ครรชิตเอ่ยถาม

"ไม่เป็นไรค่ะ" ม่านฟ้าตอบกลับ

"พอดีผมจะมาตาม...บัดดี้ที่จะนอนห้องเดียวกับคุณม่านฟ้ารอเข้าห้องพักอยู่ครับ"

"อ่อ...ขอโทษนะคะ ฉันเดินเพลินไปหน่อย"

"ไม่เป็นไรครับ...ไปกันเถอะเดี๋ยวผมเดินไปส่ง"

"ขอบคุณค่ะ" ม่านฟ้าส่งยิ้มให้ครรชิตและเอ่ยขอบคุณ ทันทีที่รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าเสลา ครรชิตนั้นปลื้มปริ่ม ยิ้มกริ่มในใจ รอยยิ้มหวานสดใสที่มองทีไรเป็นต้องทำให้หัวใจครรชิตนั้นสั่นไหวทุกครา

“คุณม่านฟ้ามาเที่ยวคนเดียวหรือครับ” ระหว่างทางที่เดินไปส่งหญิงสาว ครรชิตเอ่ยถามขึ้นเพื่อสยบความเงียบ เพราะม่านฟ้าดูท่าแล้วคงไม่มีทางพูดกับเขาก่อนเป็นแน่

“อ๋อใช่ค่ะ”

“ไม่เหงาหรือครับ ปกติผมเห็นผู้เขาไม่ค่อยไปไหนมาไหนคนเดียว” ครรชิตถามอย่างสงสัยเพราะเท่าที่รู้จักผู้หญิงแทบไม่เจอเลยคนแบบม่านฟ้า มาต่างถิ่นแบบนี้จะมาเพียงลำพัง

“ไม่หรอกค่ะ อีกอย่างฉันไม่ค่อยชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ มาคนเดียวก็สบายใจดีค่ะ” ประโยคแรกตั้งแต่เดินทางร่วมกันมาที่ม่านฟ้าพูดกับเขายาวเหยียด จนครรชิตนั้นแสดงออกทางสีหน้าด้วยยิ้ม “ยิ้มอะไรเหรอคะ ? ฉันพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ”

“เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจส่วนมากไม่ค่อยมีผู้หญิงที่จะคิดแบบคุณเท่าไหร่” ครรชิตบอกอย่างเขินอายเมื่อถูกจับได้เพียงรอยยิ้มบนใบหน้า

“แฟนหรือคะ ?”

“ผมยังไม่มีใครครับ” ครรชิตรีบพูดทันทีเมื่อคำถามออกจากปากของม่านฟ้า หญิงสาวที่หมายตาตั้งแต่แรกเห็น “ถึงห้องพอดีครับ”

“ขอบคุณที่เดินมาส่งนะคะ” ม่านฟ้าส่งยิ้มอ่อน ๆ พร้อมเอ่ยของคุณ

“พักผ่อนให้สบายนะครับ แล้วพบกันใหม่พรุ่งนี้เช้า”

“ค่ะ”

“คุณม่านฟ้าเข้าห้องเถอะครับ” ครรชิตบอกและม่านฟ้าก็ส่งยิ้มสุดท้ายของค่ำคืนนี้แก่ชายตรงหน้าก่อนจะเคาะห้องพักแล้วเดินหายลับเข้าไปทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มที่มันยังคงฝังในใจของครรชิตให้นอนหลับฝันดีในคืนนี้เท่านั้น....

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ พลอยแก้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม
กรงรักราชาโจร

กรงรักราชาโจร

มหาเศรษฐี

5.0

แค้น ที่ฝังใจทำให้เธอต้องถูกจองจำ และรับผลกรรมทั้งที่ไม่ได้เป็นคนเริ่ม! ***** "ก็แค่เชลยไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น" "แต่ฉันก็มีหัวใจนะคะ...ฉันมีความรู้สึกและเจ็บปวดเป็น" "เป็นเช่นรึ? ฮึ! ความรู้สึกของเธอไม่ได้มีผลสำหรับเรา.,." "หยาบช้าสิ้นดี!" "เทียบเท่าไม่ได้กับสิ่งคาว ๆ ที่พ่อเธอทำ" "พวกแกมันระยำ!" "เราทำได้มากกว่าจุดไฟเผาทั้งเป็นอีก.,.หรือเธออยากจะลอง" จอมโจรทรนงผู้คนขนานนามถึงความโหดร้าย เหี้ยมโหด ชายโฉดที่พรากพรหมจรรย์ของเธอ 'จัสซีเนีย' เธอเสียความสาวให้เขา 'จาห์มาล์' ผู้ชายป่าเถื่อนในแถบทะเลทราย สถานที่กบดานอันแสนไกล ที่ไม่มีใครอยากเข้าไปใกล้ ภายใต้ชายคาของกรงขัง หัวใจดวงน้อยของจัสซีเนียถูกย่ำยีด้วยแรงราคะของความเคียดแค้น ตัวแทนแรงอาฆาตที่เธอไม่ได้กระทำ แต่ต้องรับผลกรรมแทนผู้เป็นพี่อย่างจำยอม.....ด้วยฝีมือของราชาโจร!

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ไม่เป็นทาสรักอีกต่อไป

ไม่เป็นทาสรักอีกต่อไป

Frannie Bettuzzi
5.0

คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."

ข้ามภพมามีสามีพิการ

ข้ามภพมามีสามีพิการ

หลิ่งฟาง//พิมพ์สีทอง
5.0

จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก

สามี ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง

สามี ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

เกาะครีต
4.9

วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เสน่หามนตรา
1

บทที่ 1 เจอครั้งแรกก็ถูกใจ

20/04/2022

2

บทที่ 2 ต้องการพบเธอ

20/04/2022

3

บทที่ 3 ปราบพยศ

20/04/2022

4

บทที่ 4 เป็นใครไม่สำคัญ

20/04/2022

5

บทที่ 5 อยู่กับผมตลอดไปซะสิ

20/04/2022

6

บทที่ 6 เป็นของผมคนเดียว

20/04/2022

7

บทที่ 7 ต้องการเพียงคุณ

20/04/2022

8

บทที่ 8 เป็นห่วง

20/04/2022

9

บทที่ 9 ขอโทษจากใจ

20/04/2022

10

บทที่ 10 พยายามที่จะทำให้ได้

20/04/2022

11

บทที่ 11 ฮาฟีส

20/04/2022

12

บทที่ 12 ช่วยพี่ชาย

20/04/2022

13

บทที่ 13 ช้าไปใช่ไหม

20/04/2022

14

บทที่ 14 เดือดดาลโวยวาย

20/04/2022

15

บทที่ 15 เป็นกังวล

20/04/2022

16

บทที่ 16 ไม่มีทางอื่นแล้วหรือไง

20/04/2022

17

บทที่ 17 ขอจูบได้ไหม

20/04/2022

18

บทที่ 18 คิดผิดไปหรือเปล่า

20/04/2022

19

บทที่ 19 เป็นของกันและกัน

20/04/2022

20

บทที่ 20 คู่กัดที่ต้องร่วมเส้นทางเดียวกัน

20/04/2022

21

บทที่ 21 ความผิดพลาดของอาฟียา

20/04/2022

22

บทที่ 22 คนงอแงต้องโดนลงโทษ

20/04/2022

23

บทที่ 23 ศัตรูหัวใจมาเหยียบถิ่นถึงที่

20/04/2022

24

บทที่ 24 เริ่มมีอาการอีกครั้ง

20/04/2022

25

บทที่ 25 รักลงเอย

20/04/2022

26

บทที่ 26 การเสื่อมคลายของมนตรา

20/04/2022

27

บทที่ 27 ทวงสัญญา

20/04/2022

28

บทที่ 28 กลัดกลุ้ม

20/04/2022

29

บทที่ 29 วิธีที่สกปรกและต่ำช้า

20/04/2022

30

บทที่ 30 อยู่เพราะรัก

20/04/2022

31

บทที่ 31 ทายาทของตระกูล

20/04/2022

32

บทที่ 32 เรื่องที่ไม่คาดคิด

20/04/2022

33

บทที่ 33 ลูกของคนที่เกลียด

20/04/2022

34

บทที่ 34 คนหนึ่งสะใจอีกคนแทบขาดใจ

20/04/2022

35

บทที่ 35 มันคือความสุข

20/04/2022