ร่างสูงหกฟุตสามนิ้วยืนสงบนิ่งอยู่หน้าเจดีย์ของน้องสาวเพียงคนเดียวที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยสายตาอาลัยเศร้าหมอง ชุดสูทไร้ที่ติกลืนไปกับเส้นผมสีดำสนิทที่ถูกสายลมโชยพัดแผ่วๆ จนปรกหน้าผาก
ไหล่กว้างซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวช่วยเน้นให้เห็นกล้ามเนื้อกำยำแสดงถึงความแข็งแรงและมีพละกำลังอย่างน่าทึ่ง แสงตะวันกล้ายามสนธยาที่อาบไร้ลงสู่พื้นเบื้องล่าง ช่วยเน้นรูปหน้าหล่อเข้มคมคายให้คล้ายกับหินสลักที่ไร้ชีวิต
ดวงตาสีนิลถูกห้อมล้อมด้วยขนตาดกดำเป็นประกายดุดันพร้อมจะฟาดฟันกับผู้ที่เป็นศัตรูให้ย่อยยับอย่างไม่ปรานี สันจมูกโด่งตรงช่วยเสริมให้ใบหน้าหล่อกระชากใจนั้นสมบูรณ์แบบราวกับถูกปั้นแต่งโดยจิตรกรเอกของโลก
โหนกแก้มสูงและกรามสี่เหลี่ยมมีไรเคราเขียวครึ้มที่ทำให้เขาดูแกร่งกระด้าง น่ากลัว และต่ำลงไปกว่านั้นคือริมฝีปากหยักสีสดบางได้รูปที่ปราศจากรอยยิ้มแห่งความสุขมาเนิ่นนาน นับตั้งแต่การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ด้วยการกระทำที่น่ารังเกียจของหญิงชายคู่นั้น
รัชชานนท์ วนิชเจริญกุล ทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของโรงแรมหรูห้าดาวในเครือ วนิชกรุ๊ป ชายหนุ่มสูญเสียบิดาและมารดาไปกับอุบัติเหตุบนท้องถนนเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเขาพึ่งจะเรียนจบปริญญาโทจากมหาลัยชื่อดังในอังกฤษใหม่ๆ และเมื่อไม่นานมานี้เอง เขาก็ต้องสูญเสียญาติสนิทที่เหลือเพียงคนเดียวไปอีกคน
รฎาพร วนิชเจริญกุล น้องสาวอันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ต้องมาตายจากไปอย่างไร้ค่าเพราะความโลเลและสับปลับของผู้ชายคนนั้น
กรามแกร่งขบกันเป็นสันจนเนื้อข้างแก้มกระตุกเป็นริ้ว ดวงตาที่ดุกระด้างจ้องมองรูปหน้าเจดีย์เก็บกระดูกของน้องสาวนิ่ง ก่อนจะฝืนยิ้มน้อยๆ ให้กับรูปของรฎาพร
“พี่มาแล้ว... พี่มาเยี่ยมพรแล้ว...”
สายพระพายที่พัดแผ่วๆ มาปะทะผิวสีคล้ามแดดไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหนาวสั่นแม้แต่น้อยทั้งๆ ที่อากาศยามเย็นย่ำและใกล้กับชายทะเลแบบนี้จะเหน็บหนาวแค่ไหนก็ตาม
“วันนี้พี่นำของที่พรชอบมาให้พรด้วย ข้าวต้มกุ้ง แล้วก็...”
น้ำเสียงห้าวขาดช่วงไปไม่อาจจะฝืนพูดจนจบได้ เมื่อก้อนสะอื้นมันจุกที่ลำคอ ความเจ็บปวดกับการสูญเสียที่ได้รับทำให้ชายหนุ่มแปลงร่างเป็นอสูรร้ายเลือดเย็นได้ในทันที และเขาได้เตรียมแผนการทุกอย่างไว้เพื่อชำระแค้นกับศัตรูที่ทำลายชีวิตของน้องสาวให้ย่อยยับคามือ
“พะโล้... องุ่นแดง...น้ำส้มคั้น...”
รัชชานนท์พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เศร้าหมองเอาไว้อย่างที่สุด แม้มันจะผ่านมาปีกว่าแล้ว กับอุบัติเหตุครั้งนั้น อุบัติเหตุที่พรากรฎาพรไปจากเขา แต่เขาก็ไม่อาจจะลบเลือนมันออกไปจากสมองได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
‘พวกเขาหลอกพร... พวกเขาทำร้ายพร พรเกลียดพวกเขา...’
รฎาพรคร่ำครวญไปตลอดทางขณะที่ขับรถอยู่ในวันที่เกิดโศกนาฏกรรม ทั้งๆ ที่เขาพยายามหว่านล้อมเพื่อที่จะเป็นคนขับเองหลายต่อหลายครั้ง แต่น้องสาวก็ไม่ยินยอม จนทุกอย่างสายเกินแก้
ภาพที่รฎาพรนอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่รถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางยังฝังแน่นอยู่ในสมอง เลือดสดๆ ของน้องสาวไหลออกมาจากปากและจมูก ตอนนั้นกระจกได้บาดดวงตาของเขาทั้งสองข้างจนไม่อาจจะช่วยเหลือน้องสาวได้เลย...
‘พี่นนท์...พร...เจ็บเหลือ..เกิน...พร...เจ็บ...”
แต่คำพูดของเธอยังฝังลึกอยู่ในใจ และเขาก็คงไม่อาจจะลืมมันไปได้ ถ้าความแค้นนี้ยังไม่ได้รับการชำระ เขาจะทำให้พวกมันย่อยยับราวกับตายทั้งเป็น และเมื่อถึงวันนั้นเขาจะลากพวกมันมากราบหลุมศพรฎาพรให้จงได้
“พี่สัญญา ว่าพี่จะทำลายไอ้ผู้ชายคนนั้น และคนที่มันรักทุกคน ให้มันทรมานกว่าที่พรได้รับร้อยเท่าพันเท่า” ชายหนุ่มยิ้มให้รูปอยู่นาน ก่อนรอยยิ้มจะค่อย ๆ จางลงพร้อมกับแววตากร้าวจัด
“พี่จะให้พวกมันชดใช้ทุกอย่างที่ทำไว้กับพร...!”
ชายหนุ่มเน้นหนักทุกคำพูด พร้อมกับยิ้มให้กับรูปอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเป็นรอยยิ้มที่ดูโหดเหี้ยมและน่ากลัวที่สุด
มือหนาสีแทนตวัดแว่นดำขึ้นปกปิดดวงตาคมกล้าราวกับคมมีดของตนเอง ก่อนจะหมุนตัวเดินจากเจดีย์ของรฎาพรออกมาช้าๆ ริมฝีปากหยักสีสดที่บางเฉียบเม้มเข้าหากันแน่น ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำไปข้างหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
เขาจะทำให้ไอ้คนที่ทำลายชีวิตที่กำลังสวยงามของรฎาพรให้มันย่อยยับไม่มีชิ้นดี เขาจะทำให้โลกใบนี้คือบ้านที่ไม่น่าอยู่ของพวกมัน
“อดิเทพ... นทิชา ถึงเวลาแล้วที่พวกแกจะต้องชดใช้...”
เสียงเครื่องยนต์ที่คำรามเข้ามาใกล้และดับสนิทลงในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที นทิชาพยุงร่างบอบบางที่พึ่งฟื้นไข้ของตนเองถลันมาเกาะขอบหน้าต่างในห้องหอของตนเอง...
ร่างสูงใหญ่ กำยำ น่าเกรงขามของรัชชานนท์ก้าวลงมาจากรถลีมูซีนสีดำเงาวับ หัวใจสาวเต้นระรัวแทบจะกระดอนออกมาจากอก ลมหายใจชะงักติดอยู่แค่ลำคอ จะมองกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขา... รัชชานนท์ก็ยังคงทำให้ร่างกายของเธอมีปฏิกิริยาแปลกประหลาด คลื่นความร้อนเดือดพล่านไปทั่วร่างสาว