Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เดือนแสนจันทร์
5.0
ความคิดเห็น
654
ชม
28
บท

แสนจันทร์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกสองขวบเพียงลำพัง เป็นเพราะเศรษฐกิจกำลังพัง เธอจึงถูกไล่ออกจากงาน จึงคิดหมายหาอาชีพใหม่ที่เธอสามารถเลี้ยงลูกได้ สุดท้ายเธอก็พบว่า อาชีพนักเขียน เป็นอาชีพที่ดี เธอจึงตั้งใจเขียนนิยายเรื่องแรกด้วยความตั้งใจ หนทางหาเลี้ยงครอบครัวดูเหมือนจะได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนิยายของเธอได้รับคำชมจากคนอ่านมากมาย แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ถูกนักเขียนรุ่นใหญ่กล่าวหาว่า ลอกเลียนแบบนิยายของเธอ มีคนมารุมด่าประจานเธอมากมาย หากแต่เธอเพียงพยายามถามถึงหลักฐาน แต่อีกฝ่ายก็เอาทนายมาขู่อย่างเดียวแต่ไม่ส่งอะไรมาให้เลย จนสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมรับผิดเพียงเพราะไม่มีเงิน ทั้งที่เธอไม่เคยอ่านนิยายของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ผิดที่ตัวเธอไม่มีแรงสู้ ผิดที่ตัวเธอไม่มีเงินพอที่จะปกป้องอาชีพที่เธอเริ่มรักมัน ผิดที่เธอทำให้คนข้างตัวต้องผิดหวัง สายตามองไปยังคานไม้บนบ้าน มองไปยังค่าบ้านที่ค้างมาสามเดือน จึงมองหาเชือกมาผูกไว้ข้างบนคิดหมายจะฆ่าตัวตาย สองเท้าก้าวขึ้นเก้าอี้ไม้กลม เหยียบขึ้นไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย สองมือจับเชือกแล้วคิดจะฆ่าตัวตาย จังหวะที่เชือกกำลังรัดคอนั้น เสียงลูกสาวตัวน้อยก็ร้องดังขึ้นมา เธอที่กำลังจะตายเห็นแบบนั้น น้ำตาก็ร่วงหล่นลงแก้มอาบหน้า ใช้เท้าผละเก้าอี้ล้มเสียงดัง เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังจนคนด้านนอกได้ยิน จังหวะที่เธอคิดจะตายนั้น จู่ ๆ ก็มีผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งถีบประตูเข้ามา จากนั้นก็ช่วยเธอหลุดพ้นจากความตาย.... และเขาก็คือแสงสว่างของเธอ ทนายหนุ่มข้างบ้านที่จะเข้ามาช่วยให้ สองคนแม่ลูกพบเจอแต่สิ่งที่สวยงาม

บทที่ 1 No.1

แสนจันทร์มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก จู่ ๆ หน้าก็มืดเหมือนจะเป็นลม เพราะนิยายที่เริ่มเขียนมาตลอดสองเดือน จู่ ๆ ก็มีคนกล่าวหาว่าเธอไปลอกเลียนแบบของนักเขียนชื่อดัง

เธอพึ่งเข้าวงการนักเขียน ตั้งใจจะเขียนนิยายหาเงินเลี้ยงลูก แรกเริ่มนั้นเธอเพียงแค่ต้องการเงินเท่านั้น แต่พอนานวันเข้าเธอก็พบว่าเธอหลงรักอาชีพนักเขียนโดยไม่รู้ตัว

ทุกอักษรทุกคำที่พิมพ์ลงไปยังแป้นคีย์บอร์ดเธอคิดออกมาจากสมองเธอทุกคำ แต่แล้วทำไมคนอื่นถึงมากล่าวหาเธอแบบนี้

แล้วนิยายของนักเขียนคนนั้นเธอก็ไม่เคยอ่าน!!

ในเมื่อเธอไม่ผิดเธอก็ต้องแสดงความจริงให้คนอื่นรู้ แสนจันทร์พยายามอธิบายกับนักเขียนเจ้าของเรื่องที่ทักมา แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ทนายมาอ้าง

หนักสุดก็คือให้ทนายโทรมาขู่!!

แต่หนักยิ่งกว่าทนายก็คือ ให้คนที่สนับสนุนเขาเข้ารุมด่าแล้วเอาเธอไปประจานในกลุ่มต่าง ๆ

ตอนนี้มือเธอสั่นตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก เสียงลูกน้อยสองขวบก็กำลังร้องงอแงด้วยความหิว แสนจันทร์พยายามวางความคิดจากปัญหาที่เกิดรีบลุกขึ้นไปหยิบกระป๋องนมเพื่อจะชงให้ลูกกิน

มือพยายามเปิดฝากระป๋องแต่ก็แกะลำบาก มือไม้สั่นจนเธอต้องรวบรวมสติตัวเองให้ดี

“ลูกดาวหนูรอก่อนลูก” ปากพูดปลอบลูกไปแต่ใครกันที่จะมาปลอบเธอ แม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอกว่าจะหาเงินเลี้ยงตัวเองและลูกได้ในแต่ละวันก็แสนจะยากเย็น

หากไม่เพราะอยู่เพื่อลูกเธออาจจะตายไปแล้วก็ได้ คำว่าตายทำให้มือเธอหยุดแสนจันทร์มองไปยังคานบนหลังคาบ้านเช่าหลังเก่านี้

ในใจก็คิดว่าหากเธอตายไปให้พ้น อาจจะทำให้เธอหลุดพ้นกับปัญหาที่เกิดก็เป็นได้ เสียงฝานมดังขึ้นทำให้เธอได้สติหันมาเปิดฝานม ออกแต่ก็พบว่านมผงที่ลูกสาวจะกินยังไม่มี

ลูกดาวแพ้นมวัว นมที่จะกินได้ก็มีแค่นมแพะเท่านั้น แถมนมแพะก็มีราคาแพงกว่านมทั่วไป เงินที่มีแม้แต่ค่าเช่าค่ากินก็แทบจะไม่เหลือ

ความหวังเดียวของเธอก็คือนิยายเรื่องนั้น หวังเพียงถ้ามันได้ออกขายอาจจะทำให้เธอมีบ้าน มีเงินซื้ออาหารซื้อนมให้ลูก แต่ตอนนี้ชีวิตเหมือนพังไม่เป็นท่า

หมดแล้วขาเธอทรุดลงพื้นไม้ทิ้งกระป๋องนมที่ว่างเปล่าลงพื้นอย่างไม่ไยดี เสียงลูกสาวตัวน้อยยังคงร้องไห้ไม่หยุด แสนจันทร์จึงลุกขึ้นไปหาเธอแล้วสวมกอดร้องไห้หนักกว่าเดิม

สุดท้ายก็ไม่มีอะไรกิน เธอหันมองข้าวสารถ้วยสุดท้ายจัดการลุกขึ้นทำเป็นข้าวต้มเกลือ ต้มน้ำให้เยอะเพื่อจะได้กินให้พอสองคน เด็กน้อยพอได้ข้าวเปล่าอิ่มท้องก็เลยเลิกงอแงชั่วคราว

แสนจันทร์จึงกลับมายังหน้าคอมพิวเตอร์อีกครั้ง มองคอมพิวเตอร์เก่าที่ยืมมาจากเพื่อนข้างบ้านที่เขาจะขายทิ้ง หน้าจอคอมพิวเตอร์กะพริบเป็นเส้นสลับกันไป เสียงมือถือเธอดังขึ้นไม่ขาดสาย

จนกระทั่งอินเทอร์เน็ตที่ซื้อไว้อัปเดตนิยายนั้นหมดลงอย่างไร้ประโยชน์ ไม่นานก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา

“หากคุณไม่ยอมรับผิด เราจะส่งเรื่องฟ้องคดีอาญาและแพ่งกับคุณ”

มือเธอสั่นทิ้งมือถือที่รับสายลงพื้น น้ำตาหยดลงแก้มบางจนแทบจะเป็นสายเลือด อยากมีคนกอดอยากมีคนปลอบใจแต่ก็ทำได้เพียงแค่กอดตัวเองเท่านั้น

สายตาเธอหันมองรอบกายคิดว่าพอจะมีอะไรจำนำเพื่อสู้คดีได้ไหม ไม่มีอะไรเลยรอบด้านล้วนว่างเปล่า แต่สายตาเธอกลับพบเชือกเส้นหนึ่งที่เธอคิดจะเอามาผูกเปลให้ลูกกับต้นไม้หลังบ้าน

แสนจันทร์ลุกขึ้นจากนั้นก็เดินไปหามันแล้วเงยหน้ามองไปยังคานด้านบน มองหาเก้าอี้กลมจากนั้นก็ใช้เชือกผูกเป็นปม น้ำตาเธอหยดลงพื้นหันมองลูกสาวที่กำลังเล่นตุ๊กตา

“แม่ขอโทษ” เสียงเธอขอโทษลูกสาวสุดที่รัก สติที่ไร้ความคิดก็วางคอลงไปบนเชือก จากนั้นก็ขยับเก้าอี้ออกห้อยขาลงมา

อาการของคนใกล้ตายเป็นอย่างไรนะ ใช่แบบที่เธอรู้สึกหรือเปล่า ภาพแห่งความทรงจำในอดีตกลับมา ตั้งแต่เธอถูกผู้ชายคนแรกในชีวิตทิ้งไปทันทีที่รู้ว่าเธอท้อง

เธอต้องออกจากวิทยาลัยกลางคัน ต้องอุ้มท้องเพียงลำพังคนเดียว เธอต้องออกมาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารพอเจ้านายรู้ว่าเธอท้องตอนห้าเดือนก็ไล่เธอออก

ตอนนั้นเธอสิ้นไร้หนทางเหมือนเช่นวันนี้แต่เพราะครั้งนั้นเธอได้ยินเด็กน้อยขยับในท้องครั้งแรก เธอจึงตระหนักว่ายังมีอีกชีวิตอยู่เธอต้องสู้

หลังจากวันนั้นเธอก็พยายามหางานทำมาตลอดสุดท้ายแล้วก็ได้เป็นแค่คนเข็นผักในตลาด สองมืออุ้มท้องโตเข็นผักจนคลอดสุดท้ายพอคลอดแล้วก็ต้องถูกไล่ออกจากงาน

ให้เธอกลับบ้านเธอก็ไม่กล้ากลับ ให้เธอโทรไปขอร้องพ่อแม่ที่ไล่เธอออกจากบ้านก็ไม่กล้าสู้หน้า สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องอุ้มลูกไปขอข้าววัดกิน

จนสุดท้ายก็มาเจอบ้านหลังนี้ที่อยู่ท้ายวัด เจ้าอาวาสขอความเมตตาจากเจ้าของบ้านลดค่าเช่าให้ เดือนละพันบาท สำหรับคนอื่นคงหาได้ไม่ยาก

แต่แม่เลี้ยงเดี่ยวแบบเธอแสนยากเย็นเหลือเกิน สุดท้ายแล้วเธอก็ค้างค่าเช่ามาสามเดือน จนเจ้าของบ้านคิดจะให้เธอออกไปอยู่ที่อื่น

สองปีมานี้เธอพยายามทำงานทุกอย่าง แบกเด็กน้อยขึ้นหลังทำงานที่เขาจ้างทุกสิ่ง สุดท้ายแล้วก็ไม่เหลืออะไรเลยเมื่อเศรษฐกิจแย่ลงเรื่อย สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่มีใครจ้าง

ตอนที่กำลังสิ้นหวังหนทางเธอก็มองกล่องหนังสือที่มีนิยายที่เธอเคยซื้อไว้ตอนเด็ก ๆ สะสมจนมีจำนวนมาก ของพวกนี้สามารถทำเงินได้สุดท้ายเธอก็เอาออกมาขายจนหมดมันก็ไม่พอค่าใช้จ่ายอยู่ดี

ตอนนั้นเองที่เธอมองหนังสือเล่มโปรดแล้วคิดว่าถ้าตัวเองได้เขียนนิยายแล้วขายก็คงดี จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธออยากเป็นนักเขียน อยากมีเงินซื้อนมลูก อยากมีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน อยากมีเงินซื้ออาหารไว้กิน แค่นี้เธอผิดด้วยหรือ

ทำไมพวกเขาถึงกล่าวหาเธอแบบนั้น

ทำไมพวกเขาไม่คิดถามเธอว่าเธอทำจริงไหม ก็ตัดสินว่าเธอผิดแล้ว

ทำไมความยุติธรรมถึงกลับมาทำร้ายคนไม่มีทางสู้

แล้วเธอจะหาใครให้ช่วยได้อีกกัน...

ไม่มีแล้วไม่มีจริง ๆ...

เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้น ทำให้คนที่ใกล้จะตายนั้นได้สติ แสนจันทร์ก้มลงมองลูกสาวตอนนั้นเองที่เธอได้สติ ถึงจะไม่มีกินจนตายเธอก็ควรจะสู้เพื่อลูก ไม่ใช่ยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้ สองมือพยายามดึงเชือกให้หลุดแต่ยิ่งดิ้นเชือกก็ยิ่งรัดคอแน่น

แสนจันทร์พยายามดิ้นรนใช้เท้าเขี่ยเก้าอี้กลับมาแต่ยิ่งใช้เท้าเตะมันเท่าไรเก้าอี้นั้นก็ยิ่งห่างไปอีกจนกระทั่งล้มลงพื้นเสียงดัง

ไม่นะ เธอตายไม่ได้ในใจเธอพยายามคิดแบบนั้น แต่ลมหายใจของเธอกำลังจะหมดลงจริง ๆ ดวงตาเธอเต็มไปด้วยสีขาวโพลน ใบหน้าลูกสาวก็แทบมองไม่เห็นเริ่มหายไปจากสายตาเธอ

ลูกดาวแม่ขอโทษที่แม่คิดง่ายไป

ลูกดาวลูกจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีแม่

ช่วงจังหวะสุดท้ายที่คิดว่าตัวเองไม่รอดนั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นดวงตาเธอมองทุกอย่างเป็นสีขาวแล้ว

ส่วนคนที่ถีบประตูก็หันมองหญิงสาวที่กำลังจะผูกคอตายก็รีบวิ่งมาประคองขาเอาไว้ยกขึ้นสูง

เฮือก... ลมหายใจเข้ามาทางปอดของคนที่ใกล้หมดลมหายใจ แสนจันทร์เหมือนคนที่ตายแล้วได้เกิดใหม่

ไม่นานคนมาช่วยก็พาเธอลงมาได้สำเร็จ จากนั้นก็เรียกอีกฝ่าย

“คุณ คุณ”

แสนจันทร์มองภาพที่เริ่มชัดกลับมาเหมือนเดิม มองเห็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน จากนั้นภาพก็เลือนหายไปเพราะหมดสติไปเสียก่อน

หัสดินจึงอุ้มหญิงสาวพาขึ้นรถเก๋งของตัวเองจากนั้นก็พาไปส่งโรงพยาบาล ตอนที่ไปถึงพยาบาลหันมองเด็กน้อยที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ถาม

“ภรรยาคุณเป็นอะไรหรือคะ” จู่ ๆ ได้เมียโดยไม่ได้หา เขาไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี แต่เพื่อตัดปัญหาที่เขาไปยุ่งเรื่องข้างบ้านจึงตอบกลับไปว่า “เธอหกล้มคอไปถูกเชือกรัดคอจนเกือบตาย ดีที่ผมกลับไปบ้านทันครับ”

ถ้าบอกว่านี่เป็นเรื่องโกหกก็ว่าได้ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นเชียว แม้พยาบาลไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องช่วยคนป่วยก่อน จึงพาเธอเข้าห้องฉุกเฉินปฐมพยาบาลให้หมอตรวจไม่นานเธอก็ฟื้น

“ลูกดาว ลูกสาวฉัน” แสนจันทร์ลืมตาขึ้นมาก็ถามถึงลูกสาว พยาบาลเห็นว่าเธอฟื้นดีแล้วจึงเรียกพ่อและลูกเข้ามาด้านใน ตอนที่แสนจันทร์มองเห็นลูกน้อยถูกคนอื่นอุ้มก็ตกใจ

และตกใจยิ่งกว่าที่เขาเรียกเธอว่า “ที่รักเป็นอย่างไรบ้างหายแล้วใช่ไหมผมตกใจแทบแย่”

ฉันจะตกใจมากกว่าที่คุณพูดแบบนั้นกับฉัน จากนั้นเขาก็กะพริบตาข้างหนึ่ง ทำให้เธอหันมองพยาบาลอีกครั้ง

“ถ้าอาการดีขึ้นแล้วสามารถกลับบ้านได้เลยค่ะ โชคยังดีนะคะที่คุณพ่อพามาเอง ถ้าเป็นคนอื่นกว่าจะได้รักษาคงนานค่ะ”

ประโยคนี้ของพยาบาลทำให้เธอเข้าใจเจตนาของเขา จึงไม่พูดแก้ตัวแต่อย่างใด ให้เขาพาเธอกลับบ้าน จากนั้นพอขึ้นรถเธอก็ยกมือไหว้ทันที

“ขอบคุณที่ช่วยฉันค่ะ”

“คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ถ้าผมเข้าไปช่วยไม่ทันคุณนั่นแหละจะตายตาไม่หลับ คิดดูว่าลูกคุณจะอยู่ยังไง”

แสนจันทร์ก้มลงหอมแก้มลูกสาวด้วยความรู้สึกผิดจริง ๆ สองมือกอดเธอไว้แน่นกว่าที่เคยเป็นมา ความอบอุ่นของตัวเด็กน้อยและเสียงเต้นหัวใจของเธอทำให้เธอรู้ว่าโชคดีแค่ไหนที่เธอยังมีชีวิตอยู่

พอเห็นเธอเศร้าเขาที่คิดจะบ่นต่อก็พูดไม่ออก มองเธอร้องไห้ออกมาอีกรอบ คนเราจะมีเรื่องทุกข์ใจขนาดไหนถึงขนาดต้องฆ่าตัวตายเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ

ในเมื่อตัวเองเป็นทนายก็ควรสืบเรื่องราวให้ดีเสียก่อนที่จะตัดสินคนอื่นแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่พบกัน เขาจึงนิ่งเงียบตลอดทางปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้ออกมาให้พอ

จากนั้นเมื่อมาถึงบ้านของเธอและบ้านของเขาที่อยู่ติดกัน ด้วยความหวังดีหัสดินก็เดินไปส่งหญิงสาวถึงบ้าน พอเข้าไปถึงก็เห็นเชือกและเก้าอี้ เขาก็รีบเก็บเชือกแล้วเอาไปทิ้งถังขยะหน้าบ้านทันที

เด็กน้อยง่วงจนหลับไปแล้ว แสนจันทร์จึงพาเด็กน้อยเข้าไปนอนในห้องด้านในที่มีเพียงแค่ฟูกบางเท่านั้น คนอยากรู้อยากเห็นก็ชะโงกมองรอบห้องด้านใน

“แล้วสามีคุณไปไหน?”

“ไม่มี” เสียงหญิงสาวตอบรับแบบเสียงแข็ง เหมือนไม่พอใจที่เขาถามถึงสามีที่เคยอยู่ในชีวิตเธอมาก่อน

คนที่กำลังสืบก็ถอยออกมาด้านนอก หันมองรอบบ้านพบเพียงเสื่อน้ำมันกับเก้าอี้ที่เธอใช้ฆ่าตัวตาย หันมองกระป๋องนมที่กำลังตกหล่นอยู่ ก่อนจะพบข้าวต้มในถ้วยที่ยังเหลือทิ้งเอาไว้

ถ้าหนักกว่านี้ก็คงกินดินไปแล้วเขาคิดแบบนั้น จึงล้วงกระเป๋าเงินตัวเองขึ้นมาแล้วส่งให้อีกฝ่าย

“เงินนี้ไว้ซื้อนมกับข้าว”

แสนจันทร์มองแบงก์เทาที่เขาส่งให้ก็ส่ายหน้า “ฉันรับไว้ไม่ได้”

จะตายอยู่แล้วยังจะเรื่องมากอีก หัสดินไม่เข้าใจความคิดอีกฝ่ายเท่าไร “ผมเองก็มีไม่มากเท่าไร เพราะพึ่งทำงานเป็นทนายได้แค่สองเดือน แต่เงินนี้ก็คงทำให้คุณไม่คิดฆ่าตัวตาย”

แสนจันทร์มองเงินตรงหน้า ใช่เวลาที่จะมานึกถึงบุญคุณศักดิ์ศรีก็ใช่เหตุ จึงยอมรับเงินดังกล่าวแต่

“ฉันไม่รับเงินเปล่า ๆ ค่ะ ให้ฉันทำความสะอาดบ้านคุณแทนได้ไหม”

หัสดินมองคนตรงหน้า เขาที่พึ่งเป็นทนายเป็นแค่พนักงานของบริษัทว่าความไม่ใช่เจ้าของบริษัทเสียหน่อย เงินจากทนายและเงินรอบนอกก็แค่หมื่นกว่า ๆ

ตอนนี้เหมือนเอาขาไปหาภาระที่ไม่ใช่ของตนก็รู้สึกเสียเปรียบชอบกล แต่ก็ “ถ้าไม่ได้ฉันไม่ขอรับเงินนี้ค่ะ”

เธอคิดแล้วว่าเดี๋ยวจะลองหาเงินด้วยวิธีอื่น ส่วนเขาก็เหมือนคนถูกใครปฏิเสธแล้วหงุดหงิดโดยเฉพาะคนที่พึ่งช่วยชีวิตไป

มือเขาจับมือเธอแล้วยัดเงินใส่มือ “ทำความสะอาดแค่สัปดาห์ละสองวัน เสาร์กับอาทิตย์ พรุ่งนี้ยังไม่ต้องค่อยทำอาทิตย์ทีเดียว ไว้วันทำงานผมจะบอกว่าอะไรตรงไหนห้ามแตะเข้าใจไหม”

แสนจันทร์พยักหน้ามองแบงก์สีเทาตรงหน้าก็คิดว่าจะเอามันไปเสียค่าเช่าสักเดือนหนึ่งก่อน ส่วนเงินไว้กินข้าวคงต้องไปขอหลวงตาก่อน

“อะอื้ม” เสียงในลำคอคนตรงประตูทำให้พวกเราหันมอง

“ได้เงินแล้วก็เอามาจ่ายค่าเช่า” สองมือเจ้าของบ้านเดินมาแล้วดึงแบงก์สีเทาลอยไปต่อหน้าจากนั้นก็บ่นต่อ

“พันเดียว เธอค้างค่าเช่าฉันสามเดือนนะ ถ้าไม่เพราะหลวงตาช่วยฉันจะไม่ยอมลดค่าเช่าให้หรอก อะไรเนื้อไม่ได้กินยังต้องเอากระดูกมาแขวนคออีก เด็ก ๆ ขนของออกไปให้หมด”

“เดี๋ยวสิป้า ป้าไล่พวกเธอออกจากบ้านกลางดึกแบบนี้แล้วพวกเธอจะไปอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่ไหนก็เรื่องของเธอไม่เกี่ยวกับฉัน” แสนจันทร์มองคนที่กำลังขนของเธอออกไป สายตามองพวกเขาที่กำลังจะตรงไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวของเธอ หญิงสาวก็รีบเข้าไปขวางทาง

“ฉันยอมออกแล้วป้าแต่ขอเวลาคืนนี้อีกคืน พรุ่งนี้ฉันจะไป”

ป้ารวยหันมองสีหน้าหญิงสาว ใจเธอก็ไม่อยากจะทำเท่าไร แต่เพราะว่าตัวเองก็ต้องกินต้องใช้จึงต้องหาคนเช่าใหม่ที่ได้ราคาสูงกว่ามาแทน

“ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้ถ้าฉันเห็นยังอยู่ถึงตอนนี้ข้าวของพวกนี้ฉันก็จะยึดให้หมด เสียเวลาทำมาหากินจริง ๆ”

พูดจบก็ออกจากห้องไป เหลือเพียงเธอและเขากับเด็กน้อยที่ยังนอนหลับสนิท แสนจันทร์ทรุดลงพื้นอีกครั้งรอบนี้เธอจนหนทางจริง ๆ

ส่วนเขาที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนแต่แรกก็อดยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่ได้ “ขนของไปไว้ที่บ้านผมก่อน ไว้ค่อยคิดอีกรอบว่าจะไปพักที่ไหน”

อย่างไรพรุ่งนี้เขาก็ไม่อาจทนเห็นหญิงสาวไม่มีที่อยู่ สรุปสุดท้ายที่คนเขาบอกว่า การช่วยเหลือคนได้บุญกุศล สำหรับเขาแล้วตอนนี้การช่วยเหลือคนกลับได้ความทุกข์มาเพิ่มมากกว่า

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
หย่าทวงแค้น

หย่าทวงแค้น

โรแมนติก

5.0

ความเจ็บช้ำกว่าการ “หย่า” ยังมีอะไรอีก นอกจากถูกคนที่รักหลอกไป “ฆ่า” ให้ตายทั้งเป็น **************** โง่แล้วยังทำเหมือนเดิม เขาเรียกว่าโง่ไร้สติ โง่แล้วกลายเป็นความแค้น เขาถึงเรียกว่าฉลาด มาดูกันว่าการกลับมาของเธอในครั้งนี้ จะทำให้เขาจดจำเธอในรูปแบบไหน ภรรยาที่ดี หรือ ภรรยาที่ตอบแทนอย่างสาสม!! ************************* รมินตามองไปยังรูปภาพแต่งงานบนฝาผนัง ภาพที่มีรอยยิ้มและ แววตาความรักนั้น เหตุใดวันนี้ถึงได้เศร้านักก็ไม่เข้าใจ เธอนั่งรอเขาราวครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงรถที่ขับมาอย่างรวดเร็ว และเสียงเบรกกะทันหันทำให้เธอเดินไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกมอง เมื่อเห็นว่าเป็นธาวินผู้เป็นสามีเธอก็รีบลงจากชั้นสอง “ทำไมขับรถเร็วขนาดนั้นคะ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง” “นี่คุณแช่งผมให้ตายเหรอ” คิ้วรมินตาขมวด “ตาไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ตาเป็นห่วงคุณต่างหาก” “คุณห่วงชีวิตคุณเองจะดีกว่า ว่าคืนนี้คุณจะนอนไหน” แววตาคนเป็นภรรยาไม่แน่ใจว่าได้ยินผิดหรือเปล่า จึงถามเขาย้ำอีกครั้ง “คุณว่าอะไรนะคะ ตาไม่เข้าใจ” “โธ่เว้ย ทำไมถึงโง่ขนาดนี้ ผมกำลังขอหย่ากับคุณยังไงเล่า” ไม่พูดเปล่า อีกฝ่ายยังยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผากเธอ จนเธอที่ตั้งสติไม่ได้เซถอยหลังจนล้มลง “รีบเซ็นใบหย่าแล้วออกไปจากบ้านของฉัน” “คุณหมายความว่ายังไง” “ก็หมายความว่าบ้านหลังนี้ หุ้นที่บริษัท โรงแรม ล้วนเป็นของผมหมดแล้ว ดังนั้นคุณก็หมดความหมาย รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ผมจะแจ้งข้อหาบุกรุกกับคุณ” “คุณ คุณทำกับตาแบบนี้ได้ยังไงกัน”

ผมทำอาหารอร่อยนะไม่กินจริงๆ เหรอ ยุค 70

ผมทำอาหารอร่อยนะไม่กินจริงๆ เหรอ ยุค 70

โรแมนติก

5.0

หรูเจี่ยเป็นเพียงนักร้องกลางคืนในยุค 70 ช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเข้ามายึดครองเซี่ยงไฮ้ ในระหว่างที่เธอต้องพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากการขายให้นายพลญี่ปุ่น หรูเจี่ยก็หันไปมองตรงข้ามห้องชั้นสอง ได้กลิ่นซาลาเปาร้อนๆ หอมลอยแตะจมูก พลันเธอก็คิดได้ว่าต้องทำยังไง จึงจำต้องทำเป็นป่วยไม่ยอมกินอะไร เพื่อที่จะให้เถ้าแก่ร้านอ้วนพีที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามมาส่งอาหารให้เธอ แต่เพราะแผนการเลยทำให้เธอกินได้เพียงสองคำ ทั้งที่ท้องของเธอเรียกร้องอาหารอร่อยนั้นแทบขาดใจ เธอจะสามารถหนีพ้นชะตากรรมนี้ได้ไหม แล้วบุรุษอ้วนพีจะช่วยเธอได้หรือเปล่ามาลุ้นกัน

สืบแค้นบัลลังก์เลือด

สืบแค้นบัลลังก์เลือด

โรแมนติก

5.0

เพราะพี่สาวของนางต้องตายอย่างปริศนา ทำให้เหมยลู่อิงต้องเข้าวังเพื่อสืบหาความจริง แต่ภายใต้อันตรายนั้นกลับพบว่าในวังหลวงนั้นอันตรายไม่แพ้กัน มีคลื่นลมแห่งความแค้นพร้อมแย่งชิงบัลลังก์เลือดนั้น ไม่สนว่าต้องพรากวิญญาณผู้ใด นางจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ในเมื่อมังกรที่ยิ่งใหญ่ในวังหลวงนั้นไม่ได้หลอกง่ายอย่างที่คิด เหมือนเขาจะว่างงาน เพราะผ่านไปแค่สามวัน “...” เหมยลู่อิงมองข้าวของที่กองอยู่ตรงหน้า คนผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่ จะแกล้งนางไม่เลิกเลยหรือไง ส่งของบรรณาการผ้าแพรสวยงามมาให้นาง แล้วจะให้นางใช้เล่ห์กลอะไรปฏิเสธได้อีก สรุปจะให้นางถูกรุมตายแน่ๆ สตรีทั้งหลายต่างมองตาเป็นมัน ความประหลาดของฝ่าบาทนี้ทุกคนเริ่มชิน ไม่เคยเรียกนางเข้าเฝ้า แต่ก็ขยันส่งของมาให้ คราก่อนเป็นรังนก นางก็เอาถวายเจ้าแม่กวนอิม มาครานี้ถึงกับส่งเสื้อสตรีมา คงคิดว่านางเอาไปถวายไม่ได้น่ะสิ ฉินกงกงพูดแล้วก็ยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่ได้เข้าคายไม่ออกของนาง “คืนพรุ่งนี้ฮองเฮาจะมีงานเลี้ยงน้ำชาเหล่าสนมนางใน ฝ่าบาทจะเสด็จด้วย จึงพระราชทานชุดบรรณาการให้ตาอิ้งโดยเฉพาะ” ไม่ต้องย้ำคำว่าโดยเฉพาะก็ได้ คืนพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงเลยมีความประสงค์จะให้นางสวมชุดบรรณาการ ไม่ส่งมีดมาเลยล่ะ กะว่าจะให้นางโดนรุมในวัง นางไปทำเวรทำกรรมอะไรกับฮ่องเต้คนนี้นะเนี่ย จะบ้าตาย

 เกิดใหม่เป็นแม่หม้ายที่สามีทิ้ง

เกิดใหม่เป็นแม่หม้ายที่สามีทิ้ง

โรแมนติก

5.0

ชาติภพก่อนนางต้องสูญเสียลูกและสามีเพราะคนร้ายกราดยิงในห้าง จนนางเลือกจบชีวิตโดยการฆ่าตัวตายตาม พอเกิดชาติใหม่ก็มาอาศัยร่างที่ใบหน้าเหมือนตัวเองแถมมีลูกสาวที่หน้าเหมือนลูกสาวภพก่อนแต่กลับถูกสามีทิ้งให้มาอยู่ลำพังบนเขาจนอดข้าวตาย นางที่ได้มาอาศัยร้าง สัญญาว่าจะดูแลบุตรสาวคนนี้ให้ดีที่สุด และหวังว่าจะเจอสามีนางในภพเช่นกัน หญิงหม้ายเช่นนางจะดูแลบุตรสาวด้วยตัวเอง... "ท่านแม่กอดเอวของท่านพ่อเอาไว้แบบนี้ห้ามปล่อยนะเจ้าคะ ถ้าท่านแม่กอดเอวท่านพ่อก็จะได้กอดถิงถิงไปด้วย" เสียงเล็กของสาวน้อยที่นั่งตรงกลางระหว่างเจินเป่าและเหนียงไป๋กล่าวบอกผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส เหนียงไป๋จึงไม่มีทางเลือกต้องพยักหน้ารับและทำตามที่บุตรสาวบอกแต่โดยดี ******************* นิยายสนุก น่ารัก อบอุ่นหัวใจ ดีต่อสุขภาพ แวะมาอ่านกันเยอะๆ นะคะ

หย่ากันแล้วไยต้องรักท่าน

หย่ากันแล้วไยต้องรักท่าน

โรแมนติก

5.0

หย่ากันแล้วไยต้องรักท่าน ไป๋ชิงนางแต่งเข้าสกุลลู่อย่างเต็มใจ หากแต่สามีนาง ลู่เฉิน กลับทำร้ายจิตใจนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า นำพาอนุเข้าเรือนไม่เว้นแต่ละวัน จนสุดท้ายนางทนไม่ไหวก็ขอ "หย่า" "ก็ตามใจเจ้า" นางเจ็บแค้นใจสาหัส เดินจากมาด้วยน้ำตา หากแต่เดินออกจากสกุลลู่ได้ไม่นาน เหตุใดเขาถึงกลับมาตามนางกลับ ********* คนอย่างนางมีแต่เดินหน้าไม่หวนคืน หย่ากันแล้วอย่าคิดจะมีคืนดี เป้าหมายนางคือ "สามีใหม่" เท่านั้น มาทำให้ใต้หล้าเห็นว่า หญิงหม้ายก็มิได้ร้างรักแต่อย่างใด ******************************* นิยายเรื่องนี้มีเป้าหมายคือหาสามีใหม่ ใครมิชอบใจรักผัวเก่าขัดใจผ่านไปก่อนได้เลยค่ะ

สาบาน

สาบาน

โรแมนติก

5.0

ไม่ว่าท่านหรือข้า ก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ท่านอยู่ไหน ข้าอยู่นั่น ข้าจะตามหลอกหลอนท่านไม่สิ้นสุด ขอเลือดในกายข้าจงฟื้นคืนชีพ แล้วลากพวกมันลงไปนรกพร้อมกับข้า ข้าขอสาบาน.... คนอื่นย้อนเวลากลับมาแก้แค้นใหม่ แต่นางไม่ใช่ เพราะนางจะขึ้นจากหลุมแล้วลากพวกมันลงไปด้วยกัน ************* ปีศาจวิญญาณหันมองบั้นท้ายนาง เห็นรูปร่างกลมได้ส่วนก็รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ตัวเองสร้างมา จากนั้นก็หายมายังด้านหน้าห้องหยิบน้ำชาขึ้นมาดื่ม “เจ้ามีแผนจะทำยังไงต่อ” เฟิ่งหวงหันมองคนถามนางสวมใส่เสื้อผ้าบางแล้วนั่งลงข้างกายเขา เสื้อผ้าบางไม่ได้ปกปิดหน้าอกนางเลย ส่วนเขาก็กำลังมองยอดอกอย่างมีความสุข “ก็แค่เป็นสตรีโง่งมอีกคนหนึ่งท่านว่าดีไหม” สตรีโง่งมคนเก่าหันมองเขา สีหน้าอีกฝ่ายเหมือนกำลังรอนางอธิบาย “ข้าจะทำทีเป็นบุตรสาวตระกูลเศรษฐีที่เข้ามาทำกิจการในเมืองนี้ จากนั้นก็ก่อไฟให้เพิ่มไปอีกเพื่อจะได้ให้แมลงเม่าบินเข้ากองไฟที่ข้าก่อเอาไว้” “ก็ดี แต่ดูเหมือนวิธีนี้จะช้าเกินไป ข้ามีอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เจ้าหวังนั้นรีบกระโดดลงเข้ากองไฟ” เฟิ่งหวงกระพริบตาเพียงครั้งเดียวตัวนางก็มาอยู่ป่าแห่งหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็มีเสียงม้าวิ่งมาด้วยความเร็ว ซ้ำร้ายคนที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกปีศาจตนนั้นถีบ นางต้องใช้คำว่าถีบจริงๆ ร่างนางกระเด็นออกไปบนถนนเกือบจะถูกม้าเหยียบแล้วได้ตายอีกรอบ เสียงนางก็กรีดร้องด้วยความตกใจสมจริงเสียยิ่งกว่าอะไร สองมือยกขึ้นแล้วปิดตาตัวเองนอนคุดคู้อยู่บนพื้น เสียงม้าก็ดังก้องป่าจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเบรกดัง มีเสียงฝีเท้าลงจากม้า เฟิ่งหวงลืมตาขึ้นมองฝีเท้าที่ตรงเข้ามา ส่วนอีกฝ่ายก็มองสตรีในชุดร่างบางสีแดงแล้วย่อตัวลงใช้เสื้อคลุมห่มกายสตรีที่เกือบจะไม่มีเสื้อ “แม่นางเจ้ามาทำอะไรกลางป่าเช่นนี้” เสียงนั้น!! เฟิ่งหวงมองคนตรงหน้าไม่ใช่ว่าปีศาจตนนั้นพานางไปหาหวังเหยี่ยนเฉินหรอกหรือ เหตุใดถึงกลายเป็นเทียนเหิงไปได้!! เอาสินางต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน มองเห็นปีศาจตนนั้นไกลๆ แล้วไม่เข้าใจ จากนั้นก็ถูกคนช่วยถามอีกครั้ง “ข้าถูกโจรปล้นชิงทรัพย์สิน จากนั้นพวกมันก็จับตัวข้าไป โชคดีที่ข้าหนีออกมาได้” นางทำเสียงน่าสงสารจับใจ น้ำตาโรยรินเหมือนจะเสียสติ เลยทำให้เทียนเหิงนึกถึงสตรีอีกคนที่จากไป “ถ้าเช่นนั้นก็ขึ้นรถม้าเถิด หากอยู่นานเกรงว่าโจรป่าพวกนั้นจะตามมาทัน” เฟิ่งหวงพยักหน้า จากนั้นก็ถูกเทียนเหิงประคองขึ้นรถม้าแล้วขับออกจากป่า เพื่อเข้าเมืองหลวง

หนังสือที่คุณอาจชอบ

พ่อเพื่อน

พ่อเพื่อน

โรแมนติก

5.0

“หนูยังไม่เคย... ” สายป่านส่ายหน้าซ่านเสียว หล่อนหมายถึงไม่เคยโดนสอดใส่ด้วยท่อนเนื้อของบุรุษเพศ จึงไม่แปลกที่ร่องสวาทยังคับแน่นและตอดรัดได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ “ลุงเชื่อแล้วจ้ะ... เชื่อว่าหนูไม่เคย” จอห์นเสียงสั่นพร่า รีบครอบริมฝีปากขย้ำหัวนม ดูดขณะสอดลำนิ้วเข้าใส่ร่องเสียวของหญิงสาว ชักเข้าชักออกเสียงดังแจ่ะๆ จนน้ำหล่อลื่นแฉะออกมาอาบโคนนิ้วแข็ง “ลุงจอห์นขา... ป่านเสียวค่ะ... อ๊อย ทำไมมันเสียวขนาดนี้” เล็บแหลมเกร็งเกาะแขนกำยำของเอาเขาเอาไว้แน่น “อีกนิดนะครับ... ถ้าหนูลื่นพอเดี๋ยวลุงจะใส่ให้นะครับคนดีของลุง” จอห์นยังไม่อยากให้หญิงสาวตกใจ ยังไม่อยากให้ไก่ตื่น หล่อนอาจจะช็อคก็ได้... ถ้าได้เห็นความเป็นชายชาตรีขนาดไม่ธรรมดาของเขาที่ซ่อนลำแข็งจนปวดหน่วงอยู่ในเป้ากางเกงคับแน่น “ซี้ด... ใจจะขาดแล้วค่ะลุงจอห์นขา” หญิงสาวครางครวญ แทบขาดใจเพราะจุดอ่อนไหวในร่างกายกำลังโดนจู่โจมทั้งบนและล่าง หัวนมโดนดูดหนุบหนับ... พร้อมๆ กับนิ้วกลางของเขาที่ขยับเสียบเข้ามาในร่องเสียวไม่ยั้ง

สัมผัสร้ายนายวิศวะ

สัมผัสร้ายนายวิศวะ

วัยรุ่น

5.0

ฝากดีเอ็ม ณดาด้้วยนะค่ะ (วิศวะรุ่นน้อง) "ฉันไม่มีวันหมั้นกับผู้ชายมักมากนิสัยเสียอย่างนาย ไม่มีวัน" ณดาเอ่ยพร้อมกับเชิดหน้าใส่ ขณะที่เธอนั้นพยายามดันตัวออกจากการรัดกุมของดีเอ็ม "ทำไม คนอย่างฉันมันทำไม" ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับจ้องใบหน้าสวยใส ด้วยสีหน้าและแววตาดุดัน "มักมากและสำส่อน เอาไม่เลือกอย่างนาย ต่อให้เหลือนายแค่คนเดียวฉันก็ไม่เอา" ณดาเอ่ยกับคนใจร้ายอย่างเหลืออด "สงสัยที่ปากเก่ง เถียงฉอดๆ แบบนี้ ไม่อยากเป็นแค่ว่าที่คู่หมั้น แต่อยากข้ามขั้นเป็นเมียฉันแทน" ร่างสูงเอ่ยจบ ก็ระดมจูบคนตัวเล็กไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคอด้วยท่าทีโมโหสุดๆ เขารู้ว่าเธอนั้นเกลียดเขาเข้าใส้ แต่ทำไงได้ละในเมื่อครอบครัวดันเสนอตัวเธอมาให้กับเป็นคนของเขา แบบนี้ใครจะปล่อยให้โง่ละ มันก็ต้องลองกันหน่อย

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ