เดือนแสนจันทร์

เดือนแสนจันทร์

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
1.6K
ชม
28
บท

แสนจันทร์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกสองขวบเพียงลำพัง เป็นเพราะเศรษฐกิจกำลังพัง เธอจึงถูกไล่ออกจากงาน จึงคิดหมายหาอาชีพใหม่ที่เธอสามารถเลี้ยงลูกได้ สุดท้ายเธอก็พบว่า อาชีพนักเขียน เป็นอาชีพที่ดี เธอจึงตั้งใจเขียนนิยายเรื่องแรกด้วยความตั้งใจ หนทางหาเลี้ยงครอบครัวดูเหมือนจะได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนิยายของเธอได้รับคำชมจากคนอ่านมากมาย แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ถูกนักเขียนรุ่นใหญ่กล่าวหาว่า ลอกเลียนแบบนิยายของเธอ มีคนมารุมด่าประจานเธอมากมาย หากแต่เธอเพียงพยายามถามถึงหลักฐาน แต่อีกฝ่ายก็เอาทนายมาขู่อย่างเดียวแต่ไม่ส่งอะไรมาให้เลย จนสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมรับผิดเพียงเพราะไม่มีเงิน ทั้งที่เธอไม่เคยอ่านนิยายของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ผิดที่ตัวเธอไม่มีแรงสู้ ผิดที่ตัวเธอไม่มีเงินพอที่จะปกป้องอาชีพที่เธอเริ่มรักมัน ผิดที่เธอทำให้คนข้างตัวต้องผิดหวัง สายตามองไปยังคานไม้บนบ้าน มองไปยังค่าบ้านที่ค้างมาสามเดือน จึงมองหาเชือกมาผูกไว้ข้างบนคิดหมายจะฆ่าตัวตาย สองเท้าก้าวขึ้นเก้าอี้ไม้กลม เหยียบขึ้นไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย สองมือจับเชือกแล้วคิดจะฆ่าตัวตาย จังหวะที่เชือกกำลังรัดคอนั้น เสียงลูกสาวตัวน้อยก็ร้องดังขึ้นมา เธอที่กำลังจะตายเห็นแบบนั้น น้ำตาก็ร่วงหล่นลงแก้มอาบหน้า ใช้เท้าผละเก้าอี้ล้มเสียงดัง เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังจนคนด้านนอกได้ยิน จังหวะที่เธอคิดจะตายนั้น จู่ ๆ ก็มีผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งถีบประตูเข้ามา จากนั้นก็ช่วยเธอหลุดพ้นจากความตาย.... และเขาก็คือแสงสว่างของเธอ ทนายหนุ่มข้างบ้านที่จะเข้ามาช่วยให้ สองคนแม่ลูกพบเจอแต่สิ่งที่สวยงาม

บทที่ 1 No.1

แสนจันทร์มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก จู่ ๆ หน้าก็มืดเหมือนจะเป็นลม เพราะนิยายที่เริ่มเขียนมาตลอดสองเดือน จู่ ๆ ก็มีคนกล่าวหาว่าเธอไปลอกเลียนแบบของนักเขียนชื่อดัง

เธอพึ่งเข้าวงการนักเขียน ตั้งใจจะเขียนนิยายหาเงินเลี้ยงลูก แรกเริ่มนั้นเธอเพียงแค่ต้องการเงินเท่านั้น แต่พอนานวันเข้าเธอก็พบว่าเธอหลงรักอาชีพนักเขียนโดยไม่รู้ตัว

ทุกอักษรทุกคำที่พิมพ์ลงไปยังแป้นคีย์บอร์ดเธอคิดออกมาจากสมองเธอทุกคำ แต่แล้วทำไมคนอื่นถึงมากล่าวหาเธอแบบนี้

แล้วนิยายของนักเขียนคนนั้นเธอก็ไม่เคยอ่าน!!

ในเมื่อเธอไม่ผิดเธอก็ต้องแสดงความจริงให้คนอื่นรู้ แสนจันทร์พยายามอธิบายกับนักเขียนเจ้าของเรื่องที่ทักมา แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ทนายมาอ้าง

หนักสุดก็คือให้ทนายโทรมาขู่!!

แต่หนักยิ่งกว่าทนายก็คือ ให้คนที่สนับสนุนเขาเข้ารุมด่าแล้วเอาเธอไปประจานในกลุ่มต่าง ๆ

ตอนนี้มือเธอสั่นตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก เสียงลูกน้อยสองขวบก็กำลังร้องงอแงด้วยความหิว แสนจันทร์พยายามวางความคิดจากปัญหาที่เกิดรีบลุกขึ้นไปหยิบกระป๋องนมเพื่อจะชงให้ลูกกิน

มือพยายามเปิดฝากระป๋องแต่ก็แกะลำบาก มือไม้สั่นจนเธอต้องรวบรวมสติตัวเองให้ดี

“ลูกดาวหนูรอก่อนลูก” ปากพูดปลอบลูกไปแต่ใครกันที่จะมาปลอบเธอ แม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอกว่าจะหาเงินเลี้ยงตัวเองและลูกได้ในแต่ละวันก็แสนจะยากเย็น

หากไม่เพราะอยู่เพื่อลูกเธออาจจะตายไปแล้วก็ได้ คำว่าตายทำให้มือเธอหยุดแสนจันทร์มองไปยังคานบนหลังคาบ้านเช่าหลังเก่านี้

ในใจก็คิดว่าหากเธอตายไปให้พ้น อาจจะทำให้เธอหลุดพ้นกับปัญหาที่เกิดก็เป็นได้ เสียงฝานมดังขึ้นทำให้เธอได้สติหันมาเปิดฝานม ออกแต่ก็พบว่านมผงที่ลูกสาวจะกินยังไม่มี

ลูกดาวแพ้นมวัว นมที่จะกินได้ก็มีแค่นมแพะเท่านั้น แถมนมแพะก็มีราคาแพงกว่านมทั่วไป เงินที่มีแม้แต่ค่าเช่าค่ากินก็แทบจะไม่เหลือ

ความหวังเดียวของเธอก็คือนิยายเรื่องนั้น หวังเพียงถ้ามันได้ออกขายอาจจะทำให้เธอมีบ้าน มีเงินซื้ออาหารซื้อนมให้ลูก แต่ตอนนี้ชีวิตเหมือนพังไม่เป็นท่า

หมดแล้วขาเธอทรุดลงพื้นไม้ทิ้งกระป๋องนมที่ว่างเปล่าลงพื้นอย่างไม่ไยดี เสียงลูกสาวตัวน้อยยังคงร้องไห้ไม่หยุด แสนจันทร์จึงลุกขึ้นไปหาเธอแล้วสวมกอดร้องไห้หนักกว่าเดิม

สุดท้ายก็ไม่มีอะไรกิน เธอหันมองข้าวสารถ้วยสุดท้ายจัดการลุกขึ้นทำเป็นข้าวต้มเกลือ ต้มน้ำให้เยอะเพื่อจะได้กินให้พอสองคน เด็กน้อยพอได้ข้าวเปล่าอิ่มท้องก็เลยเลิกงอแงชั่วคราว

แสนจันทร์จึงกลับมายังหน้าคอมพิวเตอร์อีกครั้ง มองคอมพิวเตอร์เก่าที่ยืมมาจากเพื่อนข้างบ้านที่เขาจะขายทิ้ง หน้าจอคอมพิวเตอร์กะพริบเป็นเส้นสลับกันไป เสียงมือถือเธอดังขึ้นไม่ขาดสาย

จนกระทั่งอินเทอร์เน็ตที่ซื้อไว้อัปเดตนิยายนั้นหมดลงอย่างไร้ประโยชน์ ไม่นานก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา

“หากคุณไม่ยอมรับผิด เราจะส่งเรื่องฟ้องคดีอาญาและแพ่งกับคุณ”

มือเธอสั่นทิ้งมือถือที่รับสายลงพื้น น้ำตาหยดลงแก้มบางจนแทบจะเป็นสายเลือด อยากมีคนกอดอยากมีคนปลอบใจแต่ก็ทำได้เพียงแค่กอดตัวเองเท่านั้น

สายตาเธอหันมองรอบกายคิดว่าพอจะมีอะไรจำนำเพื่อสู้คดีได้ไหม ไม่มีอะไรเลยรอบด้านล้วนว่างเปล่า แต่สายตาเธอกลับพบเชือกเส้นหนึ่งที่เธอคิดจะเอามาผูกเปลให้ลูกกับต้นไม้หลังบ้าน

แสนจันทร์ลุกขึ้นจากนั้นก็เดินไปหามันแล้วเงยหน้ามองไปยังคานด้านบน มองหาเก้าอี้กลมจากนั้นก็ใช้เชือกผูกเป็นปม น้ำตาเธอหยดลงพื้นหันมองลูกสาวที่กำลังเล่นตุ๊กตา

“แม่ขอโทษ” เสียงเธอขอโทษลูกสาวสุดที่รัก สติที่ไร้ความคิดก็วางคอลงไปบนเชือก จากนั้นก็ขยับเก้าอี้ออกห้อยขาลงมา

อาการของคนใกล้ตายเป็นอย่างไรนะ ใช่แบบที่เธอรู้สึกหรือเปล่า ภาพแห่งความทรงจำในอดีตกลับมา ตั้งแต่เธอถูกผู้ชายคนแรกในชีวิตทิ้งไปทันทีที่รู้ว่าเธอท้อง

เธอต้องออกจากวิทยาลัยกลางคัน ต้องอุ้มท้องเพียงลำพังคนเดียว เธอต้องออกมาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารพอเจ้านายรู้ว่าเธอท้องตอนห้าเดือนก็ไล่เธอออก

ตอนนั้นเธอสิ้นไร้หนทางเหมือนเช่นวันนี้แต่เพราะครั้งนั้นเธอได้ยินเด็กน้อยขยับในท้องครั้งแรก เธอจึงตระหนักว่ายังมีอีกชีวิตอยู่เธอต้องสู้

หลังจากวันนั้นเธอก็พยายามหางานทำมาตลอดสุดท้ายแล้วก็ได้เป็นแค่คนเข็นผักในตลาด สองมืออุ้มท้องโตเข็นผักจนคลอดสุดท้ายพอคลอดแล้วก็ต้องถูกไล่ออกจากงาน

ให้เธอกลับบ้านเธอก็ไม่กล้ากลับ ให้เธอโทรไปขอร้องพ่อแม่ที่ไล่เธอออกจากบ้านก็ไม่กล้าสู้หน้า สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องอุ้มลูกไปขอข้าววัดกิน

จนสุดท้ายก็มาเจอบ้านหลังนี้ที่อยู่ท้ายวัด เจ้าอาวาสขอความเมตตาจากเจ้าของบ้านลดค่าเช่าให้ เดือนละพันบาท สำหรับคนอื่นคงหาได้ไม่ยาก

แต่แม่เลี้ยงเดี่ยวแบบเธอแสนยากเย็นเหลือเกิน สุดท้ายแล้วเธอก็ค้างค่าเช่ามาสามเดือน จนเจ้าของบ้านคิดจะให้เธอออกไปอยู่ที่อื่น

สองปีมานี้เธอพยายามทำงานทุกอย่าง แบกเด็กน้อยขึ้นหลังทำงานที่เขาจ้างทุกสิ่ง สุดท้ายแล้วก็ไม่เหลืออะไรเลยเมื่อเศรษฐกิจแย่ลงเรื่อย สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่มีใครจ้าง

ตอนที่กำลังสิ้นหวังหนทางเธอก็มองกล่องหนังสือที่มีนิยายที่เธอเคยซื้อไว้ตอนเด็ก ๆ สะสมจนมีจำนวนมาก ของพวกนี้สามารถทำเงินได้สุดท้ายเธอก็เอาออกมาขายจนหมดมันก็ไม่พอค่าใช้จ่ายอยู่ดี

ตอนนั้นเองที่เธอมองหนังสือเล่มโปรดแล้วคิดว่าถ้าตัวเองได้เขียนนิยายแล้วขายก็คงดี จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธออยากเป็นนักเขียน อยากมีเงินซื้อนมลูก อยากมีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน อยากมีเงินซื้ออาหารไว้กิน แค่นี้เธอผิดด้วยหรือ

ทำไมพวกเขาถึงกล่าวหาเธอแบบนั้น

ทำไมพวกเขาไม่คิดถามเธอว่าเธอทำจริงไหม ก็ตัดสินว่าเธอผิดแล้ว

ทำไมความยุติธรรมถึงกลับมาทำร้ายคนไม่มีทางสู้

แล้วเธอจะหาใครให้ช่วยได้อีกกัน...

ไม่มีแล้วไม่มีจริง ๆ...

เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้น ทำให้คนที่ใกล้จะตายนั้นได้สติ แสนจันทร์ก้มลงมองลูกสาวตอนนั้นเองที่เธอได้สติ ถึงจะไม่มีกินจนตายเธอก็ควรจะสู้เพื่อลูก ไม่ใช่ยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้ สองมือพยายามดึงเชือกให้หลุดแต่ยิ่งดิ้นเชือกก็ยิ่งรัดคอแน่น

แสนจันทร์พยายามดิ้นรนใช้เท้าเขี่ยเก้าอี้กลับมาแต่ยิ่งใช้เท้าเตะมันเท่าไรเก้าอี้นั้นก็ยิ่งห่างไปอีกจนกระทั่งล้มลงพื้นเสียงดัง

ไม่นะ เธอตายไม่ได้ในใจเธอพยายามคิดแบบนั้น แต่ลมหายใจของเธอกำลังจะหมดลงจริง ๆ ดวงตาเธอเต็มไปด้วยสีขาวโพลน ใบหน้าลูกสาวก็แทบมองไม่เห็นเริ่มหายไปจากสายตาเธอ

ลูกดาวแม่ขอโทษที่แม่คิดง่ายไป

ลูกดาวลูกจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีแม่

ช่วงจังหวะสุดท้ายที่คิดว่าตัวเองไม่รอดนั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นดวงตาเธอมองทุกอย่างเป็นสีขาวแล้ว

ส่วนคนที่ถีบประตูก็หันมองหญิงสาวที่กำลังจะผูกคอตายก็รีบวิ่งมาประคองขาเอาไว้ยกขึ้นสูง

เฮือก... ลมหายใจเข้ามาทางปอดของคนที่ใกล้หมดลมหายใจ แสนจันทร์เหมือนคนที่ตายแล้วได้เกิดใหม่

ไม่นานคนมาช่วยก็พาเธอลงมาได้สำเร็จ จากนั้นก็เรียกอีกฝ่าย

“คุณ คุณ”

แสนจันทร์มองภาพที่เริ่มชัดกลับมาเหมือนเดิม มองเห็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน จากนั้นภาพก็เลือนหายไปเพราะหมดสติไปเสียก่อน

หัสดินจึงอุ้มหญิงสาวพาขึ้นรถเก๋งของตัวเองจากนั้นก็พาไปส่งโรงพยาบาล ตอนที่ไปถึงพยาบาลหันมองเด็กน้อยที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ถาม

“ภรรยาคุณเป็นอะไรหรือคะ” จู่ ๆ ได้เมียโดยไม่ได้หา เขาไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี แต่เพื่อตัดปัญหาที่เขาไปยุ่งเรื่องข้างบ้านจึงตอบกลับไปว่า “เธอหกล้มคอไปถูกเชือกรัดคอจนเกือบตาย ดีที่ผมกลับไปบ้านทันครับ”

ถ้าบอกว่านี่เป็นเรื่องโกหกก็ว่าได้ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นเชียว แม้พยาบาลไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องช่วยคนป่วยก่อน จึงพาเธอเข้าห้องฉุกเฉินปฐมพยาบาลให้หมอตรวจไม่นานเธอก็ฟื้น

“ลูกดาว ลูกสาวฉัน” แสนจันทร์ลืมตาขึ้นมาก็ถามถึงลูกสาว พยาบาลเห็นว่าเธอฟื้นดีแล้วจึงเรียกพ่อและลูกเข้ามาด้านใน ตอนที่แสนจันทร์มองเห็นลูกน้อยถูกคนอื่นอุ้มก็ตกใจ

และตกใจยิ่งกว่าที่เขาเรียกเธอว่า “ที่รักเป็นอย่างไรบ้างหายแล้วใช่ไหมผมตกใจแทบแย่”

ฉันจะตกใจมากกว่าที่คุณพูดแบบนั้นกับฉัน จากนั้นเขาก็กะพริบตาข้างหนึ่ง ทำให้เธอหันมองพยาบาลอีกครั้ง

“ถ้าอาการดีขึ้นแล้วสามารถกลับบ้านได้เลยค่ะ โชคยังดีนะคะที่คุณพ่อพามาเอง ถ้าเป็นคนอื่นกว่าจะได้รักษาคงนานค่ะ”

ประโยคนี้ของพยาบาลทำให้เธอเข้าใจเจตนาของเขา จึงไม่พูดแก้ตัวแต่อย่างใด ให้เขาพาเธอกลับบ้าน จากนั้นพอขึ้นรถเธอก็ยกมือไหว้ทันที

“ขอบคุณที่ช่วยฉันค่ะ”

“คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ถ้าผมเข้าไปช่วยไม่ทันคุณนั่นแหละจะตายตาไม่หลับ คิดดูว่าลูกคุณจะอยู่ยังไง”

แสนจันทร์ก้มลงหอมแก้มลูกสาวด้วยความรู้สึกผิดจริง ๆ สองมือกอดเธอไว้แน่นกว่าที่เคยเป็นมา ความอบอุ่นของตัวเด็กน้อยและเสียงเต้นหัวใจของเธอทำให้เธอรู้ว่าโชคดีแค่ไหนที่เธอยังมีชีวิตอยู่

พอเห็นเธอเศร้าเขาที่คิดจะบ่นต่อก็พูดไม่ออก มองเธอร้องไห้ออกมาอีกรอบ คนเราจะมีเรื่องทุกข์ใจขนาดไหนถึงขนาดต้องฆ่าตัวตายเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ

ในเมื่อตัวเองเป็นทนายก็ควรสืบเรื่องราวให้ดีเสียก่อนที่จะตัดสินคนอื่นแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่พบกัน เขาจึงนิ่งเงียบตลอดทางปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้ออกมาให้พอ

จากนั้นเมื่อมาถึงบ้านของเธอและบ้านของเขาที่อยู่ติดกัน ด้วยความหวังดีหัสดินก็เดินไปส่งหญิงสาวถึงบ้าน พอเข้าไปถึงก็เห็นเชือกและเก้าอี้ เขาก็รีบเก็บเชือกแล้วเอาไปทิ้งถังขยะหน้าบ้านทันที

เด็กน้อยง่วงจนหลับไปแล้ว แสนจันทร์จึงพาเด็กน้อยเข้าไปนอนในห้องด้านในที่มีเพียงแค่ฟูกบางเท่านั้น คนอยากรู้อยากเห็นก็ชะโงกมองรอบห้องด้านใน

“แล้วสามีคุณไปไหน?”

“ไม่มี” เสียงหญิงสาวตอบรับแบบเสียงแข็ง เหมือนไม่พอใจที่เขาถามถึงสามีที่เคยอยู่ในชีวิตเธอมาก่อน

คนที่กำลังสืบก็ถอยออกมาด้านนอก หันมองรอบบ้านพบเพียงเสื่อน้ำมันกับเก้าอี้ที่เธอใช้ฆ่าตัวตาย หันมองกระป๋องนมที่กำลังตกหล่นอยู่ ก่อนจะพบข้าวต้มในถ้วยที่ยังเหลือทิ้งเอาไว้

ถ้าหนักกว่านี้ก็คงกินดินไปแล้วเขาคิดแบบนั้น จึงล้วงกระเป๋าเงินตัวเองขึ้นมาแล้วส่งให้อีกฝ่าย

“เงินนี้ไว้ซื้อนมกับข้าว”

แสนจันทร์มองแบงก์เทาที่เขาส่งให้ก็ส่ายหน้า “ฉันรับไว้ไม่ได้”

จะตายอยู่แล้วยังจะเรื่องมากอีก หัสดินไม่เข้าใจความคิดอีกฝ่ายเท่าไร “ผมเองก็มีไม่มากเท่าไร เพราะพึ่งทำงานเป็นทนายได้แค่สองเดือน แต่เงินนี้ก็คงทำให้คุณไม่คิดฆ่าตัวตาย”

แสนจันทร์มองเงินตรงหน้า ใช่เวลาที่จะมานึกถึงบุญคุณศักดิ์ศรีก็ใช่เหตุ จึงยอมรับเงินดังกล่าวแต่

“ฉันไม่รับเงินเปล่า ๆ ค่ะ ให้ฉันทำความสะอาดบ้านคุณแทนได้ไหม”

หัสดินมองคนตรงหน้า เขาที่พึ่งเป็นทนายเป็นแค่พนักงานของบริษัทว่าความไม่ใช่เจ้าของบริษัทเสียหน่อย เงินจากทนายและเงินรอบนอกก็แค่หมื่นกว่า ๆ

ตอนนี้เหมือนเอาขาไปหาภาระที่ไม่ใช่ของตนก็รู้สึกเสียเปรียบชอบกล แต่ก็ “ถ้าไม่ได้ฉันไม่ขอรับเงินนี้ค่ะ”

เธอคิดแล้วว่าเดี๋ยวจะลองหาเงินด้วยวิธีอื่น ส่วนเขาก็เหมือนคนถูกใครปฏิเสธแล้วหงุดหงิดโดยเฉพาะคนที่พึ่งช่วยชีวิตไป

มือเขาจับมือเธอแล้วยัดเงินใส่มือ “ทำความสะอาดแค่สัปดาห์ละสองวัน เสาร์กับอาทิตย์ พรุ่งนี้ยังไม่ต้องค่อยทำอาทิตย์ทีเดียว ไว้วันทำงานผมจะบอกว่าอะไรตรงไหนห้ามแตะเข้าใจไหม”

แสนจันทร์พยักหน้ามองแบงก์สีเทาตรงหน้าก็คิดว่าจะเอามันไปเสียค่าเช่าสักเดือนหนึ่งก่อน ส่วนเงินไว้กินข้าวคงต้องไปขอหลวงตาก่อน

“อะอื้ม” เสียงในลำคอคนตรงประตูทำให้พวกเราหันมอง

“ได้เงินแล้วก็เอามาจ่ายค่าเช่า” สองมือเจ้าของบ้านเดินมาแล้วดึงแบงก์สีเทาลอยไปต่อหน้าจากนั้นก็บ่นต่อ

“พันเดียว เธอค้างค่าเช่าฉันสามเดือนนะ ถ้าไม่เพราะหลวงตาช่วยฉันจะไม่ยอมลดค่าเช่าให้หรอก อะไรเนื้อไม่ได้กินยังต้องเอากระดูกมาแขวนคออีก เด็ก ๆ ขนของออกไปให้หมด”

“เดี๋ยวสิป้า ป้าไล่พวกเธอออกจากบ้านกลางดึกแบบนี้แล้วพวกเธอจะไปอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่ไหนก็เรื่องของเธอไม่เกี่ยวกับฉัน” แสนจันทร์มองคนที่กำลังขนของเธอออกไป สายตามองพวกเขาที่กำลังจะตรงไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวของเธอ หญิงสาวก็รีบเข้าไปขวางทาง

“ฉันยอมออกแล้วป้าแต่ขอเวลาคืนนี้อีกคืน พรุ่งนี้ฉันจะไป”

ป้ารวยหันมองสีหน้าหญิงสาว ใจเธอก็ไม่อยากจะทำเท่าไร แต่เพราะว่าตัวเองก็ต้องกินต้องใช้จึงต้องหาคนเช่าใหม่ที่ได้ราคาสูงกว่ามาแทน

“ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้ถ้าฉันเห็นยังอยู่ถึงตอนนี้ข้าวของพวกนี้ฉันก็จะยึดให้หมด เสียเวลาทำมาหากินจริง ๆ”

พูดจบก็ออกจากห้องไป เหลือเพียงเธอและเขากับเด็กน้อยที่ยังนอนหลับสนิท แสนจันทร์ทรุดลงพื้นอีกครั้งรอบนี้เธอจนหนทางจริง ๆ

ส่วนเขาที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนแต่แรกก็อดยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่ได้ “ขนของไปไว้ที่บ้านผมก่อน ไว้ค่อยคิดอีกรอบว่าจะไปพักที่ไหน”

อย่างไรพรุ่งนี้เขาก็ไม่อาจทนเห็นหญิงสาวไม่มีที่อยู่ สรุปสุดท้ายที่คนเขาบอกว่า การช่วยเหลือคนได้บุญกุศล สำหรับเขาแล้วตอนนี้การช่วยเหลือคนกลับได้ความทุกข์มาเพิ่มมากกว่า

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

ตามเธอไม่เคยทัน

ตามเธอไม่เคยทัน

Crepuscular Glyph
5.0

หลินหลั่งเยี่ยน เป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ จากรัฐ เป็นสาวอัจฉริยะที่ทุกคนในองค์กรอิจฉา มีความสามารถทางการต่อสู้สูงและไม่ยอมใคร แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้องสาวฝาแฝดของเธอเพียงลำพัง หลังจากผ่านไปเจ็ดปี ในที่สุดรัฐก็อนุมัติอิสรภาพให้เธอ หัวใจของหลินเหลิงเหยียนเต้นระรัวด้วยความคาดหวัง ขณะที่เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่เธอกลับต้องพบว่าป้าของเธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราในบ้านพักของพ่อแม่ผู้ล่วงลับ ขณะที่น้องสาวของเธอเองกลับถูกบังคับให้นอนในคอกสุนัขและกินของเหลือ ทันใดนั้น เธอพลิกโต๊ะอาหารด้วยความโกรธ ป้าข่มขู่? เธอใช้วิธีการที่เด็ดขาดถอนตัวจากการร่วมมือ จนบริษัทของป้าพังทลายลงอย่างรวดเร็ว! การกลั่นแกล้งในโรงเรียน? เธอปลอมตัวเป็นน้องสาว เข้าไปในโรงเรียนและตัดสินใจสู้ไฟด้วยไฟ จากนั้นเธอก็ถ่ายทอดสดตอนพวกอันธพาลคุกเข่าร้องขอความเมตตา ถูกเยาะเย้ยเรื่องตัวตน? หลินหลั่งเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา“ใช่ ฉันก็แค่คนธรรมดา” ในวินาทีถัดมา ครอบครัวที่มีชื่อเสียงมายืนยันว่า“เธอคือลูกสาวคนโตของเรา!” สถาบันวิจัยแห่งชาติ “พวกเราคือเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ!” …… ซือฮานเฟิง ผู้เป็นผู้นำของตระกูลลึกลับ ไม่เคยปรากฏตัวในสายตาสาธารณชน ข่าวลือว่าเขาเป็นคนเยือกเย็นและไร้ความปรานี บางคนเคยเห็นเขายืนสูบบุหรี่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว และบางคนก็เห็นเขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา แต่ต่อมากลับมีคนเห็นว่าเขาไล่ตามหลินหลั่งเยี่ยนจนถึงมุมกำแพง ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าและความไม่พอใจ “หลั่งเยี่ยน ฉันช่วยเธอจัดการพวกนั้นแล้ว เธอควรจะอยู่เป็นเพื่อนกับฉันบ้างไหม?” “เราไม่ใช่แค่พันธมิตรหรือ?” หลินหลั่งเยี่ยนพูดอย่างงงงวย ซือฮานเฟิงถอนหายใจลึกๆ แล้วจูบเบาๆ บนริมฝีปากของเธอ “ตอนนี้ล่ะ”

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

Crimson Syntax
5.0

ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ