Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เดือนแสนจันทร์

เดือนแสนจันทร์

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
1.6K
ชม
28
บท

แสนจันทร์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกสองขวบเพียงลำพัง เป็นเพราะเศรษฐกิจกำลังพัง เธอจึงถูกไล่ออกจากงาน จึงคิดหมายหาอาชีพใหม่ที่เธอสามารถเลี้ยงลูกได้ สุดท้ายเธอก็พบว่า อาชีพนักเขียน เป็นอาชีพที่ดี เธอจึงตั้งใจเขียนนิยายเรื่องแรกด้วยความตั้งใจ หนทางหาเลี้ยงครอบครัวดูเหมือนจะได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนิยายของเธอได้รับคำชมจากคนอ่านมากมาย แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ถูกนักเขียนรุ่นใหญ่กล่าวหาว่า ลอกเลียนแบบนิยายของเธอ มีคนมารุมด่าประจานเธอมากมาย หากแต่เธอเพียงพยายามถามถึงหลักฐาน แต่อีกฝ่ายก็เอาทนายมาขู่อย่างเดียวแต่ไม่ส่งอะไรมาให้เลย จนสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมรับผิดเพียงเพราะไม่มีเงิน ทั้งที่เธอไม่เคยอ่านนิยายของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ผิดที่ตัวเธอไม่มีแรงสู้ ผิดที่ตัวเธอไม่มีเงินพอที่จะปกป้องอาชีพที่เธอเริ่มรักมัน ผิดที่เธอทำให้คนข้างตัวต้องผิดหวัง สายตามองไปยังคานไม้บนบ้าน มองไปยังค่าบ้านที่ค้างมาสามเดือน จึงมองหาเชือกมาผูกไว้ข้างบนคิดหมายจะฆ่าตัวตาย สองเท้าก้าวขึ้นเก้าอี้ไม้กลม เหยียบขึ้นไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย สองมือจับเชือกแล้วคิดจะฆ่าตัวตาย จังหวะที่เชือกกำลังรัดคอนั้น เสียงลูกสาวตัวน้อยก็ร้องดังขึ้นมา เธอที่กำลังจะตายเห็นแบบนั้น น้ำตาก็ร่วงหล่นลงแก้มอาบหน้า ใช้เท้าผละเก้าอี้ล้มเสียงดัง เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังจนคนด้านนอกได้ยิน จังหวะที่เธอคิดจะตายนั้น จู่ ๆ ก็มีผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งถีบประตูเข้ามา จากนั้นก็ช่วยเธอหลุดพ้นจากความตาย.... และเขาก็คือแสงสว่างของเธอ ทนายหนุ่มข้างบ้านที่จะเข้ามาช่วยให้ สองคนแม่ลูกพบเจอแต่สิ่งที่สวยงาม

บทที่ 1 No.1

แสนจันทร์มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก จู่ ๆ หน้าก็มืดเหมือนจะเป็นลม เพราะนิยายที่เริ่มเขียนมาตลอดสองเดือน จู่ ๆ ก็มีคนกล่าวหาว่าเธอไปลอกเลียนแบบของนักเขียนชื่อดัง

เธอพึ่งเข้าวงการนักเขียน ตั้งใจจะเขียนนิยายหาเงินเลี้ยงลูก แรกเริ่มนั้นเธอเพียงแค่ต้องการเงินเท่านั้น แต่พอนานวันเข้าเธอก็พบว่าเธอหลงรักอาชีพนักเขียนโดยไม่รู้ตัว

ทุกอักษรทุกคำที่พิมพ์ลงไปยังแป้นคีย์บอร์ดเธอคิดออกมาจากสมองเธอทุกคำ แต่แล้วทำไมคนอื่นถึงมากล่าวหาเธอแบบนี้

แล้วนิยายของนักเขียนคนนั้นเธอก็ไม่เคยอ่าน!!

ในเมื่อเธอไม่ผิดเธอก็ต้องแสดงความจริงให้คนอื่นรู้ แสนจันทร์พยายามอธิบายกับนักเขียนเจ้าของเรื่องที่ทักมา แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ทนายมาอ้าง

หนักสุดก็คือให้ทนายโทรมาขู่!!

แต่หนักยิ่งกว่าทนายก็คือ ให้คนที่สนับสนุนเขาเข้ารุมด่าแล้วเอาเธอไปประจานในกลุ่มต่าง ๆ

ตอนนี้มือเธอสั่นตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก เสียงลูกน้อยสองขวบก็กำลังร้องงอแงด้วยความหิว แสนจันทร์พยายามวางความคิดจากปัญหาที่เกิดรีบลุกขึ้นไปหยิบกระป๋องนมเพื่อจะชงให้ลูกกิน

มือพยายามเปิดฝากระป๋องแต่ก็แกะลำบาก มือไม้สั่นจนเธอต้องรวบรวมสติตัวเองให้ดี

“ลูกดาวหนูรอก่อนลูก” ปากพูดปลอบลูกไปแต่ใครกันที่จะมาปลอบเธอ แม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอกว่าจะหาเงินเลี้ยงตัวเองและลูกได้ในแต่ละวันก็แสนจะยากเย็น

หากไม่เพราะอยู่เพื่อลูกเธออาจจะตายไปแล้วก็ได้ คำว่าตายทำให้มือเธอหยุดแสนจันทร์มองไปยังคานบนหลังคาบ้านเช่าหลังเก่านี้

ในใจก็คิดว่าหากเธอตายไปให้พ้น อาจจะทำให้เธอหลุดพ้นกับปัญหาที่เกิดก็เป็นได้ เสียงฝานมดังขึ้นทำให้เธอได้สติหันมาเปิดฝานม ออกแต่ก็พบว่านมผงที่ลูกสาวจะกินยังไม่มี

ลูกดาวแพ้นมวัว นมที่จะกินได้ก็มีแค่นมแพะเท่านั้น แถมนมแพะก็มีราคาแพงกว่านมทั่วไป เงินที่มีแม้แต่ค่าเช่าค่ากินก็แทบจะไม่เหลือ

ความหวังเดียวของเธอก็คือนิยายเรื่องนั้น หวังเพียงถ้ามันได้ออกขายอาจจะทำให้เธอมีบ้าน มีเงินซื้ออาหารซื้อนมให้ลูก แต่ตอนนี้ชีวิตเหมือนพังไม่เป็นท่า

หมดแล้วขาเธอทรุดลงพื้นไม้ทิ้งกระป๋องนมที่ว่างเปล่าลงพื้นอย่างไม่ไยดี เสียงลูกสาวตัวน้อยยังคงร้องไห้ไม่หยุด แสนจันทร์จึงลุกขึ้นไปหาเธอแล้วสวมกอดร้องไห้หนักกว่าเดิม

สุดท้ายก็ไม่มีอะไรกิน เธอหันมองข้าวสารถ้วยสุดท้ายจัดการลุกขึ้นทำเป็นข้าวต้มเกลือ ต้มน้ำให้เยอะเพื่อจะได้กินให้พอสองคน เด็กน้อยพอได้ข้าวเปล่าอิ่มท้องก็เลยเลิกงอแงชั่วคราว

แสนจันทร์จึงกลับมายังหน้าคอมพิวเตอร์อีกครั้ง มองคอมพิวเตอร์เก่าที่ยืมมาจากเพื่อนข้างบ้านที่เขาจะขายทิ้ง หน้าจอคอมพิวเตอร์กะพริบเป็นเส้นสลับกันไป เสียงมือถือเธอดังขึ้นไม่ขาดสาย

จนกระทั่งอินเทอร์เน็ตที่ซื้อไว้อัปเดตนิยายนั้นหมดลงอย่างไร้ประโยชน์ ไม่นานก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา

“หากคุณไม่ยอมรับผิด เราจะส่งเรื่องฟ้องคดีอาญาและแพ่งกับคุณ”

มือเธอสั่นทิ้งมือถือที่รับสายลงพื้น น้ำตาหยดลงแก้มบางจนแทบจะเป็นสายเลือด อยากมีคนกอดอยากมีคนปลอบใจแต่ก็ทำได้เพียงแค่กอดตัวเองเท่านั้น

สายตาเธอหันมองรอบกายคิดว่าพอจะมีอะไรจำนำเพื่อสู้คดีได้ไหม ไม่มีอะไรเลยรอบด้านล้วนว่างเปล่า แต่สายตาเธอกลับพบเชือกเส้นหนึ่งที่เธอคิดจะเอามาผูกเปลให้ลูกกับต้นไม้หลังบ้าน

แสนจันทร์ลุกขึ้นจากนั้นก็เดินไปหามันแล้วเงยหน้ามองไปยังคานด้านบน มองหาเก้าอี้กลมจากนั้นก็ใช้เชือกผูกเป็นปม น้ำตาเธอหยดลงพื้นหันมองลูกสาวที่กำลังเล่นตุ๊กตา

“แม่ขอโทษ” เสียงเธอขอโทษลูกสาวสุดที่รัก สติที่ไร้ความคิดก็วางคอลงไปบนเชือก จากนั้นก็ขยับเก้าอี้ออกห้อยขาลงมา

อาการของคนใกล้ตายเป็นอย่างไรนะ ใช่แบบที่เธอรู้สึกหรือเปล่า ภาพแห่งความทรงจำในอดีตกลับมา ตั้งแต่เธอถูกผู้ชายคนแรกในชีวิตทิ้งไปทันทีที่รู้ว่าเธอท้อง

เธอต้องออกจากวิทยาลัยกลางคัน ต้องอุ้มท้องเพียงลำพังคนเดียว เธอต้องออกมาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารพอเจ้านายรู้ว่าเธอท้องตอนห้าเดือนก็ไล่เธอออก

ตอนนั้นเธอสิ้นไร้หนทางเหมือนเช่นวันนี้แต่เพราะครั้งนั้นเธอได้ยินเด็กน้อยขยับในท้องครั้งแรก เธอจึงตระหนักว่ายังมีอีกชีวิตอยู่เธอต้องสู้

หลังจากวันนั้นเธอก็พยายามหางานทำมาตลอดสุดท้ายแล้วก็ได้เป็นแค่คนเข็นผักในตลาด สองมืออุ้มท้องโตเข็นผักจนคลอดสุดท้ายพอคลอดแล้วก็ต้องถูกไล่ออกจากงาน

ให้เธอกลับบ้านเธอก็ไม่กล้ากลับ ให้เธอโทรไปขอร้องพ่อแม่ที่ไล่เธอออกจากบ้านก็ไม่กล้าสู้หน้า สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องอุ้มลูกไปขอข้าววัดกิน

จนสุดท้ายก็มาเจอบ้านหลังนี้ที่อยู่ท้ายวัด เจ้าอาวาสขอความเมตตาจากเจ้าของบ้านลดค่าเช่าให้ เดือนละพันบาท สำหรับคนอื่นคงหาได้ไม่ยาก

แต่แม่เลี้ยงเดี่ยวแบบเธอแสนยากเย็นเหลือเกิน สุดท้ายแล้วเธอก็ค้างค่าเช่ามาสามเดือน จนเจ้าของบ้านคิดจะให้เธอออกไปอยู่ที่อื่น

สองปีมานี้เธอพยายามทำงานทุกอย่าง แบกเด็กน้อยขึ้นหลังทำงานที่เขาจ้างทุกสิ่ง สุดท้ายแล้วก็ไม่เหลืออะไรเลยเมื่อเศรษฐกิจแย่ลงเรื่อย สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่มีใครจ้าง

ตอนที่กำลังสิ้นหวังหนทางเธอก็มองกล่องหนังสือที่มีนิยายที่เธอเคยซื้อไว้ตอนเด็ก ๆ สะสมจนมีจำนวนมาก ของพวกนี้สามารถทำเงินได้สุดท้ายเธอก็เอาออกมาขายจนหมดมันก็ไม่พอค่าใช้จ่ายอยู่ดี

ตอนนั้นเองที่เธอมองหนังสือเล่มโปรดแล้วคิดว่าถ้าตัวเองได้เขียนนิยายแล้วขายก็คงดี จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธออยากเป็นนักเขียน อยากมีเงินซื้อนมลูก อยากมีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน อยากมีเงินซื้ออาหารไว้กิน แค่นี้เธอผิดด้วยหรือ

ทำไมพวกเขาถึงกล่าวหาเธอแบบนั้น

ทำไมพวกเขาไม่คิดถามเธอว่าเธอทำจริงไหม ก็ตัดสินว่าเธอผิดแล้ว

ทำไมความยุติธรรมถึงกลับมาทำร้ายคนไม่มีทางสู้

แล้วเธอจะหาใครให้ช่วยได้อีกกัน...

ไม่มีแล้วไม่มีจริง ๆ...

เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้น ทำให้คนที่ใกล้จะตายนั้นได้สติ แสนจันทร์ก้มลงมองลูกสาวตอนนั้นเองที่เธอได้สติ ถึงจะไม่มีกินจนตายเธอก็ควรจะสู้เพื่อลูก ไม่ใช่ยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้ สองมือพยายามดึงเชือกให้หลุดแต่ยิ่งดิ้นเชือกก็ยิ่งรัดคอแน่น

แสนจันทร์พยายามดิ้นรนใช้เท้าเขี่ยเก้าอี้กลับมาแต่ยิ่งใช้เท้าเตะมันเท่าไรเก้าอี้นั้นก็ยิ่งห่างไปอีกจนกระทั่งล้มลงพื้นเสียงดัง

ไม่นะ เธอตายไม่ได้ในใจเธอพยายามคิดแบบนั้น แต่ลมหายใจของเธอกำลังจะหมดลงจริง ๆ ดวงตาเธอเต็มไปด้วยสีขาวโพลน ใบหน้าลูกสาวก็แทบมองไม่เห็นเริ่มหายไปจากสายตาเธอ

ลูกดาวแม่ขอโทษที่แม่คิดง่ายไป

ลูกดาวลูกจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีแม่

ช่วงจังหวะสุดท้ายที่คิดว่าตัวเองไม่รอดนั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นดวงตาเธอมองทุกอย่างเป็นสีขาวแล้ว

ส่วนคนที่ถีบประตูก็หันมองหญิงสาวที่กำลังจะผูกคอตายก็รีบวิ่งมาประคองขาเอาไว้ยกขึ้นสูง

เฮือก... ลมหายใจเข้ามาทางปอดของคนที่ใกล้หมดลมหายใจ แสนจันทร์เหมือนคนที่ตายแล้วได้เกิดใหม่

ไม่นานคนมาช่วยก็พาเธอลงมาได้สำเร็จ จากนั้นก็เรียกอีกฝ่าย

“คุณ คุณ”

แสนจันทร์มองภาพที่เริ่มชัดกลับมาเหมือนเดิม มองเห็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน จากนั้นภาพก็เลือนหายไปเพราะหมดสติไปเสียก่อน

หัสดินจึงอุ้มหญิงสาวพาขึ้นรถเก๋งของตัวเองจากนั้นก็พาไปส่งโรงพยาบาล ตอนที่ไปถึงพยาบาลหันมองเด็กน้อยที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ถาม

“ภรรยาคุณเป็นอะไรหรือคะ” จู่ ๆ ได้เมียโดยไม่ได้หา เขาไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี แต่เพื่อตัดปัญหาที่เขาไปยุ่งเรื่องข้างบ้านจึงตอบกลับไปว่า “เธอหกล้มคอไปถูกเชือกรัดคอจนเกือบตาย ดีที่ผมกลับไปบ้านทันครับ”

ถ้าบอกว่านี่เป็นเรื่องโกหกก็ว่าได้ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นเชียว แม้พยาบาลไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องช่วยคนป่วยก่อน จึงพาเธอเข้าห้องฉุกเฉินปฐมพยาบาลให้หมอตรวจไม่นานเธอก็ฟื้น

“ลูกดาว ลูกสาวฉัน” แสนจันทร์ลืมตาขึ้นมาก็ถามถึงลูกสาว พยาบาลเห็นว่าเธอฟื้นดีแล้วจึงเรียกพ่อและลูกเข้ามาด้านใน ตอนที่แสนจันทร์มองเห็นลูกน้อยถูกคนอื่นอุ้มก็ตกใจ

และตกใจยิ่งกว่าที่เขาเรียกเธอว่า “ที่รักเป็นอย่างไรบ้างหายแล้วใช่ไหมผมตกใจแทบแย่”

ฉันจะตกใจมากกว่าที่คุณพูดแบบนั้นกับฉัน จากนั้นเขาก็กะพริบตาข้างหนึ่ง ทำให้เธอหันมองพยาบาลอีกครั้ง

“ถ้าอาการดีขึ้นแล้วสามารถกลับบ้านได้เลยค่ะ โชคยังดีนะคะที่คุณพ่อพามาเอง ถ้าเป็นคนอื่นกว่าจะได้รักษาคงนานค่ะ”

ประโยคนี้ของพยาบาลทำให้เธอเข้าใจเจตนาของเขา จึงไม่พูดแก้ตัวแต่อย่างใด ให้เขาพาเธอกลับบ้าน จากนั้นพอขึ้นรถเธอก็ยกมือไหว้ทันที

“ขอบคุณที่ช่วยฉันค่ะ”

“คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ถ้าผมเข้าไปช่วยไม่ทันคุณนั่นแหละจะตายตาไม่หลับ คิดดูว่าลูกคุณจะอยู่ยังไง”

แสนจันทร์ก้มลงหอมแก้มลูกสาวด้วยความรู้สึกผิดจริง ๆ สองมือกอดเธอไว้แน่นกว่าที่เคยเป็นมา ความอบอุ่นของตัวเด็กน้อยและเสียงเต้นหัวใจของเธอทำให้เธอรู้ว่าโชคดีแค่ไหนที่เธอยังมีชีวิตอยู่

พอเห็นเธอเศร้าเขาที่คิดจะบ่นต่อก็พูดไม่ออก มองเธอร้องไห้ออกมาอีกรอบ คนเราจะมีเรื่องทุกข์ใจขนาดไหนถึงขนาดต้องฆ่าตัวตายเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ

ในเมื่อตัวเองเป็นทนายก็ควรสืบเรื่องราวให้ดีเสียก่อนที่จะตัดสินคนอื่นแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่พบกัน เขาจึงนิ่งเงียบตลอดทางปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้ออกมาให้พอ

จากนั้นเมื่อมาถึงบ้านของเธอและบ้านของเขาที่อยู่ติดกัน ด้วยความหวังดีหัสดินก็เดินไปส่งหญิงสาวถึงบ้าน พอเข้าไปถึงก็เห็นเชือกและเก้าอี้ เขาก็รีบเก็บเชือกแล้วเอาไปทิ้งถังขยะหน้าบ้านทันที

เด็กน้อยง่วงจนหลับไปแล้ว แสนจันทร์จึงพาเด็กน้อยเข้าไปนอนในห้องด้านในที่มีเพียงแค่ฟูกบางเท่านั้น คนอยากรู้อยากเห็นก็ชะโงกมองรอบห้องด้านใน

“แล้วสามีคุณไปไหน?”

“ไม่มี” เสียงหญิงสาวตอบรับแบบเสียงแข็ง เหมือนไม่พอใจที่เขาถามถึงสามีที่เคยอยู่ในชีวิตเธอมาก่อน

คนที่กำลังสืบก็ถอยออกมาด้านนอก หันมองรอบบ้านพบเพียงเสื่อน้ำมันกับเก้าอี้ที่เธอใช้ฆ่าตัวตาย หันมองกระป๋องนมที่กำลังตกหล่นอยู่ ก่อนจะพบข้าวต้มในถ้วยที่ยังเหลือทิ้งเอาไว้

ถ้าหนักกว่านี้ก็คงกินดินไปแล้วเขาคิดแบบนั้น จึงล้วงกระเป๋าเงินตัวเองขึ้นมาแล้วส่งให้อีกฝ่าย

“เงินนี้ไว้ซื้อนมกับข้าว”

แสนจันทร์มองแบงก์เทาที่เขาส่งให้ก็ส่ายหน้า “ฉันรับไว้ไม่ได้”

จะตายอยู่แล้วยังจะเรื่องมากอีก หัสดินไม่เข้าใจความคิดอีกฝ่ายเท่าไร “ผมเองก็มีไม่มากเท่าไร เพราะพึ่งทำงานเป็นทนายได้แค่สองเดือน แต่เงินนี้ก็คงทำให้คุณไม่คิดฆ่าตัวตาย”

แสนจันทร์มองเงินตรงหน้า ใช่เวลาที่จะมานึกถึงบุญคุณศักดิ์ศรีก็ใช่เหตุ จึงยอมรับเงินดังกล่าวแต่

“ฉันไม่รับเงินเปล่า ๆ ค่ะ ให้ฉันทำความสะอาดบ้านคุณแทนได้ไหม”

หัสดินมองคนตรงหน้า เขาที่พึ่งเป็นทนายเป็นแค่พนักงานของบริษัทว่าความไม่ใช่เจ้าของบริษัทเสียหน่อย เงินจากทนายและเงินรอบนอกก็แค่หมื่นกว่า ๆ

ตอนนี้เหมือนเอาขาไปหาภาระที่ไม่ใช่ของตนก็รู้สึกเสียเปรียบชอบกล แต่ก็ “ถ้าไม่ได้ฉันไม่ขอรับเงินนี้ค่ะ”

เธอคิดแล้วว่าเดี๋ยวจะลองหาเงินด้วยวิธีอื่น ส่วนเขาก็เหมือนคนถูกใครปฏิเสธแล้วหงุดหงิดโดยเฉพาะคนที่พึ่งช่วยชีวิตไป

มือเขาจับมือเธอแล้วยัดเงินใส่มือ “ทำความสะอาดแค่สัปดาห์ละสองวัน เสาร์กับอาทิตย์ พรุ่งนี้ยังไม่ต้องค่อยทำอาทิตย์ทีเดียว ไว้วันทำงานผมจะบอกว่าอะไรตรงไหนห้ามแตะเข้าใจไหม”

แสนจันทร์พยักหน้ามองแบงก์สีเทาตรงหน้าก็คิดว่าจะเอามันไปเสียค่าเช่าสักเดือนหนึ่งก่อน ส่วนเงินไว้กินข้าวคงต้องไปขอหลวงตาก่อน

“อะอื้ม” เสียงในลำคอคนตรงประตูทำให้พวกเราหันมอง

“ได้เงินแล้วก็เอามาจ่ายค่าเช่า” สองมือเจ้าของบ้านเดินมาแล้วดึงแบงก์สีเทาลอยไปต่อหน้าจากนั้นก็บ่นต่อ

“พันเดียว เธอค้างค่าเช่าฉันสามเดือนนะ ถ้าไม่เพราะหลวงตาช่วยฉันจะไม่ยอมลดค่าเช่าให้หรอก อะไรเนื้อไม่ได้กินยังต้องเอากระดูกมาแขวนคออีก เด็ก ๆ ขนของออกไปให้หมด”

“เดี๋ยวสิป้า ป้าไล่พวกเธอออกจากบ้านกลางดึกแบบนี้แล้วพวกเธอจะไปอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่ไหนก็เรื่องของเธอไม่เกี่ยวกับฉัน” แสนจันทร์มองคนที่กำลังขนของเธอออกไป สายตามองพวกเขาที่กำลังจะตรงไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวของเธอ หญิงสาวก็รีบเข้าไปขวางทาง

“ฉันยอมออกแล้วป้าแต่ขอเวลาคืนนี้อีกคืน พรุ่งนี้ฉันจะไป”

ป้ารวยหันมองสีหน้าหญิงสาว ใจเธอก็ไม่อยากจะทำเท่าไร แต่เพราะว่าตัวเองก็ต้องกินต้องใช้จึงต้องหาคนเช่าใหม่ที่ได้ราคาสูงกว่ามาแทน

“ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้ถ้าฉันเห็นยังอยู่ถึงตอนนี้ข้าวของพวกนี้ฉันก็จะยึดให้หมด เสียเวลาทำมาหากินจริง ๆ”

พูดจบก็ออกจากห้องไป เหลือเพียงเธอและเขากับเด็กน้อยที่ยังนอนหลับสนิท แสนจันทร์ทรุดลงพื้นอีกครั้งรอบนี้เธอจนหนทางจริง ๆ

ส่วนเขาที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนแต่แรกก็อดยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่ได้ “ขนของไปไว้ที่บ้านผมก่อน ไว้ค่อยคิดอีกรอบว่าจะไปพักที่ไหน”

อย่างไรพรุ่งนี้เขาก็ไม่อาจทนเห็นหญิงสาวไม่มีที่อยู่ สรุปสุดท้ายที่คนเขาบอกว่า การช่วยเหลือคนได้บุญกุศล สำหรับเขาแล้วตอนนี้การช่วยเหลือคนกลับได้ความทุกข์มาเพิ่มมากกว่า

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ