Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
13.6K
ชม
113
บท

หลังยุคทุนนิยมล่มสลาย โลกเปลี่ยนแปลงไปไม่เหลือเค้าเดิม สามชนชั้นถือกำเนิดขึ้นใหม่ ‘นาย’ ‘ไท’ และ ‘ทาส’ เมื่อไม่สามารถเอาตัวรอดได้ในสังคมอันโหดร้าย ผู้คนจึงจำหน่ายตัวเองเป็นทาสเข้าสังกัดนาย ‘ทวิช’ เป็นหนึ่งในผลพวงนั้น เด็กหนุ่มถูกจำหน่ายเข้าเป็นทาสในสังกัดของ ‘เวหา จันทรานิรันดร์’ และนั่นคือการจำหน่ายครั้งสุดท้ายในความเป็นทาสเพราะทวิชหมายมั่นปั้นมือว่าเมื่ออายุครบยี่สิบ เขาจะใช้ชีวิตของเขาเพื่อไถ่ตัวเองเป็นไท ความแน่วแน่และบ้าบิ่นของเด็กหนุ่มทำให้เวหาซึ่งไม่เคยรู้ว่ามีทาสใจกล้าอยู่ในสังกัดอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ ความสนุกจากการได้เห็นทวิชเล่นกับชีวิตของตนเองแปรเปลี่ยนไปเมื่อเวหาค้นพบว่าทวิชไม่เหมือนกับทาสทั่วๆ ไป รู้ตัวอีกที…ก็ตกหลุมรักทาสของตนไปแล้ว หากแต่ทวิชคือลูกนกที่สยายปีกแผ่กว้างเตรียมออกบิน ท้องฟ้าอย่างเขาจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้หัวใจของนกตัวนั้นมาโบยบินอยู่ข้างกายเขาสิ่งของมีค่าเท่าไรถึงจะมากพอที่จะซื้ออิสระของเด็กหนุ่มได้… เป็นเรื่องที่เวหาคิดไม่ตกเสียเหลือเกิน…

บทที่ 1 ทาส(และ)นาย

หลังเศรษฐกิจยุคทุนนิยมล่มสลาย ระบบใหม่ก็เข้ามาแทนที่พร้อมกับชนชั้นทั้งสามที่ถือกำเนิด

นาย...ไท...และทาส

ระบบการปกครองที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอดในสังคมอันโหดร้าย

ธรรมชาติคัดสรรให้ผู้ที่แข็งแกร่งอยู่เหนือผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างนั้นหรือ?

คนพวกนั้นก็คือพวกชนชั้น ‘นาย’ อย่างไรล่ะ พวกที่แข็งแกร่งรองลงมา ถึงจะไม่มีอำนาจอยู่ในมือแต่สามารถดูแลจตัวเองได้ พวกนั้นจึงเป็น ‘ไท’ แต่สำหรับ ‘ทวิช’ ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากบิดามารดา เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้อ่อนแอ

ไม่สิ...ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่คิด คนอื่นๆ เองก็คิด เพราะชนชั้นของเขาบ่งบอกความอ่อนแอและล้มเหลวของต้นตระกูลตนอย่างชัดเจน

‘ทาส’…

ทวิชผูกติดกับคำนี้มาตั้งแต่ที่เขายังไม่ออกจากครรภ์ของมารดาด้วยซ้ำ

ทาส...ไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้

ทาส...จำต้องมีนายและเข้าสังกัดเพื่อให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าปกป้อง หากไม่มีนายแล้ว ทาสก็ไม่ต่างอะไรจากเศษขยะ ถูกทำร้ายหรือตายไปสักคน ก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เพราะชีวิตมีค่าน้อยยิ่งกว่าตั๋วเบี้ย1ที่ค่าต่ำที่สุดเสียอีก

เขาถูกจำหน่ายเข้าสังกัดนายหลายต่อหลายคน การพลัดพรากจากครอบครัวไม่จบไม่สิ้นทำเอาเขาลืมไปแล้วว่าพ่อแม่ของตนหน้าตาเป็นอย่างไร มีชีวิตอยู่หรือไม่ เขาไม่รู้ทั้งนั้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วเมื่อทาสอย่างเขาต้องมีลมหายใจอยู่เพื่อภักดีกับนาย

ทว่า...มันจะไม่ใช่เมื่อเขาอายุครบยี่สิบปี

เป็นเกณฑ์อายุที่ทาสอย่างเขาจะขอนายปลดแอกจากความเป็นทาสเพื่อเป็นไทได้

หากแต่ตอนนี้ทวิชมีอายุเพียงสิบเก้า เขาต้องรออีกหนึ่งปีเพื่อให้ถึงวันนั้น

“เอ้า ว่าไงไอ้วิช มึงอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด รีบบอกไป คุณเขาจะได้เอาไปบอกคุณท่าน”

คุณท่าน...คือสรรพนามเรียกแทนตัวผู้เป็นนายของทาสทุกชีวิตที่นั่งอยู่ตรงนี้ รวมถึงพวกไทที่มาทำงานให้ด้วย ทวิชเหลือบไปมองหน้าชายหนุ่มในชุดสูทที่ทางด้านหลัง รอให้หัวหน้าทาสจดของขวัญวันเกิดที่ทาสที่เกิดในเดือนนี้อย่างเงียบเชียบ โดยปกติแล้วไม่มีนายคนไหนหรอกที่จะมอบของขวัญวันเกิดให้ทาสอย่างนี้ พวกเขาถือคติว่าพวกทาสคือชนชั้นล่างที่ไม่ควรลงไปเกลือกกลั้วหรือใส่ใจ เว้นเสียก็แต่ทาสในสังกัด ‘จันทรานิรันดร์’ ที่มีธรรมเนียมนี้มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ

ทาสทุกคนมีความสำคัญ เป็นแรงงาน เป็นแขนเป็นขา อีกนัยหนึ่ง การมอบของขวัญให้เช่นนี้ก็คือการซื้อใจเพื่อให้ทาสยอมภักดี ไม่อาจหาญขอปลดแอกตัวเองเป็นไท

ทวิชยังคงนึกไม่ออกว่าอยากจะได้อะไรเป็นพิเศษในวันเกิดตัวเอง นั่งนิ่ง เม้มริมฝีปากขบคิดกระทั่งหัวหน้าทาสร้องถามมาอีก

“มึงจะบอกได้หรือยัง หรือของที่มึงอยากได้มีมากจนคิดไม่ตกวะ”

เสียงหัวเราะของบรรดาทาสที่มีวันเกิดในเดือนเดียวกันดังขึ้นขรม แต่ทวิชไม่ได้อยากได้สิ่งของมีค่าใดๆ เลย จึงทำให้เขาเงียบงันอยู่อย่างนี้ เพราะของที่มีค่าสำหรับเขาตอนนี้ก็คือ...

“จะบอกไม่บอก ถ้าไม่บอก กูเอาใบรายชื่อไปให้เขาแล้วนะ”

“คือผม...”

ทวิชหมายจะบอกส่งเดชไปให้เรื่องมันจบๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดต่อ ก็มีเสียงร้องโอดโอยดังขึ้นจากไม่ไกล เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นเสียงจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกพวกไทลากออกมาจากทางด้านหลังของอาคารที่เรียกว่า ‘สังเวียน’

ร่างที่โชกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ใบหน้าบวมปูดและแขนขาที่บิดเบี้ยวผิดรูป ทำให้บรรดาทาสที่เห็นภาพนั้นพากันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ด้วยรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับทาสคนนั้นคืออะไร

ทาสคนนั้น...ขอปลดแอกตัวเองเป็นไท

การขอปลดแอกแม้จะทำได้เมื่ออายุครบยี่สิบปี แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้โดยง่ายเพราะพวกนายทั้งหลายถือว่าการขอปลดแอกคือการกบฏ

...กบฏย่อมต้องถูกลงโทษ

หากแต่ไม่ใช่การลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ แต่เป็นการบีบบังคับให้ทาสต้องใช้ชีวิตของตัวเองแลกกับอิสระที่โหยหา ทั้งหมดนั้นก็เพื่อทำให้พวกทาสไม่กล้าที่จะคิดตีตัวจากไป ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าทาสที่นั่งหน้าสลอนอยู่ตรงนี้ไม่มีใครสักคนที่กล้าจะเอ่ยปากขอปลดแอก มิหนำซ้ำยังพากันบริภาษทาสผู้น่าสงสารคนนั้นอย่างพร้อมเพรียงอีกด้วย

“อยู่ในสังกัดดีอยู่แล้วแท้ๆ หาเรื่องใส่ตัว คงจะไม่ไหวล่ะสิ”

“ก็แน่ล่ะ ใครมันจะไปไหว นักสู้พวกนั้นไม่ใช่ทาสเหมือนพวกเรา เป็นพวกที่ถูกฝึกมาเพื่อคุมทาส ไม่ตายก็บุญหัวแล้ว”

“แต่มันก็สมควรตาย ตายให้กับความโง่ของมันนั่นแหละ แต่คุณท่านคงไม่ปล่อยให้มันตายหรอก พามันไปรักษาอยู่ดี เนี่ย มีนายที่ไหนบ้างที่แสนดีเหมือนสังกัดนี้ อยู่ดีไม่ว่าดี เจ็บปากตายแบบนี้ก็สมน้ำหน้ามันแล้ว”

ต่างคนต่างก่นด่า ทวิชก้มหน้าลง ครุ่นคิดอะไรบางอย่างด้วยความเงียบงัน

การเป็นไทต้องแลกด้วยชีวิต...

สิ่งนั้นทำให้เขาหวาดกลัวเสียจนสั่นสะท้าน

แต่...กลิ่นของความอิสระมันช่างหอมหวนเหลือเกิน

ต่อให้ต้องหมดลมหายใจ ถึงอย่างนั้นทวิชก็ยังอยากได้มันมาอยู่ในมือ เขาคิดวกวนอยู่แต่เรื่องนี้ ก่อนที่จะได้สติอีกครั้งเมื่อถูกหัวหน้าทาสถามอีกครั้ง

“ว่าไง ตกลงคิดได้หรือยังว่ามึงอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด”

ทวิชคิดว่าเขานึกออกแล้ว

“ผม....” พูดพลางสูดหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะบอกออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมอยากขอปลดแอกตัวเองจากการเป็นทาสครับ”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ หนูแดง หนูแดงตัวน้อย

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ