อาภรณ์พิษ ทรราชหลงรัก
เจ็บแต่ไม่ยอมปล่อยมือ
ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย
ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง
เมียผมน่ารักจัง
เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ
โชคชะตาของพระชายา
ผู้บัญชาการรักซ้อนแค้น
รักใหม่พันล้าน
คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว
ครืด ๆ...
เสียงมือถือสั่นขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้อง ซูจิ้งสะลึมสะลือพลันเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมา เมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใคร เธอก็กดรับอย่างไม่ลังเล
เธอเกรงว่าหากไม่รีบรับสาย สายอาจจะตัดไป
“ฮัลโหลค่ะ” เธอตื่นเต้นจนพูดจาตะกุกตะกัก
เมื่อใดก็ตามหากเธอต้องรับสายนี้ เธอมักจะประหม่าอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าปลายสายจะมองไม่เห็นเธอ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นสางผม
“วันนี้ผมจะกลับบ้าน” เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังมาจากปลายสาย
หัวใจของซูจิ้งเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอเอ่ยถาม “แล้วคุณอยากให้ฉันทำอะไรให้ไหม? คุณอยากทานอะไร? หรืออยากให้ฉันเตรียมอะไร...”
“ไม่ต้อง” เขาพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ราวกับปลายสายไม่ใช่ภรรยาของตน
เขาเป็นสามีของเธอ แต่เพราะเขามีท่าทีเยี่ยงนี้กับเธอแต่แรก เธอเลยชินซะแล้ว
“ซีเจว๋...” ซูจิ้งเอามือกุ้มที่หน้าท้องของเธอ เธอกัดริมฝีปากล่างเบาๆแล้วตัดสินใจที่จะบอกข่าวนี้กับเขา “ฉัน ฉันอาจจะ...”
“ผมต้องไปแล้ว”
เขาตัดสายอย่างกะทันหัน
ซูจิ้งจับมือถือไว้ ยิ้มอย่างหม่นหมอง พลันเอ่ยประโยคที่ค้างไว้ออกมา “ฉันอาจจะท้อง”
ซูจิ้งและซีเจว๋ แต่งงานกันมาได้สามปีแล้ว เธออาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา ในขณะที่เขาใช้ชีวิตตามลำพังในหวาถิง วิลล่า ช่วงสามปีของชีวิตคู่ พวกเขาเคยนอนด้วยกันเพียงหนเดียว คือเมื่อช่วงเดือนกว่าๆที่ผ่านมา คืนนั้นเขากลับมานอนที่บ้านตระกูลหยง ไม่ได้กลับวิลล่าของตน เรื่องคืนนั้นซูจิ้งรู้อยู่เต็มอก เขาอาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากเธอเริ่มรู้ตัวว่าเป็นเสมือนส่วนเกินของบ้าน แต่เธอกับพบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์
แต่เธอก็ยังลังเลที่จะบอกเรื่องนี้กับสามี เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาจะมีท่าทียังไง
เธอส่ายหัว และบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องนี้ สุดท้ายไม่ว่าซีเจว๋จะปฏิบัติกับเธอยังไงก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็ทำให้ความฝันในวัยเด็กของเธอเป็นจริง นั่นคือการที่เธอได้แต่งงานกับเขา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้ว
ซูจิ้งลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินลงไปยังชั้นล่าง เพื่อเตรียมอาหารเช้า แม้จะยังเช้าเกินไปที่จะเตรียมอาหารเช้าในตอนนี้ แต่เธอเกรงว่าสามีจะกลับมาถึงก่อน หากเธอไม่รีบเตรียมอาหารเช้าไว้ อาจทำให้สามีของเธอต้องนั่งรอ
ซูจิ้งง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารในครัวกว่าสองชั่วโมง เธอเฝ้ามองจนสมาชิกทุกคนในตระกูลหยงออกไปข้างนอกกันหมดแล้ว แต่สามีของเธอก็ยังไม่กลับมา
เธอไม่ต้องการให้ตัวเองว่าง เธอยุ่งอยู่กับการทำงานบ้านที่ชั้นล่างทั้งวัน พอตกค่ำเธอก็จัดโต๊ะอาหาร พร้อมชำเลืองมองไปยังประตูเป็นพัก ๆ
“ซูจิ้ง ทำไมมัวแต่มองไปที่ประตู? ซีเจว๋จะกลับบ้านงั้นเหรอ” ถาวหยัน เหลือบมองซูจิ้งด้วยความสงสัย ขณะนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น
“ค่ะ”
ถาวหยันไม่พอใจกับคำตอบแบบขอไปทีของเธอ “เธอนี่มันไร้มารยาทจริง ๆ ไม่รู้เหรอว่า จะต้องพูดกับฉันยังไง ถึงฉันจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของซีเจว๋ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะมาพูดจาห้วนๆแบบนี้กับฉัน?”
ซูจิ้งไม่ได้ตอบโต้ เธอเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดโต๊ะต่อไป ในช่วงสามปีมานี้ หลังจากที่เธอแต่งเข้าตระกูลหยง ถาวหยันเป็นคนที่เธอต้องรับมือด้วยมากที่สุด นานวันเข้าเธอก็เริ่มเรียนรู้ว่า หากถาวหยันต้องการหาเรื่องเธอ การนิ่งเงียบคือทางออกที่ดีที่สุด เมื่อถาวหยันด่าทอเธอจนพอใจ ถาวหยันก็จะหยุดไปเอง แต่ถ้าเธอตอบโต้ ถาวหยันก็จะสรรหาเรื่องราวมาด่าทอเธอไม่จบไม่สิ้น
“นี่ฉันกำลังคุยกับเธออยู่นะ เป็นใบ้รึไง?” ทันทีที่ถาวหยันเห็นว่าซูจิ้งไม่สนใจเธอ ถาวหยันเลยขึ้นเสียงใส่เธอ
“เธอแต่งงานมาก็ตั้งสามปีแล้ว แต่ซีเจว๋ไม่ค่อยกลับมาที่บ้านหลังนี้เลย ไม่ส่องกระจกมองดูสารรูปตัวเองบ้างเหรอ” ถาวหยันเดินเข้าไปหาซูจิ้ง และมองเธอด้วยสายตาดูแคลนตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธอมันไม่ได้เรื่อง เธอคิดเหรอว่าหากไม่ใช่เพราะซีเจว๋ต้องการพึ่งบารมีของครอบครัวเธอ ซีเจว๋จะแต่งงานกับเธอ”
ซูจิ้งกำหมัดแน่น เพื่อระงับความโกรธของตนเอง และไม่คิดใส่ใจกับคำพูดของถาวหยัน
เหล่าคนใช้ในห้องต่างก็มองซูจิ้งด้วยความเห็นใจ แต่ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย