“ศาลขอพิพากษาตัดสินโทษจำเลยโดยให้จำคุกตลอดชีวิตในความผิดฐานฉ้อโกงและเป็นผู้บงการสังหารพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้”
“พ่อ...พ่อขา...พ่อ!!”
เสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจ ปลุกให้ นางสาวปรางอินท์ กรกรัณฑ์รัตน์ สะดุ้งตื่น เมื่อเห็นบุคคลที่นอนใกล้ๆ กำลังดิ้นทุรนทุราย หญิงสาวจึงเอื้อมมือไปเขย่า เพื่อปลุกให้ผู้เป็นพี่สาวตื่นจากฝันร้าย
“พี่...พี่ดาว พี่ดาว”
นางสาวดาราวดี กรกรัณฑ์รัตน์ ทะลึ่งตัวจากที่นอนในสภาพที่เหงื่อโทรมกาย เธอยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดพลายบนใบหน้า ก่อนจะซุกหน้ากับสองฝ่ามือ เธอมักจะฝันแบบนี้มาตลอด ตั้งแต่อายุสิบห้า ความฝันและความจริงอันเลวร้ายตามหลอกหลอนเธอไม่จบไม่สิ้นนับแต่วันนั้น วันที่เธอต้องสูญเสียบิดาผู้ให้กำเนิด สังคมกล่าวหาและตัดสินโทษของท่าน ทั้งที่ในความจริงแล้ว นายอาทิตย์ รุ่งรัตน์เกรียงไกร ไม่ได้ทำความผิดอันใดเลยแม้แต่น้อย แต่เนื่องด้วยพยานหลักฐานไม่เพียงพอทำให้พ่อของเธอแพ้คดีและถูกตัดสินโทษ
ดวงตาคู่สวยของหญิงสาววาวโรจน์ขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ พ่อไม่ได้เพียงแพ้คดีแต่ท่านยังถูกฆ่าตายในคุก แล้วปีต่อมาแม่ของพวกเธอ นางดาริกา รุ่งรัตน์เกรียงไกร ก็ตรอมใจตายตามไปอีกคน ดาราวดียังจำได้ดีถึงสีหน้าและแววตาของคนพวกนั้น คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของพ่อ ความเจ็บแค้นอย่างหาที่สุดมิได้ได้ฝังลงในจิตใจของหญิงสาวตั้งแต่วันนั้น คนพวกนั้นจะต้องชดใช้...
“พี่ดาวฝันร้ายอีกแล้ว”
ปรางอินท์พูดเสียงแผ่ว ใบหน้างดงามหากแต่อ่อนวัยกว่าหม่นหมองเลย เธอรู้ดีว่าอะไรที่ทำให้พี่สาวที่น่ารักของเธอต้องเป็นแบบนี้ เหตุการณ์ร้ายๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อน
“ยายปราง”
ดาราวดีสวมกอดน้องสาวเพียงคนเดียวที่นั่งข้างๆ บนเตียงนอนด้วยความรักพลางส่งยิ้มเนือยๆ ให้ เสียงทอดถอนหายใจอันหนักหน่วงตามมาด้วยมืออบอุ่นที่ลูบผมสลวยด้วยความรักและห่วงใย
“ปรางอยากให้พี่ดาวลืมเรื่องพวกนี้ไปเสียนะคะ ยังไงซะเรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว” น้องสาววัยยี่สิบห้าบอกเสียงแผ่ว
“ไม่...ยายปราง คนพวกนั้นมันจะต้องชดใช้ที่ทำกับครอบครัวเราแบบนี้” เสียงหวานแข็งขึ้น เมื่อดวงหน้าคมสวยเงยขึ้นมองสบตากับน้องสาว
“พี่จะไม่ยอมให้คนพวกนั้นมีความสุข ตราบใดที่พวกเขากำลังเหยียบย่ำอยู่บนความทุกข์ของเรา เธอลืมไปแล้วรึไง เราสองคนต้องกลายเป็นเด็กบ้านแตกสาแหรกขาด ขาดพ่อขาดแม่ ไร้ญาติขาดมิตร”
“ปรางไม่เคยลืมค่ะ แต่ความแค้นมันกำลังทำให้พี่ดาวเป็นทุกข์ ปรางสงสารพี่” ปรางอินท์บอกเสียงแผ่ว