วิวาห์พรางรัก
ตอนที่ 3
คุณผู้หญิงของบ้าน
รถลีมูซีนคันหรูแล่นไปตามทางช้าๆ ดวงตาคู่หวานมองทิวทัศน์สองข้างทางเงียบๆ โดยมีสุภาพบุรุษที่ทำหน้าที่ไปรับเธอที่สนามบินแนะนำสถานที่ที่ทั้งสองกำลังจะไป
“เรากำลังจะถึงอาณาจักรของท่านแล้วครับ คุณนายแฮมมิลตัน” สตีเฟ่นเอ่ยอย่างภาคภูมิใจเมื่อรถแล่นเข้าผ่านประตูรั้ว เฟื่องฟ้ายิ้มท่าทางสงบนิ่งไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นหรือดีใจออกมา
“คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่า คุณเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก” สตีเฟ่นหันมาชวนคุยด้วยรอยยิ้ม เขายอมรับว่าเฟื่องฟ้าเหมาะสมกับเจ้านายเป็นอย่างยิ่ง แค่คิดว่าทั้งคู่ยืนเคียงข้างกัน ต่างก็สวยหล่อลงตัวกันเหมาะเจาะ คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
“คุณกำลังจีบฉันอยู่หรือคะ” เฟื่องฟ้าหัวเราะเบาๆ เธอรู้ว่าเขาชมจากใจไม่มีอะไรแอบแฝง และรู้สึกชื่นชอบในอัธยาศัยอันดีงามของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
“ผมไม่กล้าแม้แต่จะคิด ที่สำคัญท่านดุจะตาย” สตีเฟ่นหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยต่อว่า
“ถ้าท่านรู้ว่าคุณมาถึงแล้วคงดีใจมาก ผมเชื่อว่าคุณจะทำให้ท่านมีความสุขนับจากนี้”
“คุณแฮมมิลตันเป็นคนอย่างไรคะ” เฟื่องฟ้าถามถึงคนที่กำลังถูกพูดถึง สตีเฟ่นนิ่งไปเล็กน้อยรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมเธอถึงถามหาคนที่เป็นสามีราวกับไม่รู้จักกันมาก่อน
“ฉันถามจริงๆ ค่ะ คุณแฮมมิลตันเป็นคนอย่างไรคะ คุณบอกว่าเขาดุแล้วมีอะไรอีกไหมที่ฉันต้องรู้” เฟื่องฟ้าถามตรงไปตรงมา
อย่างน้อยตอนนี้เธอก็มีชีวิตผูกติดกับสามีตามทะเบียนสมรสแล้วครึ่งหนึ่ง ก็ควรรู้บ้างว่าอีกฝ่ายมีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร หรือมีอะไรที่ไม่ควรทำให้เขาไม่พอใจบ้าง
“ผมว่าคุณผู้หญิงน่าจะรู้ดีกว่าใครนะครับ” สตีเฟ่นแกล้งสบตาคนถาม
“ฉันถามจริงๆ ค่ะ ช่วยบอกทีว่าเขาเป็นอย่างไร” เฟื่องฟ้าไม่ได้ถามเล่นๆ แต่ต้องการอยากรู้จริงๆ
“คุณนี่มีอารมณ์ขันตลอดเวลาจริงๆ มิน่าคุณท่านจึงแต่งงานกับคุณ” สตีเฟ่นยังเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดเล่น
“ฟังฉันนะคะ ฉันไม่เคยพบเขามาก่อน ดังนั้นฉันถึงอยากรู้ว่าเขานิสัยใจคอเป็นอย่างไร และมีอะไรที่ฉันไม่ควรทำให้เขาโกรธ” เฟื่องฟ้าลดเสียงลงให้ได้ยินกันสองคน
“คุณล้อเล่นหรือเปล่าครับ” คราวนี้สตีเฟ่นเริ่มเชื่อแล้วว่ามันคือเรื่องจริง
โอ้พระเจ้า นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว เขาเข้าใจมาตลอดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคือคนรักที่ไม่เปิดเผยตัวของเจ้านาย และพวกเขาถูกอบรมมาว่าเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงานนั้นไม่ควรวุ่นวาย เพราะท่านไม่ชอบให้ใครยุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัว
“ฉันพูดจริงค่ะ” หญิงสาวยืนยันอย่างหนักแน่น
“ผมคิดว่าเราควรหยุดพูดเรื่องนี้กันดีกว่านะครับ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณกับท่าน” สตีเฟ่นทำท่าจะหยุดพูดและขอตัวไปนั่งข้างคนขับแทน
“ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่สะดวกจะตอบ ฉันก็จะไม่ถามแล้ว อีกไกลไหมคะกว่าจะถึงที่หมาย(” เฟื่องฟ้าแอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อไม่ได้รับคำตอบและเปลี่ยนการสนทนาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดใจ
“อีกประมาณสองกิโลก็จะถึงประตูรั้วชั้นที่สองของแฮมมิลตันแล้วครับคุณนาย” สตีเฟ่นเอ่ย
“ที่นี่กว้างใหญ่มากเลยนะคะ” เฟื่องฟ้าหันไปมองรอบๆ ด้วยความสนใจ
“จะเรียกว่าพระราชวังเลยก็ได้ครับ” น้ำเสียงคนพูดแสดงความภาคภูมิใจทุกครั้งที่เอ่ยถึง ‘ท่าน’
ลูกน้องทุกคนชื่นชมความสามารถในการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ของนายเป็นอย่างยิ่ง เทรย์เวอร์ ตรัย แฮมมิลตัน เป็นผู้ชายที่เก่งและน่ากลัวสำหรับคู่แข่งทางธุรกิจ แต่ก็เป็นเจ้านายที่ดูแลเอาใจใส่ลูกน้องเป็นอย่างดีเลยทีเดียว ใครที่ทำงานกับแฮมมิลตันกรุ๊ปถือว่าได้โชคสองชั้น
“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าอาณาจักรแฮมมิลตันจะเป็นเมืองลับแลขนาดนี้” เฟื่องฟ้าชวนคุยให้สนุก
“ไม่ใช่เมืองลับแลหรอกครับ เพียงแต่ว่าท่านแบ่งพื้นที่การดูแลไว้อย่างชัดเจน มีไม่กี่คนที่จะได้เข้าไปในนั้น คนที่มาติดต่องานส่วนมากจะอยู่แค่ปากทางตรงตึกหลังใหญ่ที่เราผ่านมาแล้ว ตึกที่ใหญ่ที่สุดเป็นออฟฟิศของแฮมมิลตันกรุ๊ป ด้านในสุดคือที่พักของท่านกับคุณผู้หญิง ซึ่งจะมีพ่อบ้านและแม่บ้านใหญ่คอยดูแลคุณอยู่”
รถลีมูซีนคันหรูเคลื่อนผ่านประตูไม้บานใหญ่ซึ่งสูงเสียจนมองไม่เห็นอะไรด้านนอกเลย
“รั้วนี่สูงจังเลยนะคะ” หญิงสาวเอ่ย
“ท่านต้องการความเป็นส่วนตัวครับ และขอต้อนรับสู่อาณาจักรแฮมมิลตันอย่างเป็นทางการครับ คุณผู้หญิง”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าควรจะเรียกว่าปราสาทมากกว่าบ้าน เพราะมันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คิดเอาไว้มาก ที่สำคัญทุกอย่างที่นี่สวยงามร่มรื่นน่าอยู่เหลือเกิน
“นี่คือที่พักของคุณกับท่านครับ” สตีเฟ่นเอ่ย
“แน่ใจนะคะว่าอยู่กันสองคน มันทั้งกว้างทั้งใหญ่เดินกี่วันถึงจะดูครบทุกห้องคะ” หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเรือนหอของเธอกับเขา
“ไม่ใช่แค่สองคนหรอกครับ ถัดออกไปอีกนิดจะเป็นที่อยู่ของคุณพ่อบ้านแม่บ้านและลูกสาวซึ่งอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ต้น ปกติถ้าท่านไม่อยู่ก็จะมีแต่ครอบครัวคุณพ่อบ้านแม่บ้านที่คอยดูแล ตอนนี้มีคุณผู้หญิงมาเพิ่มผมว่าพวกเขาต้องดีใจแน่”
“เหรอคะ”
เฟื่องฟ้าเองก็ไม่แน่ใจว่าคนที่นี่จะดีใจกับการมาของเธอหรือเปล่า เขาร่ำรวยมั่งคั่งมีอิทธิพลเสียขนาดนี้ ทำไมถึงได้ตอบตกลงแต่งงานกับผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอง่ายๆ ที่สำคัญเพอร์เฟกต์อย่างไร้ที่ติแล้วทำไมถึงไม่มีใครข้างกายสักคน น่าแปลกที่สุด
“ผมว่าต่อไปที่นี่ต้องเป็นบ้านที่มีความสุขมากๆ ของท่านแน่ๆ”
“คุณไม่คิดว่าฉันจะทำให้บ้านนี้วุ่นวายบ้างหรือคะ” หญิงสาวพูดทีเล่นทีจริงแล้วหัวเราะเบาๆ ทิ้งให้สตีเฟ่นงงอีกครา
“ขอบคุณมากนะคะที่ดูแลและพาฉันมาส่งที่นี่”
เฟื่องฟ้าเอ่ยคำขอบคุณสตีเฟ่นที่มาส่งและช่วยขนกระเป๋าลงจากรถให้เรียบร้อย เอาจริงๆ เธอเริ่มรู้สึกเป็นกังวลกับการต้องอยู่ที่นี่โดยไม่รู้จักใครสักคน
“ผมต้องรีบตามไปสมทบกับท่านที่แคนาดา ตอนนี้ท่านมีประชุมที่นั่นคงอีกหลายวันกว่าจะกลับ แต่คุณไม่ต้องกังวลนะครับ ทุกคนที่นี่จะดูแลคุณเป็นอย่างดี เพราะคุณคือนายหญิงของบ้าน” สตีเฟ่นเข้าใจความรู้สึกของเฟื่องฟ้าดี สักพักชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมเดินตรงมาหาเฟื่องฟ้าและโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ ผมชื่อบารอนเป็นพ่อบ้านใหญ่ของคุณแฮมมิลตัน” ชายวัยกลางคนแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะฉันชื่อเฟื่องฟ้า ยินดีที่ได้รู้จักคุณพ่อบ้านเช่นกันค่ะ” เฟื่องฟ้าส่งยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร ซึ่งท่าทีที่ไม่มีพิธีรีตองของเธอนั้น ทำให้คุณพ่อบ้านรู้สึกแปลกใจและสบายใจมากขึ้น
“ผมฝากคุณผู้หญิงด้วยครับคุณบารอน ผมต้องรีบไปแล้ว” สตีเฟ่นหันมาบอกกับบารอน ก่อนจะหันมากล่าวกับเฟื่องฟ้าอีกทีว่า
“ยินดีต้อนรับครับคุณผู้หญิง ผมคงต้องขอตัวก่อน”
“ขอบคุณมากค่ะ หวังว่าเราคงได้พบกันอีก ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ” เฟื่องฟ้ากล่าวลาด้วยรอยยิ้ม สตีเฟ่นขึ้นรถออกไปแล้ว คุณผู้หญิงของบ้านแฮมมิลตันแอบถอนหายใจเบาๆ แล้วหันมาหาบารอนที่ยืนคอยอยู่ จากนี้ไปคือเส้นทางชีวิตที่เธอต้องอยู่กับมันให้ได้สินะ เฟื่องฟ้า...
เฟื่องฟ้าใช้วิธีผูกมิตรกับบารอนด้วยการชวนคุยหลังจากที่สตีเฟ่นกลับไป
“ขอแนะนำตัวอีกครั้งนะคะ ฉันชื่อเฟื่องฟ้าเป็นภรรยาอันดับหนึ่งของท่านค่ะ” เฟื่องฟ้าแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มแล้วกระซิบเบาๆ ในประโยคเด็ดว่า
“ณ ตอนนี้นะคะ”
บารอนอมยิ้มกับอารมณ์ขันของผู้มาใหม่ เฟื่องฟ้าไม่ได้แค่สวยและมีเสน่ห์เท่านั้น แต่อัธยาศัยไมตรีมีความเป็นกันเองกับทุกคนรอบข้าง ที่สำคัญเป็นผู้หญิงอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน แต่บารอนไม่แน่ใจว่าความสวย ความมีเสน่ห์ อัธยาศัยดี และความเป็นคนอารมณ์ดีเหล่านี้ของเฟื่องฟ้า จะถูกใจเทรย์เวอร์ ตรัย แฮมมิลตันไหม เพราะท่านของบารอนได้ชื่อว่า ‘เอาใจยากที่สุด’ คนหนึ่งเลยทีเดียว
“ผมดีใจที่คุณมาเป็นนายหญิงของเรา เข้าข้างในก่อนดีกว่าครับ ผมจะแนะนำให้รู้จักกับทุกคน” บารอนเอ่ยด้วยท่าทีสุภาพและเดินนำเฟื่องฟ้าเข้าไปด้านใน
บารอนพาเธอมาที่ห้องโถงของบ้าน ระหว่างทางที่เดินมาเฟื่องฟ้าชื่นชมกับความสวยงามของสถานที่อย่างเพลิดเพลิน เธอเห็นคนยืนรอรับเกือบยี่สิบคน บารอนค่อยๆ แนะนำให้เฟื่องฟ้ารู้จักกับคนเหล่านั้น ทุกคนมีสีหน้าเรียบเฉยแม้ว่าหญิงสาวจะส่งยิ้มทักทายให้ แต่เฟื่องฟ้าก็ค่อยๆ ผูกมิตรจนหลายคนเริ่มมีรอยยิ้มปรากฏ
“ฉันเป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลังนี้ก็จริง แต่ฉันยังใหม่กับที่นี่มาก และก็ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับที่นี่นัก ฉันหวังว่าทุกคนคงจะให้คำแนะนำที่ดีกับฉัน และได้โปรดอย่าคิดว่าฉันเป็นคุณผู้หญิงเลยนะ คิดว่าเราเป็นเพื่อนดีกว่า” คำพูดของเธอทำให้หลายคนหายเกร็งและบางคนก็ยิ้มออกมาได้
“คุณผู้หญิง เด็กคนนี้ชื่อลินดาเป็นหลานสาวของผม เธอมีหน้าที่ดูแลคุณผู้หญิงโดยเฉพาะครับ” บารอนจูงมือ ลินดามาหยุดตรงหน้า
เฟื่องฟ้ามองแล้วยิ้มเอ็นดูเดาว่าน่าจะอายุไม่เกินสิบแปดปี เด็กสาวยิ้มให้คุณผู้หญิงของบ้านอย่างกล้าๆ กลัวๆ เฟื่องฟ้าจับมือของเด็กสาวมากุมไว้เพื่อแสดงความเป็นมิตร
“ต่อไปฉันคงต้องพึ่งหนูแล้วนะ” ท่าทีที่เป็นมิตรของเฟื่องฟ้าทำให้ลินดายิ้มออก และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว
หลังจากพักผ่อนและเก็บข้าวของเข้าที่เข้าทางแล้ว นายหญิงของแฮมมิลตันก็เริ่มเดินสำรวจรอบบ้านทันที บริเวณสวนด้านหลังมีกรงนกขนาดใหญ่และมีนกสวยงามอยู่หลายชนิด หญิงสาวเดินมาหยุดใกล้กรงและมองพวกมันด้วยความสนใจ สักพักเสียงร้องของบรรดานกก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้กรง
“สวัสดี ฉันเพิ่งมาใหม่ หวังว่าเราคงเป็นเพื่อนกันได้นะ” เฟื่องฟ้าทักทายนกเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม หวังว่ามันจะเข้าใจสิ่งที่ตนพูด
“นกพวกนี้มีคนเอามาให้ท่านค่ะ ส่วนนกที่ท่านรักมากที่สุดอยู่กรงโน้นค่ะ คุณผู้หญิง” ลินดาพาเฟื่องฟ้ามาหยุดตรงหน้ากรงนกอินทรีย์หัวขาว ท่าทางมันดูสง่างามน่าเกรงขาม
“นกตัวนี้ชื่อฮีโร่ค่ะ คุณท่านชอบมันมาก มันยอมให้คุณท่านจับอยู่คนเดียวเท่านั้น คนอื่นเข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้ เมื่อไม่นานมานี้มันทำท่าจะทำร้ายคุณสตีเฟ่น เพราะเขาพยายามเดินเข้าไปใกล้กรงของมัน แต่พอคุณผู้ชายดุเท่านั้นมันก็หยุด” ลินดาเล่าวีรกรรมของเจ้านกที่ชื่อฮีโร่ให้ฟังอย่างละเอียด
“ท่าทางมันเหมือนไม่ค่อยชอบฉัน ดูมันจ้องสิท่าทางเอาเรื่อง” เฟื่องฟ้าฟังวีรกรรมของเจ้าฮีโร่แล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
“คุณผู้หญิงต้องระวังหน่อยนะคะ อย่าเข้าไปใกล้กรงมันมาก เคยมีคนงานพยายามจะจับมัน และโดนมันฝังกรงเล็บที่ไหล่ด้วยค่ะ” ลินดาเตือนด้วยความห่วงใย
“ขอบใจจ้ะ”
เฟื่องฟ้าพักเรื่องนกไว้แค่นี้ก่อน ไว้วันหลังค่อยมาทำความคุ้นเคยกันใหม่
“ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ลินดา” เฟื่องฟ้าเปลี่ยนเรื่องคุย
“สิบแปดค่ะ”
“แล้วไม่ต้องไปเรียนหนังสือหรือจ๊ะ”
“เรียนค่ะ หนูเรียนที่มหาวิทยาลัยในเมืองแต่ตอนนี้ปิดเทอม พอเปิดเทอมหนูก็ต้องกลับไปเรียนเหมือนเดิม แต่คุณผู้หญิงไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะหนูไปเช้าเย็นกลับค่ะ” เด็กสาวรีบบอกเพราะเกรงว่าเฟื่องฟ้าอาจไม่พอใจที่ทำงานให้ไม่เต็มเวลา
“ฉันไม่ห่วงเรื่องนั้นเลย ความจริงแล้วฉันอยากให้ลินดาเรียนเต็มที่ไปอย่างเดียวเลยด้วยซ้ำ ไว้ฉันจะคุยกับท่านให้ แล้วพอว่างลินดาค่อยมาหาฉันก็ได้ บอกแล้วไงว่าเราไม่ได้เป็นนายจ้างกับลูกจ้างแต่เราเป็นเพื่อนกัน ฉันดีใจนะที่มีลินดาเป็นเพื่อน”
“เพื่อนหรือคะ” เด็กสาวทวนคำอย่างประหลาดใจ เงยหน้าขึ้นสบตาเฟื่องฟ้า
“ใช่ ฉันถือว่าลินดาเป็นเพื่อนหรืออยากเป็นอย่างอื่น มีตัวเลือกให้เลือกสองทาง ทางแรกคือเราเป็นเพื่อนกัน ทางที่สองลินดาอายุน้อยกว่าฉัน อยากเป็นน้องฉันไหม” เฟื่องฟ้าพูดจากใจจริง ยิ่งทำให้ลินดาอึ้งมากขึ้นไปอีก เพราะไม่คิดว่าคุณผู้หญิงของบ้านแฮมมิลตันจะใจดีขนาดนี้
“หนูไม่คิดเลยว่าคุณนายจะคิดแบบนี้” เด็กสาวตอบเสียงเบา
“ถ้าอย่างนั้นเป็นน้องฉันก็แล้วกัน ฉันเองก็อยากมีน้องที่น่ารักสักคนไว้คุยไว้ปรึกษา ลินดารังเกียจพี่อย่างฉันหรือเปล่า”
“ไม่เลยค่ะ หนูดีใจมากจนพูดไม่ออกต่างหาก ขอบคุณนะคะพี่สาว” ลินดาเอ่ยเสียงสั่นเครือด้วยความซาบซึ้ง มองหน้าพี่สาวคนใหม่ด้วยแววตาแห่งความรักใคร่ ในขณะที่เฟื่องฟ้ารู้สึกอุ่นใจขึ้นที่มีเพื่อนคนแรกภายใต้ชายคาบ้านใหม่ของเธอ