วิวาห์พรางรัก
ตอนที่ 5
อาหารค่ำ
เฟื่องฟ้าวางช้อนส้อมลงหลังจากรับประทานอาหารค่ำที่แสนจะหรูหรามีระดับเสร็จ ดูเหมือนว่าคุณสามีจะไม่สนใจเธอเท่าที่ควร อีกทั้งที่นั่งก็ช่างไกลกัน แม้จะมองเห็นหน้าและอยู่กันคนละฝั่งของโต๊ะก็ตามที ที่สำคัญไม่มีการพูดคุยใดๆ ในระหว่างรับประทานอาหาร มันช่างน่าอึดอัดเสียเหลือเกิน
“อาหารอร่อยมากค่ะ” เฟื่องฟ้าเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นมาก่อน
“เขาเรียกว่าแฮกกิส มันทำมาจากปอด ตับ และหัวใจของแกะ พร้อมกับหัวหอม, ข้าวโอ๊ต, Suet และเครื่องเทศ” เทรย์เวอร์อธิบายสั้นๆ
“มิน่าล่ะ ถึงได้รู้สึกแปลกๆ แต่ก็อร่อยดีนะคะ ไม่เห็นมีใครบอกมาก่อนเลยว่าที่นี่ชอบกินของแปลกด้วย” แม้จะรู้สึกไม่ดีกับอาหารที่กินเข้าไปเมื่อครู่ แต่เฟื่องฟ้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก ผิดกับเทรย์เวอร์ที่รู้สึกผิดหวังกับการที่หญิงสาวไม่แสดงท่าทีสะทกสะท้านใดๆ เรื่องเมนูอาหารที่บอกไป
“ที่นี่อากาศกำลังดีนะคะ ไม่หนาวมากอย่างที่ฉันคิดไว้”
“ตอนนี้เป็นฤดูร้อน”
“ถ้าฤดูหนาวอากาศเย็นมากไหมคะ” หญิงสาวถามต่อ
“มันสำคัญกับคุณนักหรือไง” เขาถามกลับด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
“เราได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันก็น่าจะมีเรื่องให้คุยกันอย่างมิตรบ้าง ส่วนเรื่องโต๊ะกินข้าวนี่ก็เหมือนกัน คุณไม่คิดว่าการที่เรานั่งกินข้าวกันแค่สองคน แล้วใช้โต๊ะที่ทั้งใหญ่และยาวเป็นเมตรแบบนี้ มันเวอร์ไปไหมคะ จะคุยกันทีก็ต้องตะโกน ฉันเจ็บคอพอดี”
“คุณเล่นดนตรีเป็นใช่ไหม” จู่ๆ เทรย์เวอร์ก็เปลี่ยนเรื่องพูด
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ
“ที่นี่มีเปียโน ผมอยากให้มีใครเล่นมันก่อนที่ปลวกจะกิน ตามมาสิ” เขาลุกขึ้น ในจังหวะนั้นเองบารอนก็ถือถาดกาแฟมา
“บารอน เราจะไปดื่มกาแฟกันที่ห้องเปียโน” บารอนพยักหน้ารับและเดินยกถาดกาแฟสุดหรูไปวางที่ห้องพร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้คนอื่นเข้าไปรบกวน
เฟื่องฟ้าหยุดอยู่ที่เปียโนสีดำหลังใหญ่ นิ้วเรียวลองกดทดสอบเสียงของมันหลายครั้ง เริ่มรู้สึกถูกใจกับของใหม่ที่เพิ่งรู้จัก
“ผมหาเปียโนที่ดีที่สุดและนำมันมาไว้ที่นี่ มันมาถึงก่อนหน้าคุณแค่เดือนเดียว” ชายหนุ่มเอ่ย
“เปียโนนี้สำหรับฉันหรือคะ คุณตั้งใจซื้อมันมาให้ฉันใช่ไหม” เฟื่องฟ้าถามเสียงหวาน อย่างน้อยเขาก็ยังรู้ว่าเธอเล่นเปียโนได้ ไม่ใช่รู้แต่เรื่องแย่ๆ จากปากคนอื่น
“เปล่า ผมแค่เห็นมันสวยก็เลยเอามาตั้งไว้ ส่วนใครจะเล่นผมไม่มีปัญหา” เฟื่องฟ้าหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อได้ยินคำพูดแสนตรงของเขา
“คุณอยากฟังเพลงอะไรคะ” หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้แล้วหันมาถาม
“ผมไม่มีความรู้เรื่องดนตรี คุณอยากเล่นอะไรก็เล่นมาเถอะ”
ท่าทางเขาเหมือนไม่ใส่ใจเลยสักนิด ทำราวกับว่าจำใจต้องหากิจกรรมที่ทำร่วมกับเธอ แม้เฟื่องฟ้าจะไม่พอใจกับความเฉยชาของเขา แต่เธอก็ไม่สนใจมันเท่าไหร่ ค่อยๆ บรรเลงเพลงที่ชื่นชอบของตนอย่างช้าๆ
เพลงนางครวญเป็นเพลงไทยเดิมที่เทรย์เวอร์ไม่ได้ฟังมานานแล้ว อีกทั้งคนบรรเลงก็ยังเล่นได้ไพเราะเสียเหลือเกิน เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างผ่อนคลายหลับตาลงช้าๆ นิ่งฟังเสียงเพลงที่เฟื่องฟ้าบรรเลงอย่างสบายอารมณ์
“ทำไมถึงหยุดเล่นล่ะ” เขาลืมตาขึ้นเอ่ยถามเมื่อจู่ๆ เสียงเปียโนก็หยุดลงกะทันหัน
“มันเศร้าเกินไป ฉันว่าจะเปลี่ยนเพลง”
“ช่างเถอะ ไม่ต้องเล่นแล้ว ตอนนี้ผมอยากดื่มกาแฟมานั่งตรงนี้สิ” เขาชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ เฟื่องฟ้าจำใจต้องเดินมานั่ง
“น้ำตาลกี่ก้อนคะ” เธอถามเสียงหวานพยายามทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
“สอง” เธอคีบน้ำตาลสองก้อนใส่ลงไป และเตรียมจะหยิบเหยือกนมเท แต่ต้องชะงักเมื่อเทรย์เวอร์กล่าวเสียงดังว่า
“กาแฟดำ คุณผู้หญิง”
“ค่ะ” เฟื่องฟ้าสะดุ้งเล็กน้อยรีบคนกาแฟแล้วส่งให้เขา
“คุณพูดภาษาอื่นได้อีกไหม”
“Watashi wa nihongo ga sukoshi hanasemasu (ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย)” สาวแสบเฉลยพร้อมรอยยิ้ม
“คุณอยากพูดคุยกับฉันเป็นภาษาญี่ปุ่นไหม”
“ผมไม่รู้เรื่องภาษาญี่ปุ่น แต่ก็ดีที่คุณรู้มากกว่าหนึ่งภาษา”
“คุณต้องการจะทดสอบอะไรฉันอีก คุณแฮมมิลตัน” เฟื่องฟ้าเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว เธอรู้ว่าเขาจงใจยั่วโมโหพร้อมๆ กับทำความรู้จักกันอย่างผิวเผิน ซึ่งมันทำให้รู้สึกว่าเทรย์เวอร์เอาแต่ใจเหลือเกิน
“ผมขอโทษถ้าทำให้คุณไม่พอใจ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณมีความสามารถอะไรบ้าง” ชายหนุ่มพูดตามตรง เขารู้แต่เรื่องวีรกรรมแสบๆ แต่ไม่มีข้อมูลด้านอื่นเลย ดังนั้นจึงต้องเอาตัวเองทำความรู้จักและทดสอบว่ารู้จริงหรือไม่
“ถ้าคุณอยากรู้จักฉันมากกว่าไอ้วีรกรรมแย่ๆ ที่คุณฟังคนอื่นมา ฉันจะเป็นคนพูดให้คุณฟังเอง ฉันพูดได้หลายภาษา ทั้งไทย ญี่ปุ่น อังกฤษ มีฝรั่งเศสนิดหน่อย เล่นดนตรีเป็น ฉันพูดคุยกับทุกคนได้โดยไม่แบ่งชนชั้น และฟันฉันก็สวยมากคุณอยากจะนับไหมล่ะ ฉันรู้ว่าคุณทำแบบนี้ตอนที่คุณต้องการจะซื้อม้าสักตัว โชคดีนะที่ฟันของฉันยังอยู่ครบ”
“คุณเจ้าอารมณ์ด้วยนะเนี่ย” เขาต่อให้ในตอนท้าย
“และคุณไม่ชอบคนเจ้าอารมณ์” เธอพูดสวนทันที
“เปล่า ผมเองก็เจ้าอารมณ์บ้างในบางครั้ง คุณสวยมากนะ คุณรู้ตัวไหม” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูด
“คุณต้องการจะพูดอะไร” เฟื่องฟ้าไม่เข้าใจอารมณ์ของเขา
“คุณสวยมากและก็ฉลาดด้วย แต่เสียดายที่คุณทำตัวไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น”สายตาและคำพูดเขาในเวลานี้ เฟื่องฟ้าดูออกว่าเทรย์เวอร์ต้องการจะพูดอะไรต่อ
“ตอนแรกฉันนึกว่าคุณไม่ชอบฉัน เปล่าเลย ความจริงแล้วคุณก็แค่ต้องการหาข้อบกพร่อง เพื่อที่จะทำให้คุณไม่ต้องแยแสสนใจใยดีฉัน” ดวงตาคู่งามวาววับด้วยความโกรธ
“คุณพูดอะไร” ชายหนุ่มแกล้งถาม เทรย์เวอร์รู้แล้วว่าหญิงสาวรู้ทันความคิดของตน
“คุณต้องการของสวยงามให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ เพื่อทำให้ปราสาทหลังนี้ของคุณสมบูรณ์ เมื่อคุณได้มันมาครอบครองแล้ว ก็จะคอยปัดฝุ่นดูแลไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเสียหาย เหมือนกับการที่คุณต้องการภรรยา ภรรยาของคุณคือของประดับบารมีตนเองเท่านั้น แต่กับฉันที่คุณจำใจรับมา ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่อาจจะไม่คู่ควรเป็นเครื่องประดับบารมีคุณ แต่คุณเลี่ยงไม่ได้ ที่สำคัญคือคุณกลัวฉัน” เฟื่องฟ้ายิ้มเล็กน้อยอย่างผู้ชนะแล้วลุกขึ้นเดินไปที่เปียโน ลงมือบรรเลงอีกครั้งอย่างสนุกสนานไม่สนใจว่าเทรย์เวอร์จะรู้สึกอย่างไร
ในขณะที่เขานั่งอึ้งไปพักใหญ่ เพราะไม่คิดว่าเฟื่องฟ้าจะฉลาดและมองออกว่าตนกำลังทำอะไร ใช่ เธอพูดถูก เฟื่องฟ้าเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่อาจไม่คู่ควรเป็นเครื่องประดับบารมีของตน แต่ผู้หญิงธรรมดาคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกกลัวได้ ชักเริ่มไม่สนุกเสียแล้ว
“คุณรู้ความคิดของผู้ชายมากเกินไปไหม” เขาถามเสียงเข้ม
พยายามทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัว เพื่อจะได้เกรงในอำนาจ แต่เปล่าเลย เฟื่องฟ้าไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูด และยังคงเล่นเปียโนต่ออย่างสนุกสนาน จนเทรย์เวอร์ทนไม่ได้ต้องเดินไปหาและจับมือที่กำลังดีดเปียโนไว้แน่น
“คุณรู้ความคิดของผู้ชายมากเหลือเกินนะ” เทรย์เวอร์เอ่ยเสียงเข้ม จ้องตาคู่หวานที่มองสบมา
“ก็รู้มากกว่าที่คุณรู้เรื่องของผู้หญิงแล้วกัน” เฟื่องฟ้าย้อนอย่างไม่เกรงกลัว
“คุณใช้เวลาเรียนรู้เรื่องพวกนี้มานานแค่ไหนแล้ว และต้องใช้บททดสอบกี่คน”
“มันไม่สำคัญเรื่องเวลาหรือจำนวน เพราะผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตฉันเต็มใจที่จะสอนและให้ฉันรู้จักอย่างลึกซึ้ง” เฟื่องฟ้าเน้นทุกคำพูดอย่างชัดเจน
“ฟังนะคุณผู้หญิง คุณได้เห็นอาณาจักรของผมแล้ว มันเก่าแก่ทรงคุณค่าและยิ่งใหญ่มากแค่ไหน สถานที่ที่เราอาศัยอยู่เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ของต้นตระกูล ผมต้องการให้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่สวยงาม ผมต้องการให้บ้านหลังนี้มีครอบครัวที่ดีและผู้หญิงที่ผมภูมิใจ ผมต้องการสิ่งที่ดีที่สุด เงื่อนไขเดียวที่ผมตั้งไว้เกี่ยวกับการนำอะไรก็ตามมาไว้ที่นี่ คือมันต้องใหม่และไม่มีที่ติ เหมือนกับเปียโนหลังนี้ที่ไม่มีใครเคยเล่นมันมาก่อน” เทรย์เวอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวต่อไปอีกว่า
“การที่ผมแต่งงานกับคุณเป็นเรื่องจำใจเป็นที่สุด เพราะแม่ผมขอร้องไว้ก่อนที่ท่านจะเสีย คุณคือสิ่งที่มีตำหนิสิ่งเดียวที่อยู่ในนี้”
เฟื่องฟ้ารู้สึกเหมือนถูกตบหน้า แต่ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ยอมให้ไหลออกมา ความเสียใจจากคำดูถูกในวันนี้ สักวันเธอจะเอาคืนอย่างแน่นอน สาวน้อยลุกขึ้นเชิดหน้าอย่างไม่มีความเกรงกลัวพร้อมทั้งเอ่ยขึ้นว่า
“ถ้าคุณรู้จักเรื่องดนตรีมากกว่านี้ คุณจะรู้ว่าเปียโนที่ดีมันจะต้องมีคนเคยเล่นมันมาก่อน และนี่ก็ไม่ใช่เปียโนที่ดีนักหรอก เพราะมันยังไม่เคยผ่านการสัมผัสของนักเปียโน มันยังไม่เคยถูกใช้เพื่อเป็นผู้มอบความสุขให้ผู้ฟัง” เฟื่องฟ้าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วทำท่าจะเดินออกไป
“ผมยังพูดไม่จบ คุณห้ามไปไหนทั้งสิ้น” เทรย์เวอร์เอ่ยเสียงดังด้วยความไม่พอใจ
“คุณไม่มีสิทธิ์พูดกับฉันแล้ว หมดเวลาของคุณแค่นี้ คุณผู้ชาย” หญิงสาวก้าวเดินออกไปอย่างไม่สนใจว่าใครจะโกรธหรือไม่พอใจใดๆ เทรย์เวอร์ได้แต่มองตามด้วยความโมโหเมื่อมีคนท้าทายเขาต่อหน้า
เทรย์เวอร์ยังตามราวีไม่เลิก เมื่อเฟื่องฟ้ากลับมาถึงห้องแล้วคว้าหมอนใบใหญ่มาปิดหน้า ตามด้วยเสียงกรีดร้องที่ระบายความโมโห
“ใคร” เธอตะโกนถามด้วยความหงุดหงิด
“ผมเอง” เสียงเทรย์เวอร์ที่หน้าประตู
“มีอะไรคะ” เฟื่องฟ้าสะกดความโมโหไว้ และยั่วประสาทอีกฝ่ายด้วยเสียงอ่อนหวาน
“เปิดประตูได้ไหม เราคงต้องคุยกันยาว”
“เรื่องยาวงั้นหรือ” หญิงสาวแกล้งถ่วงเวลาไว้ให้นานกว่านี้ ในหัวสมองคิดแผนการที่จะเอาคืนอย่างสาสม
“ใช่ คุณไปพบผมที่ห้องสมุดก็แล้วกัน ผมจะไปรอที่นั่น” เสียงเทรย์เวอร์ที่หน้าประตูเงียบลง เดาว่าเขาคงไปรอที่ห้องสมุดตามที่พูดแน่ แต่...
“อยากรอใช่ไหม งั้นรอไปเถอะ ฉันไม่ไปให้คุณหลอกด่าแน่” เฟื่องฟ้าล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างสบายใจ รับรองว่างานนี้คุณสามีตัวดีได้ชักดิ้นชักงอแน่
“มีอะไรลินดา” เทรย์เวอร์เงยหน้าขึ้นมาเห็นลินดาจดๆ จ้องๆ ด้วยความกลัวจึงเอ่ยถาม
“คุณผู้หญิงให้มาเรียนท่านว่าไม่สะดวกมาพบค่ะ” เด็กสาวรีบพูด
“ไม่สะดวกเหรอ” ชายหนุ่มทวนคำเบาๆ
“คุณผู้หญิงฝากจดหมายมาให้ท่านค่ะ” เด็กสาวส่งกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับไว้เรียบร้อยให้
“ขอบใจ ออกไปได้แล้ว” แน่นอนว่าลินดาไม่อยากอยู่ที่นี่แม้สักวินาทีเดียว เทรย์เวอร์เปิดกระดาษแผ่นนั้นออกเพื่ออ่านข้อความ
คุณสามีที่รัก
“คุณเพิ่งเดินทางกลับมาเหนื่อยๆ น่าจะพักผ่อนก่อนและฉันเองก็ง่วงเต็มที อยากจะนอนเสียตอนนี้เลย ขอโทษที่ไม่ได้มาบอกด้วยตัวเอง เพราะฉันคิดว่าส่งจดหมายไปให้คุณเป็นการรักษามารยาทมากแล้ว พักผ่อนนะคะ ถ้ามีข้อตกลงอะไรหรืออยากจะคุยกับฉันจริงๆ พรุ่งนี้ค่อยว่า กันใหม่ อ้อ ก่อนนอนดื่มน้ำด้วย เพราะคิดว่าคุณคงคอแห้งมากหลังจากที่คุยกันเมื่อครู่
ฝันดีค่ะ จาก ภรรยาที่แสนซื่อของคุณ”
เทรย์เวอร์ขยำจดหมายในมือแน่น แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เฟื่องฟ้าร้ายกาจกว่าที่คิดไว้มาก