จำเลยรักลวงใจ
“ป้าก็พูดได้ ป้าไม่รู้หรอกว่ากว่าจะได้เงินแต่ละบาท พ่อเลี้ยงเสียเหงื่อไปแค่ไหน”
เวียงเถียงเสียงขุ่น ชาวีทำงานหนักหน้าดำหน้าแดง แต่ภรรยาของเขาไม่เพียงไม่ช่วย หล่อนผลาญเขาทุกทาง ตั้งแต่ม่านมุกมาอยู่ที่นี่ เวียงไม่เคยเห็นหญิงผู้นั้นจะแบ่งเบางานของชาวีสักอย่าง ม่านมุกทำแค่แต่งหน้าทาปาก แล้วก็ออกไปตระเวนเที่ยว เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแต่ละชิ้นแพงจนเวียงอดเสียดายแทนไม่ได้
“อย่ายุ่งกับพ่อเลี้ยงนักเลย เรามันแค่ลูกจ้างนะเว้ย” สายไหมไม่รู้จะปรามยังไง
เพราะตัวนางเองยังชื่นชมเจ้านายหนุ่ม และหากเป็นสาวรุ่นเหมือนหลานสาว สายไหมก็ไม่แน่ใจว่าตนเองจะรู้ต่างจากเวียงแค่ไหน เมื่อใครต่อใครก็รู้ดี ผู้หญิงของชาวีไม่เหมาะสักนิดที่จะเป็นภรรยาคู่คิดของเขา
“ฉันรู้ป้า ฉันมันก็เป็นได้แค่ลูกจ้าง แต่...” เวียงกลืนก้อนสะอื้น ความรักของเธอไม่มีวันสมหวัง ตราบใดที่หญิงผู้นั้นยังยึดหัวใจพ่อเลี้ยงหนุ่มไว้ได้ เธอขอแค่ได้เห็นเขา และขอให้เขามีความสุข
“เห้อ...” สายไหมถอนใจแรงๆ
สาวๆ ในหมู่บ้านหลายคนมีอาการไม่ต่างอะไรกับเวียง
นับตั้งแต่ชาวีเปิดตัวภรรยาของเขา
“อุ่ย!” ม่านมุกเซถลา เธอเกือบร้องกรี๊ด จู่ๆ ใครก็ไม่รู้เดินชนเธอแทบกระเด็น ดีทว่าใครคนนั้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทันท่วงที เขาตวัดรั้งเธอไปกอด ก่อนที่เธอจะล้มโครมลงไปบนพื้น...
“ตาบอดหรือไงหะถึงได้มองไม่เห็นฉัน” ม่านมุกผลักอกคนแปลกหน้า เธอต่อว่าเสียงแหลม แต่แล้วเธอก็ต้องหุบปากฉับ เมื่อคนซุ่มซ่ามที่ชนเธอจนเสียหลัก รูปงามประหนึ่งเทวดา
ผู้ชายตรงหน้าออร่าทิ่มนัยน์ตาเธอจนพร่า เขาสูงน่าจะเกินร้อยแปดสิบ ผิวขาวอร่ามรัศมีคนมีสตางค์จับทุกอณู สูทพอดีตัวสีน้ำตาลไหม้เนื้อผ้ามีเอกลักษณ์และสนนราคาไม่ใช่น้อยเลย เขาแต่งตัวเหมือนหลุดออกมาจากแมกาซีนหัวนอกที่เธอชอบเปิดดูฆ่าเวลา หญิงสาวคิดในใจ หากชาวีแต่งตัวได้สักครึ่งของคนตรงหน้า เธอคงไม่ต้องหงุดหงิดเหมือนทุกวัน หญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความคิดสับสนเกี่ยวกับสามีออกไปจากใจ เธอหันกลับมาสำรวจชายตรงหน้าต่อ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีที่ติจนรู้สึกทึ่ง
“ผมขอโทษครับ ผมไม่คุ้นกับที่นี่ เลยไม่ทันระวังตัว”
สำเนียงการพูดฟังขัดๆ หู ม่านมุกเงยหน้ามองเธอถึงบางอ้อในใจ สีตาของชายตรงหน้าแตกต่างจากคนทั่วไป และนั่นเป็นที่มาของสำเนียงที่เธอแอบตำหนิ
“ไม่เป็นไรค่ะ มุกไม่ได้เจ็บตรงไหน” เธอผละห่างอกอุ่นนั่น ด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง
ทามไทยอมปล่อยมือ เขากดยิ้มมุมปาก ด้วยท่าทางที่ฝึกมาอย่างดี
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมขอเลี้ยงน้ำคุณสักแก้วได้ไหมครับ” ชายหนุ่มรีบตะครุบโอกาสแสนงาม ท่าทางหญิงตรงหน้าคงติดบ่วงเสน่ห์ของเขา เหมือนกับสาวๆ อีกหลายคนที่มีอาการเช่นนี้
ทามไทกำลังปวดหัว เขาหนีมาจากเมืองกรุงเพราะสร้างหนี้ไว้จนตามชดใช้ไม่ทัน ชายหนุ่มหงุดหงิดเพราะต้องซ่อนตัวอยู่แค่ในโรงแรม จนกว่าเจ้าหนี้หน้าเลือดพวกนั้นจะยอมผ่อนผันให้
เขาเบื่อและเครียดเลยออกมาเดินแก้กลุ้ม ไม่คิดว่าบ้านป่าห่างไกลเมืองใหญ่แบบนี้จะมีนางฟ้าปะปนอยู่ด้วย
ม่านมุกสะท้าน เสหลบสายตาที่วาวหวาน เธอยิ้มกริ่ม คงไม่เลวนักหรอกหากจะมีเพื่อนเที่ยวแทนการเดินคนเดียวเหมือนทุกวัน
“อย่าดีกว่าคะ มุกไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้าน” หญิงสาวกลั้นใจตอบ
ผู้ชายตรงหน้าหล่อเหลาและดูดีเกินกว่าจะตัวเปล่า เขาน่าจะมีภรรยาแล้ว
ทามไททำท่าคิดชั่วครู่ เขารีบชี้แจ้ง “ทำไมครับ อ้อ...หากกลัวว่าผมจะมีคนรู้ใจแล้วละก็ ข้อนั้นสบายใจได้ ผมยังโสด”
ม่านมุกรีบสอดมือล้วงกระเป๋า เธอดันแหวนแต่งงานจนหลุด ก่อนจะทิ้งแหวนวงนั้นนอนอยู่ก้นกระเป๋ากระโปรง ตอนที่เงยหน้ายิ้มแฉ่ง “ถ้างั้นมุกก็ตกลงค่ะ”
มันเป็นความตื่นเต้นที่ห่างหายไปนาน ม่านมุกเลยเผลอตัวตกลงไปในบ่วงเสน่ห์ที่ทามไทจงใจหว่านให้ ชายหนุ่มสำรวจหญิงตรงหน้าจนแน่ใจ รอยด่างของผิวเนื้อ ตำแหน่งที่เขาจ้องมอง หญิงตรงหน้าน่าจะมีพันธะแล้ว แต่คนอย่างเขาหรือจะสนใจ ตอนนี้กำลังเข้าตาจน คว้าอะไรได้ก็ต้องรีบคว้าไว้ ท่าทางหล่อนไม่ใคร่มีสมอง และหากเขาจะขอแบ่งปันสิ่งที่หล่อนมี เพื่อแก้ปัญหาให้ตัวเองบ้าง คงไม่น่าเกลียดอะไร