ซีอีโอแด๊ดดี้กับลูกแฝดน่ารักของเขา
มู่เส้าเหิงตกตะลึง
เขาจ้องไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งกำลังเกาะขาของเขาอยู่
เธอเป็นสาวน้อยน่ารัก ดวงตากลมโตของเธอจับจ้องมาที่เขา
เส้าเหิงหลงเสน่ห์ความน่ารักนั่นจนไม่สามารถละสายตาจากเธอได้
เขาไม่เคยเห็นเด็กน้อยน่ารักเท่านี้มาก่อน
ขณะที่มองเข้าไปในดวงตาของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นเส้าเหิงก็ถามว่า “แม่ของหนูอยู่ไหนจ๊ะ?”
ในขณะเดียวกันนี้ หนวนจิ่วก็กำลังตามหาลูก ๆ ของเธอไปทั่วทั้งสนามบินอย่างร้อนใจ
ทันใดนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงของผู้ชายที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง
“หนวนจิ่ว!”
เมื่อหันไปมอง เธอก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังถือกุหลาบช่อใหญ่สีสดใส และมองตรงมาที่เธอ
จากนั้นเธอก็ถอดแว่นกันแดดออก และเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน
เขาคือยวี่ชู
“หนวนจิ่ว นั่นคุณจริงเหรอ?” ยวี่ชูถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาไปด้วยความตื่นเต้น
เมื่อห้าปีที่แล้ว เขาบังเอิญผลักหนวนจิ่วตกจากเรือสำราญ และไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเธออีกเลยนับตั้งแต่นั้น
ในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาได้ยกโทษให้หนวนจิ่วในเรื่องที่เธอทรยศเขาแล้ว และหวังว่าเธอจะกลับมาหาเขา
ยวี่ชูก้าวเข้าไปหาหนวนจิ่วและทำท่าจะสวมกอดเธอ
“พวกคุณทำอะไรกันอยู่?”
เสียงหวีดแหลมดังมาจากบริเวณใกล้เคียง
เมื่อยวี่ชูรู้ตัว เขาจึงเก็บมือลงอย่างรวดเร็ว
หนวนจิ่วมองไปยังผู้หญิงซึ่งเป็นต้นเสียง จากนั้นรอยยิ้มขี้เล่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
‘บังเอิญอะไรขนาดนี้! ศัตรูของฉันมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ทั้งหมด’ เธอกล่าวในใจ
ผู้หญิงคนนั้นคือหวั่นโหรว
“หล่อนเป็นใครมาจากไหนไม่ทราบ? กล้าดียังไงมายั่วสามีฉัน? เธอ...”
หวั่นโหรวหยุดพูดกลางคัน ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวขณะที่เธอชี้ไปยังหนวนจิ่วด้วยตัวที่สั่นเทิ้ม และพูดไม่ออก
ดูเหมือนว่าเธอจะตกตะลึงกับการปรากฏตัวของหนวนจิ่ว เธอควรตายไปแล้วนี่!
“เธอเป็นผี หรือเป็นคนกันแน่?”
หนวนจิ่วขมวดคิ้ว มุมปากสีสดของเธอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม พูดตามตรง เธอก็ดูเป็นผีที่สวยอยู่หน่อย ๆ นะ
“ยังไง หวั่นโหรว? เธอคงไม่คิดสินะว่าฉันจะปีนออกมาจากนรกเพื่อมาตามหาเธอหรอกนะ?”
เพียงได้ยินเธอพูดก็ทำให้หวั่นโหรวหวาดกลัวจนเข้ากระดูกดำ และรู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมาทันที
เธอจำได้ว่าเมื่อ 5 ปีที่ก่อน เธอวางแผนทำให้หนวนจิ่วเสียความบริสุทธิ์ไป เพื่อที่จะได้ทำให้เธอกับยวี่ชูเข้าใจผิดกันและทะเราะกัน นอกจากนี้ เธอยังพลัดตงลงไปในทะเลและได้จมหายไป
‘เธอกลับมาเพื่อแก้แค้นอย่างนั้นเหรอ?’
เมื่อความคิดนั้นแล่นเข้ามาในหัวของหวั่นโหรว เธอก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว
ในทางกลับกัน ยวี่ชูไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี เขาลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่งว่าเขาแต่งงานแล้ว
หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความปีติยินดี เมื่อได้เห็นการกลับมาของผู้เป็นที่รักอย่างแท้จริง
เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไป และอยากสัมผัสใบหน้าอันสวยงามที่เขาปรารถนาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ทันใดนั้นเองหนวนจิ่วก็ตบหน้าเขาอย่างแรง
“หนวนจิ่ว เธอบ้าไปแล้วเหรอ?”
หวั่นโหรวจ้องมาที่เธอ พลางสัมผัสผิวแก้มที่แดงเป็นปื้นของยวี่ชูอย่างรู้สึกสงสาร
แต่แล้วยวี่ชูกลับผลักหวั่นโหรวออก และจ้องไปที่หนวนจิ่วด้วยความรัก
“หนวนจิ่ว ผมไม่ได้โกหกคุณนะ... มันสมแล้วที่ผมโดนตบ ผมยกโทษให้คุณแล้วสำหรับเรื่องที่คุณนอกใจผม มีโอกาสไหมที่คุณจะกลับมาหาผม?” เขาถาม
ตอนนี้หนวนจิ่วรู้สึกรังเกียจกับพฤติกรรมไร้ยางอายของยวี่ชูเต็มทน
“สำหรับฉัน... การสารภาพรักของคุณมันช่างน่าประทับใจดีนะคะ ถ้าฉันไม่เคยตายมาก่อน ตอนนี้ฉันคงน้ำตาไหลไปแล้ว ขอโทษที่ต้องปลุกจากฝันหวานของคุณนะ แต่ฉันไม่ต้องการการให้อภัย พราะฉันไม่ได้ผิดอะไร หวั่นโหรวเป็นคนจัดฉากเรื่องทั้งหมดนั่นต่างหาก เพื่อที่เธอจะได้แต่งงานกับคุณ!”
ยวี่ชูเหลือบมองที่หวั่นโหรว และถามว่า “ที่หนวนจิ่วพูดหมายความว่าไง?”
ทันใดนั้น ใบหน้าของหวั่นโหรวก็ซีดเผือด “อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเธอนะคะ!”
การโต้แย้งที่สนุกสนานกำลังจะเกิดขึ้น ในขณะนั้นเองเสียงประกาศของสนามบินก็ดังก้องไปทั่ว
“เรียนผู้โดยสารโปรดทราบเรามีประกาศฉุกเฉิน หากมีผู้โดยสารที่พลัดหลงกับบุตรหลาน โปรดให้ความสนใจกับประกาศนี้ เรามีเด็กสองคนอยู่ที่นี่ เป็นเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิงชื่อหมิงเจา และเด็กผู้ชายชื่อหมิงฮ่าว หากท่านใดเป็นผู้ปกครอง กรุณาติดต่อที่โถงอำนวยการของสนามบินโดยเร็วที่สุด ย้ำอีกครั้ง กรุณาติดต่อ...”
‘หมิงฮ่าวกับหมิงเจา!’
หนวนจิ่วรีบไปที่โถงอำนวยการ และเลิกสนใจทั้งยวี่ชูและหวั่นโหรว
ยวี่ชูอยากตามเธอไป แต่หวั่นโหรวรั้งเขาไว้
เขายืนอยู่ที่นั่นด้วยความเหม่อลอย และมองดูหนวนจิ่วค่อย ๆ หายไปจนลับตา
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของสามีของเธอ หวั่นโหรวก็กัดฟัน ไม่นานความเกลียดชังก็ทะลักเต็มดวงตาของเธอ
เป็นอีกครั้งที่หนวนจิ่วเอาชนะเธอได้
เธอรักยวี่ชูมาก และเธอก็ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้แต่งงานกับเขา ผ่านไปห้าปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยลืมหนวนจิ่วเลย และตอนนี้ผู้หญิงสารเลวนั่นก็ฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ว ทำเอาหวั่นโหรวแทบจะคลั่งตาย
ทันทีที่หนวนจิ่วมาถึงโถงอำนวยการ เธอก็เห็นหมิงเจา และหมิงฮ่าวนั่งอยู่บนเก้าอี้สองตัว
“โถ ลูกแม่! แม่กลัวแค่ไหนรู้ไหมจ๊ะ แม่คิดว่าเกือบจะเสียหนูสองคนไปแล้ว”
เธอรีบเข้าไปกอดพวกเขาไว้ “เราสองคนวิ่งไปไหนมาจ๊ะ?”
“หนูไปหาคุณพ่อของเรามาค่ะ!” หมิงเจาพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
“คุณพ่อเหรอ? ใคร?” หนวนจิ่วมึนงง
“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของหมิงเจาฮะ เมื่อกี้เธอเห็นผู้ชายหน้าตาดีเข้า เธอเลยเรียกเขาว่า ‘คุณพ่อ’ ” หมิงฮ่าวบ่นพึมพำ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนวนจิ่วก็กังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นของลูกสาวขึ้นมา
“หมิงเจา อย่าทำอย่างนั้นอีกนะจ๊ะ มันอันตรายมาก รู้ไหม?”
หมิงเจาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หนวนจิ่วถอนหายใจ และโค้งคำนับขอบคุณพนักงานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ แล้วใครพาเด็ก ๆ มาส่งที่นี่เหรอคะ? ฉันอยากจะขอบคุณเขาที่ช่วยพาเด็ก ๆ มาส่งที่นี่”
พนักงานยิ้มให้เธอ และตอบว่า “ลูก ๆ ของคุณโชคดีมากที่เจอเข้ากับผู้ชายที่มีชื่อเสียงและใจดี เขาคือประธานบริษัทของมู่ซื่อ กรุ๊ป เป็นคนพาเด็ก ๆ มาที่นี่ค่ะ”
หัวใจของหนวนจิ่วเต้นแรงเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอคว้าแขนลูก ๆ ของเธอ และวิ่งออกไปจนทำให้ฝาแฝดทั้งสองกลัว
แต่เมื่อเธอวิ่งออกไป ผู้ชายคนนั้นก็ได้หายไปแล้ว สิ่งที่เธอเห็นก็คือรถยนต์มายบัคที่ขับผ่านพวกเขาไปแล้ว
ในนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ เมื่อเขาผ่านหน้าไป เขาก็เลื่อนกระจกรถขึ้น
ในไม่ช้ารถมายบัคก็เคลื่อนหายไป และหนวนจิ่วไม่ทันจะเห็นหน้าเขาชัดด้วยซ้ำ