ซีอีโอแด๊ดดี้กับลูกแฝดน่ารักของเขา
ขณะที่เครื่องยนต์ของมายบัคดังคำรามขึ้น เส้าเหิงก็เหยียบคั่นเร่งขับรถผ่านหน้าหนวนจิ่วและสองแฝดไป
ก่อนที่เขาจะเลื่อนกระจกหน้าต่างขึ้น เขาก็เหลือบไปเห็นคนทั้งสามพอดี
เส้าเหิงขมวดคิ้ว และรู้สึกไม่ค่อยพอใจผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เขาไม่เคยพบมาก่อน
‘เป็นผู้หญิงที่ประมาทเลิ่นเล่อจริง ๆ ! เธอปล่อยให้เด็กน่ารัก ๆ พลัดหลงแบบนี้ได้ยังไงกัน? ’
แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าที่น่ารักของหมิงเจา ก็ทำให้เส้าเหิงก็ใจอ่อนลง
แล้วมายบัคก็เลี้ยวหายไปในชั่วพริบตา ทิ้งให้หนวนจิ่วยืนงงอยู่อย่างนั้น
“คุณแม่ เป็นอะไรไปคะ? แม่ยังโกรธหนูอยู่เหรอ?” หมิงเจากระซิบ และเอื้อมมือไปหาแม่ของเธอ
หมิงฮ่าวกลอกตา “ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเลย ทำไมเธอต้องไปเรียกคนแปลกหน้าว่า ‘คุณพ่อ’ ด้วย?”
“แม่ค่ะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว” หมิงเจาให้คำมั่นอย่างจริงจัง
และในตอนนั้นเอง หนวนจิ่วถึงรู้สึกตัวขึ้นมา เธอยิ้มให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยน “แม่ไม่ได้โกรธหนูจ่ะ”
“งั้นทำไมแม่ถึงไม่ตอบหนูเลยล่ะคะ?” หมิงเจาถามด้วยความสงสัยพลางเบะปาก
จากนั้นหนวนจิ่วก็เงียบไปอีกครั้ง
เธอคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยลืมว่ามีใครบางคนจงใจทำให้ซูซื่อ กรุ๊ป ล้มละลาย หลังจากที่เธอพยายามสืบหาความจริงอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย ในที่สุดเธอก็พบเบาะแสบางอย่าง
เธอพบว่ายวี่ชูเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย แต่เขาเป็นแค่หมากตัวหนึ่งบนกระดานเท่านั้น และยังมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมดอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ เธอเคยคิดว่าพ่อของเธอกระโดดตึกเพราะทนรับแรงกดดันไม่ไหว และแม่ของเธอก็ฆ่าตัวตายตามเพราะตรอมใจกับการตายของพ่อเธอ แต่ตอนนี้หนวนจิ่วสงสัยว่าเรื่องทั้งอาจจะไม่ได้มีแค่นั้น
เมื่อดูจากหลาย ๆ องค์ประกอบ ดูเหมือนกับว่า มู่ซื่อ กรุ๊ป จะอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้
“คุณแม่ไม่ตอบหนูอีกแล้วนะคะ!” หมิงเจาทำหน้ามุ่ย และเขย่ามือของหนวนจิ่วอย่างแรง
ในที่สุด เธอก็กลับออกมาจากภวังค์ความคิดของเธอ เธอลูบหัวของสองแฝดเบา ๆ
“ไปกันเถอะ เราไปสมทบกับคนที่มารอรับเราก่อน”
ขณะที่รออยู่ตรงทางเข้าสนามบิน หนวนจิ่วจับมือสองแฝดไว้ด้วยมือซ้ายและมือขวาของเธอ
หลังจากนั้นไม่นานรถยนต์ลินคอล์นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา
“คุณซู ในที่สุดพวกคุณก็มาถึงสักที!” หญิงวัยกลางคนที่ดูท่าทางเป็นมิตรก็ได้เดินลงมาจากรถ “คุณสามารถเรียกฉันว่าน้าหวังได้เลยนะคะ คุณจี้ได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้พวกคุณเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้เชิญพวกคุณขึ้นรถกันก่อนค่ะ”
หมิงเจาและหมิงฮ่าวกระโดนโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น “ดีจังเลยค่ะ! ที่คุณหมิงซวี่ส่งคนมารับพวกเราที่นี่!”
หนวนจิ่วและสองแฝดพากันขึ้นรถ และเดินทางไปยังบ้านพักที่หมิงซวี่เตรียมไว้ให้พวกเขา
หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว หนวนจิ่วก็ดึงมือถือออกมาด้วยความลังเล สุดท้ายเธอก็กดโทรออก
“ขอบคุณนะคะ คุณหมิงซวี่” หนวนจิ่วกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ
“หนวนจิ่ว คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจเลยครับ” เสียงของชายคนนั้นทุ้มต่ำน่าฟัง “ผมรู้ว่าคุณกลับไปบ้านเกิดคราวนี้ก็เพื่อที่จะสืบเรื่องของซูซื่อ กรุ๊ป ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออะไร ติดต่อผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ ผมเต็มใจช่วยคุณอย่างเต็มที่”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
นอกจากคำว่าขอบคุณ หนวนจิ่วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรกับหมิงซวี่ได้อีก
หมิงซวี่ช่วยชีวิตเธอไว้ตอนที่เธอตกลงไปในทะเล
หลังจากที่เขาได้ช่วยให้เธอรอดชีวิตมาได้ เขาก็พบว่าเธอกำลังตั้งครรภ์
คุณหมอบอกว่าอาการของเธอไม่สู้ดี และการทำแท้งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต และด้วยความช่วยเหลือของหมิงซวี่ ช่วยให้เธอสามารถให้กำเนิดทั้งหมิงเจาและหมิงฮ่าวได้อย่างปลอดภัย
เธอเป็นหนี้ชีวิตเขา แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมากเท่าไหร่ เธอก็บังคับให้ตัวเองรักเขาไม่ได้ และเพราะเธอเองก็รู้สึกได้ว่าเขามีความรู้สึกดี ๆ ต่อเธอ มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอในการเผชิญหน้ากับเขา
เธอคงจะเป็นคนใจร้ายถ้าปฏิเสธเขา แต่เธอก็ไม่สามารถโน้มน้าวตัวเองให้ยอมรับเขาได้ พูดได้ว่า เธอใจแข็งอย่างกับหิน
หลังจากวางสายจากหมิงซวี่แล้ว หนวนจิ่วก็ส่ายหัวเพื่อกำจัดความคิดสับสนวุ่นวายเหล่านี้ออกไปจากหัว
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องความสัมพันธ์ เพราะเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเธอ คือการสืบหาความจริงเกี่ยวเรื่องที่เกิดขึ้นกับซูซื่อ กรุ๊ป!
เธอมองดูโทรศัพท์มือถือของตัวเองอีกครั้ง และแตะเข้าดูข้อเสนอทำงานจากมู่ซื่อ กรุ๊ป
“เรียน คุณซู ยินดีต้อนรับเข้าสู่มู่ซื่อ กรุ๊ป!”
เธอกำหมัดแน่น แล้วคิดแผนขึ้นมาได้
การล้มละลายอย่างกะทันหันของซูซื่อ กรุ๊ป และการเสียชีวิตของพ่อแม่ของเธอ... เธอจะสืบเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเธอเอง!
... ...
วันรุ่งขึ้น หนวนจิ่วได้เดินทางไปที่มู่ซื่อ กรุ๊ป
มู่ซื่อ กรุ๊ปมีทำเลที่ดีเยี่ยม และเป็นเจ้าของอาคารซวงจื่อตึกแฝดที่สูงตระการตา
พนักงานต้อนรับพาหนวนจิ่วเข้าไปในออฟฟิศ และย้ำกับเธอเสียงเบา ๆ ว่า “นี่คือคุณเกาเสียวเสี่ยว ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ”
หนวนจิ่วพยักหน้า และเดินเข้าไปข้างใน
ข้างในนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง เธอกวาดสายตามองหนวนจิ่วหัวจรดเท้า
สายตาของผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ หนวนจิ่วพยายามควบคุมสีหน้าตัวเอง และยิ้มอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ ฉันซูหนวนจิ่ว”
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่มู่ซื่อ กรุ๊ปค่ะ” เสียวเสี่ยวยิ้ม เธอมองหนวนจิ่วและพูดว่า “คืนนี้ฉันมีนัดกับลูกค้า คุณไปกับฉันนะ”
“คืนนี้เหรอคะ?” หนวนจิ่วรู้สึกประหลาดใจ แต่เธอก็เก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ “ได้ค่ะ”
เสียวเสี่ยวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และเดินนวยนาดไปที่ประตู “ตามฉันมา”
หนวนจิ่วเตรียมที่จะไปเซ็นสัญญา แต่เมื่อพวกพนักงานก้าวออกจากลิฟต์ พวกเขาก็มีสีหน้าที่จริงจัง ราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขามอย่างไรอย่างนั้น
มีผู้ชายรูปร่างสูงคนหนึ่งได้เดินออกมาจากห้องทำงานที่รายล้อมไปด้วยผู้บริหารระดับสูง เขาแต่งตัวในชุดสูทที่ทันสมัย และมีลักษณะที่สง่างาม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่พนักงานธรรมดา
หนวนจิ่วกะพริบตา และจ้องไปที่ชายคนนั้น เขาดูคุ้น ๆ
ชายคนนั้นหยุดอยู่ตรงทางเดิน และหันหน้ามา
“หนวนจิ่ว” เสียวเสี่ยวเรียกเธอจากด้านหลัง
หนวนจิ่วถูกลากออกไปด้านข้าง ก่อนที่เธอจะตอบกลับด้วยซ้ำ
ใบหน้าของเสียวเสี่ยวบึ้ง และแววตาของเธอก็เย็นชาขึ้นมาทันที “คุณควรรู้จักที่ของตัวเองไว้บ้างนะ เป็นที่รู้กันไปทั่วว่าท่านประธานอย่างคุณมู่นั้นเป็นคนที่โหดร้าย ถ้าเธอคิดจะเข้าใกล้เขา เธอก็ระวังจะโดนไล่ออกก็แล้วกัน”
ชายคนนั้นคือมู่เส้าเหิง ประธานบริษัทของมู่ซื่อ กรุ๊ป
หนวนจิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก้มหน้าลงอย่างเชื่อฟัง “เข้าใจแล้วค่ะ”
เสียวเสี่ยวถอนหายใจ แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องทำงาน แต่หนวนจิ่วนั้นยืนนิ่งไม่ขยับ เธอเงยหน้าขึ้น และมองไปที่ทางเดิน