ซีอีโอแด๊ดดี้กับลูกแฝดน่ารักของเขา
ในวันรุ่งขึ้น รถมายบัคคันหรูแล่นออกจากถนนเลียบทางเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่
เส้าเหิงเอนกายพิงเบาะหลังพร้อมกับหลับตาลงเพื่อพักผ่อน แต่แล้วฉากอันเร้าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนยังคงแวบเข้ามาในหัวของเขา
เขาต้องสวมหน้ากากทุกครั้งที่ไปจินสี่คลับ เพื่อไม่ให้สายลับของลุงสะกดรอยตามเขาได้ เหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นผ่านไปราวห้าปีแล้ว แต่มันก็ไม่สำคัญนักหรอก เพราะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ความลับนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหนึ่งในนั้น?
“คุณมู่ครับ?” ทันใดนั้นเอง เหยียนเจ๋อ ผู้ช่วยของเส้าเหิงเรียกชื่อเขาเพื่อดึงความสนใจของเขากลับมา เขาได้รับอีเมลที่มีเนื้อหารายงานแนบมาด้วย “ผมพบเธอแล้วครับ ผู้หญิงคนนั้นชื่อหนวนจิ่ว เธอเข้าทำงานที่บริษัท มู่ซื่อ กรุ๊ป เมื่อวานนี้เป็นวันแรก เสียวเสี่ยว ผู้หญิงที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบพาเธอไปพบลูกค้าที่คลับเมื่อวานนี้ครับ”
“ได้ข้อมูลอะไรมาอีกไหม?” เส้าเหิงลืมตาขึ้นข้างหนึ่งแล้วชำเลืองมองผู้ช่วยของเขาด้วยความหงุดหงิด
ทำให้สีหน้าของเหยีบนเจ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย เขาก้มศีรษะลงด้วยความไม่มั่นใจ “นี่เป็นข้อมูลทั้งหมดที่ผมได้มาจนถึงตอนนี้ครับ มันแปลกมากจริง ๆ เหมือนกับว่าข้อมูลที่เกี่ยวกับหนวนจิ่วก่อนเข้าทำงานที่บริษัทของเราจะถูกลบทิ้งไปทั้งหมด...”
เส้าเหิงเยาะเย้ยและพูดว่า “หึ ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนไม่อยากให้พวกเรารู้อดีตของเธอ”
และ “ใครคนนั้น” จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากลุงของเขาเอง
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ลุงของเขาพยายามอย่างมากที่จะกีดกันเขาออกไป
ณ อีกด้านหนึ่งของเมือง หนวนจิ่วร้องครางด้วยความเจ็บปวด รู้สึกเหมือนว่าศีรษะของเธอกำลังถูกบีบอัดอย่างรุนแรง
เธอพยายามยันตัวเองเพื่อลุกขึ้นนั่งขดตัวอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอจึงใช้ปลายนิ้วของเธอกดและคลึงที่ขมับทั้งสองข้างอย่างช้า ๆ เธอรู้สึกทรมานจากอาการเมาค้างอย่างรุนแรง
เมื่อเธอกวาดสายตาไปโดยรอบ ก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งได้อย่างงดงาม
แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูกระเซอะกระเซิง และมีคราบลิปสติกเลอะไปทั่วจากภาพสะท้อนของผนังห้อง ‘นั่นคือฉันเหรอ?’ เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
เธอรีบเอามือปิดปากตัวเองเมื่อเห็นภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้ ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็แล่นกลับเข้ามาในความทรงจำของเธอ โดยเฉพาะจูบนั่น...
‘ไอ้ผู้ชายหน้าด้านคนนั้น!’ เขาคือผู้ชายเมื่อห้าปีที่แล้ว! ฉันมั่นใจแน่ ๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงรีบก้มสำรวจร่างกายของตัวเอง โชคยังดีที่เธอยังสวมเสื้อผ้าอยู่ครบ
หนวนจิ่วพยักหน้าและถอนหายใจด้วยความโล่งอก สักวันเธอจะต้องชำระความกับเขาให้ได้!
จากนั้นเธอก็พาตัวเองลุกจากโซฟา และเปิดประตูห้องส่วนตัวแล้วเดินออก
โดยที่ด้านนอกประตูมีบริกรสองคนยืนขนาบอยู่ทั้งสองฝั่ง เมื่อเธอค่อย ๆ ย่องเดินออกไป พวกเขาเพียงแค่เหลือบมองเธอแล้วละสายตาไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ใส่ใจ หนวนจิ่วจึงรีบออกจากจินสี่คลับไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งแรกที่เธอทำคือตรงกลับบ้านเพื่อซักเสื้อผ้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกเหล่านั้น จากนั้นเธอจึงไปจุ๊บหมิงฮ่าวและหมิงเจา ลูกทั้งสองของเธอที่กำลังหลับใหลอยู่ ก่อนจะรีบตรงไปที่บริษัท มู่ซื่อ กรุ๊ป
เธอกัดฟันด้วยความโกรธขณะที่หวนคิดถึงสิ่งที่เสียวเสี่ยวทำกับเธอเมื่อวานนี้
มันไม่ใช่การถูกบีบบังคับให้ทำเพื่อโปรเจกต์โดยสิ้นเชิง นี่มันตั้งใจทำกันชัด ๆ !
เมื่อหนวนจิ่วเดินมาถึงที่ทำงาน เธอก็ตรงเข้าไปหาเสียวเสี่ยวที่หน้าห้องประชุม
“คุณเกาคะ” หนวนจิ่วทักทายเธออย่างเย็นชา
เสียวเสี่ยวอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วเธอก็รีบวางท่าทางให้ดูมีอำนาจเหนือกว่าทันที “นี่ฉันอุตส่าห์พาคุณไปร่วมประชุมเพื่อไปพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจกต์ด้วยเพราะความใจดีของฉันแท้ ๆ แต่ดูสิ คุณทำอะไรลงไป! คุณฮวงเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัท มู่ซื่อ กรุ๊ป เชียวนะ แต่คุณกลับทำให้เขาโกรธเคือง คุณจะชดใช้ค่าเสียหายของบริษัทยังไง?”
เมื่อเธอยิ่งพูดเธอก็ยิ่งโกรธ เล็บยาวที่ตกแต่งอย่างสวยงามของเธอจิ้มไหล่ของหนวนจิ่วอย่างแรง
ทันใดนั้นเอง หนวนจิ่วก็จับมือของเธอและหยุดเธอเอาไว้ก่อน น้ำเสียงที่นิ่งของเธอแตกต่างจากเสียงร้องโหยหวนของเสียวเสี่ยวเป็นอย่างมาก “ถ้าเรากำลังพูดถึงโปรเจกต์แล้วละก็ ทำไมคุณถึงทิ้งฉันที่กำลังเมาเอาไว้คนเดียว แล้วทิ้งให้ฉันอยู่กับคุณฮวงตามลำพังแบบนั้นล่ะคะ? หรือปกติแล้วคุณคุยธุรกิจกันแบบนี้เหรอ?”
เมื่อเพื่อนร่วมงานที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินดังนั้นจึงพากันโวยวายเสียงดัง
เมื่อวันก่อน ทุกคนต่างก็สงสัยว่าทำไมเสียวเสี่ยวถึงพาพนักงานใหม่ไปพบลูกค้ารายใหญ่แบบนั้น ตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่า เสียวเสี่ยวต้องการบังคับให้หนวนจิ่ว ขายร่างกายของเธอเพื่อแลกกับการทำโปรเจกต์
เธอเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่เธอกลับวางอุบายหลอกล่อเพื่อนผู้หญิงด้วยกันเพื่อยกระดับสถานะของตัวเองในบริษัทเสียอย่างนั้น ต่ำทรามอะไรขนาดนี้!
ทุกคนหันมามองเสียวเสี่ยวอย่างประณาม การจ้องมองด้วยความเกลียดชังของพวกเขาเหมือนจะทิ่มแทงทะลุหัวใจของเสียวเสี่ยว
เสียวเสี่ยวรู้สึกโกรธจัดกับความอับอายขายหน้านี้ เธอจึงสะบัดมือของหนวนจิ่วออกและแผดเสียงดังลั่น “หนวนจิ่ว นี่คุณกล้าดียังไงมาใส่ร้ายฉัน? คุณต่างหากที่เมาแล้วบอกให้ฉันปล่อยคุณไว้กับคุณฮวง! ไร้มารยาทสิ้นดี! คุณถูกไล่ออกแล้ว! ออกไปจากที่นี่ซะ!”
หนวนจิ่วสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อสงบสติอารมณ์ของเธอ ‘ฉันยังไม่ได้เริ่มทำงานที่ฉันตั้งใจจะทำที่นี่เลย จะให้ฉันออกจากบริษัท มู่ซื่อ กรุ๊ป แบบนี้ไม่ได้’
“ฉันไม่ไป” เธอตอบเสียงแข็ง
“ว่าไงนะ? !” เสียวเสี่ยวถึงกับอึ้ง เธอเชิดหน้าขึ้นแล้วชี้นิ้วไปที่หนวนจิ่วด้วยความโมโห “อยากให้เรียกรปภ.อย่างนั้นเหรอ?”
“เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” ทันใดนั้นเอง เสียงทุ้มลึกของผู้ชายก็ดังขึ้นจากด้านหลังพวกเขา
เพื่อนร่วมงานที่ยืนมุ่งอยู่โดยรอบต่างพากันนิ่งเงียบ และถอยห่างเพื่อหลีกทางให้ชายคนนั้น
แม้แต่เสียวเสี่ยวเองก็พยายามข่มอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ และมองชายที่กำลังเดินเข้ามาอย่างหวาดระวัง