สร้างรักด้วยกันกับเจ้าสาวจำยอม
ผู้เขียน:อรจิรา กมลานันท์
หมวดหมู่โรแมนติก
สร้างรักด้วยกันกับเจ้าสาวจำยอม
ขณะที่อาหารถูกเสิร์ฟ มู่เฉินจ้องไปที่จานอาหาร เขาจำได้ว่ากับข้าวพวกนี้ต่างจากที่น้าเหอเคยทำเป็นประจำ
เขามั่นใจว่าน้าเหอไม่ได้เป็นคนทำอาหารพวกนี้เอง เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่ยอมทาน และจ้องเขม็งไปที่อาหาร น้าเหอจึงบอกว่า “อาหารกลางวันของมื้อนี้เป็นฝีมือ คุณนายเหลิ่งค่ะ”
มู่เฉินเลิกคิ้วข้างหนึ่งแล้วหันไปมองหย่าหยิง “เธอทำอาหารเป็นงั้นเหรอ?”
“ฉันทำเป็นนิดหน่อยค่ะ” หย่าหยิงพูดออกมาตรง ๆ เธอรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการดูถูก นั้นทำให้เธอคิดว่า เธอคงทำเกินหน้าที่ไป
ทว่าเมื่อมู่เฉินละสายตาจากเธอ เขาก็เริ่มชิมอาหารทีละคำอย่างช้า ๆ หย่าหยิงที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ค่อนข้างหวั่นใจ เธอกลัวว่าเขาจะไม่ชอบอาหารพวกนั้น และจะต่อว่าเธออีก
หลังจากทานอาหารอย่างเงียบ ๆ จนอิ่ม ในที่สุดมู่เฉินก็วางตะเกียบลงแล้วหันมาหาเธอ “ในเมื่อเธอทำอาหารเป็น งั้นเธอก็คงจะไม่ลำบากใจที่จะต้องเตรียมอาหารให้สามีตัวเองหรอกนะ ตั้งแต่นี้ต่อไป เธอต้องเตรียมอาหารให้ฉันทานทุกมื้อ และอาหารนั้นห้ามซ้ำกัน”
เขาตั้งใจที่จะแกล้งเธอ ในเมื่อเธอกล้าที่จะลงมือ เขาจึงให้โอกาสเธอได้แสดงฟรีมือ
หย่าหยิงรู้สึกแปลกใจที่เขาไม่ได้โกรธ นั้นทำให้เธอเบาใจขึ้น แต่เขาก็ทิ้งโจทย์ที่ค่อนข้างอยากให้เธอไม่น้อย
เช้าวันรุ่งขึ้นมู่เฉินก็ได้จัดรถไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยตามที่เขาได้สัญญาเอาไว้
“อาหลี่คะ จอดให้ฉันลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ” หย่าหยิงขอให้คนขับรถจอดรถที่หน้าซอยทางเข้ามหาวิทยาลัย
“คุณนายเหลิ่งครับ แต่คุณเหลิ่ง สั่งผมอย่างเคร่งครัดให้ไปส่งคุณถึงประตูมหาวิทยาลัยนะครับ” อาหลี่ ผู้เป็นสารถีไม่ฟังคำขอของเธอและขับรถตรงเข้าไปที่มหาวิทยาลัย
หย่าหยิงรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ จึงไม่พูดอะไรอีก เธอเข้าใจดีว่าทำไมมู่เฉินถึงสั่งไว้แบบนั้น แต่เธอไม่ชอบมันเอาเสียเลย
แม้ว่าเธอเพิ่งจะเข้าเรียนได้ไม่นาน และยังรู้จักคนไม่มาก แต่เธอก็ไม่อยากมีชีวิตแบบนี้ในอนาคต
“ขอบคุณค่ะ อาหลี่” เมื่อพวกเขามาถึงประตูมหาวิทยาลัย หย่าหยิงเอ่ยขอบคุณคนขับแล้วก็ก้าวลงจากรถ
อาหลี่รอจนกระทั่งเธอเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยแล้ว หลังจากแน่ใจว่าเธอเข้าไปในมหาวิทยาลัยแล้ว เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหามู่เฉิน “คุณเหลิ่งครับ คุณนายเหลิ่งเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วครับ”
“จับตาดูเธอเอาไว้” มู่เฉินสั่งด้วยเสียงเรียบ ๆ ขณะยืนอยู่ที่หน้าต่าง แววตาที่เย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ
เขายังคงสงสัย ทำไมหย่าหลินถึงอยากไปเรียนนัก
หลังจากว่างสายไปไม่นาน หยี่เจ๋ก็เดินเข้ามาหาเขา “เอ่อ นายครับ”
“หยี่เจ๋นายเองเหรอ นั่งสิ” มู่เฉินบอกให้เขานั่งที่โซฟา
หลังจากนั่งลงแล้ว หยี่เจ๋ก็มองไปรอบ ๆ ห้อง แล้วถามว่า “เธออยู่ที่ไหนเหรอครับ?” มู่เฉินเข้าใจว่าหยี่เจ๋กำลังถามถึงหย่าหลิน
“นี่นายมาเยี่ยมเธอเหรอ?” มู่เฉินเหลือบมองเขาข้าง ๆ หยี่เจ๋ไม่ค่อยมาหาเขาที่นี่ จู่ ๆ เขาก็ถามหาหย่าหลิน
หยี่เจ๋สายหน้า “ไม่ใช่ครับ” เขาไม่สนใจผู้หญิงประเภทนี้เลย รูปลักษณ์ของเธออาจดูสดใสไร้เดียงสา แต่เธอมันผู้หญิงสำส่อน
“ถ้างั้นนายมาที่นี่ทำไม?” มู่เฉินถามพลางจุดบุหรี่
“ฉางชุนหนีไปอยู่เมืองอื่นแล้วครับ” นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมหยี่เจ๋ถึงถามว่าเธออยู่ที่ไหน
“เขาตั้งใจที่จะหนีอยู่แล้วนี่” มู่เฉินเดาเอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจ ฉางชุนอาจจะวางแผนนี้เอาไว้แต่แรก เขาส่งลูกสาวมาให้มู่เฉินเพื่อที่เขาจะได้หนีง่ายขึ้น
“ถ้างั้น นายคิดว่า คุณนายเหลิ่งจะหนีไปด้วยไหมครับ?” หยี่เจ๋คิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะทำอย่างนั้น ฉางชุนเป็นคนเจ้าเล่ห์ บางทีเขาอาจจจะวางแผนทุกอย่างมาตั้งแต่แรก
มู่เฉินคีบบุหรี่ออกมา ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า “เธอหนีไม่พ้นหรอก ฉางชุนก็ด้วย ไม่ว่าเขาจะหนีไปไหน เขาก็หนีฉันไม่พ้นอยู่ดี”
ที่เขาอนุญาตให้หย่าหลินออกจากวิลล่าได้ เพราะเขามีคนสอดแนมอยู่ทุกหนทุกแห่ง เขามั่นใจว่าเธอไม่มีทางหลอกเขาได้
“คุณเหลิ่ง ทำไมมั่นใจขนานนั้นครับ? ผู้หญิงคนนั้นเจ้าเล่ห์มากนะครับ” หยี่เจ๋เป็นห่วงว่า ถ้ามู่เฉินหลงเสน่ห์ความสวยของผู้หญิงคนนี้เข้า มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
“ที่นายพูดมาก็ถูก เธอเป็นคนเจ้าเล่ห์” มู่เฉินเห็นด้วย เขาจึงแปลกใจมาก ที่เธอเชื่อฟังเขา
“ไปกันเถอะ! เราต้องไปตรวจสอบความคืบหน้าของบริษัทย่อยด้วย” เหลิ่งซื่อ กรุ๊ป เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรม ตลอดจนสถานบันเทิงต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่น ๆ อีกหลายแห่งที่มีบริษัทในเครือทั่วโลก
“นายครับ ผมดีใจนะครับ ที่นายยังคิดเรื่องงานอยู่” หยี่เจ๋เป็นห่วงมู่เฉิน แล้วเขาก็รู้สึกโล่งอก ที่มู่เฉินยังเป็นมู่เฉินคนเดิม
ในขณะเดียวกัน หลังเลิกเรียนหย่าหยิงกลับไปที่หอพักเพื่อเก็บสัมภาระ เธอไม่มีสัมภาระมากนัก เธอมีเพียงแค่กระเป๋าเดินทางใบเล็กเท่านั้น
เธอวุ่นทั้งวันที่มหาวิทยาลัย หลังเลิกเรียน เธอก็ไปที่ห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือ และจดเลคเชอร์ เพื่อนของเธอสองสามคนมาคุยกับเธอตอนที่เธออยู่ในหอพัก เธอยิ้มทักทายพวกเขา
“ฉันได้ยินมาว่า เมื่อเช้านี้เธอนั่งรถหรูมาเรียน จริงเหรอ?” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย
หย่าหยิงตกใจเล็กน้อย เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำถามนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่
“เรื่องจริง ฉันเห็นกับตา” เพื่อนอีกคนตอบแทน “หย่าหยิง เธอมีแฟนเป็นไฮโซตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่เห็นจะแปลก ก็เธอสวยออกอย่างนี้ ต้องมีไฮโซมาสนใจอยู่แล้ว”
เพื่อนของเธอมั่นใจมากว่า เธอคบกับไฮโซโดยที่ไม่ยอมบอกใคร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอย้ายออกจากหอพัก ทว่าไม่มีใครรู้ความจริงว่าเธอถูกขาย และเธออาจไม่มีวันได้รับอิสรภาพคืนมาอีกเลยตลอดชีวิต
“ว้าว! เขาอายุเท่าไหร่เหรอ? เป็นตาแก่หัวล้านด้วยรึเปล่า?” พวกเพื่อน ๆ ของเธอเป็นพวกชอบซุบซิบ พวกเธออาจจะพูดขำ ๆ แต่จริง ๆ แล้วพวกเธออยากรู้เอามาก ๆ ไม่มีใครเดาออกถึงเรื่องที่เธอได้แต่งงานกับหนุ่มไฮโซ ที่หล่อเหลา แต่เขาไม่เคยรักเธอเลย
ทุกคนรู้ว่าหย่าหยิงไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะวิ่งตามผู้ชายรวย ๆ พวกเขาคงคิดไม่ถึงว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร?