สร้างรักด้วยกันกับเจ้าสาวจำยอม
ผู้เขียน:อรจิรา กมลานันท์
หมวดหมู่โรแมนติก
สร้างรักด้วยกันกับเจ้าสาวจำยอม
หย่าหยิงไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อน ๆ เพราะถึงเธอจะพูดไปพวกเขาก็คงจะไม่เข้าใจกับเรื่องที่เธอต้องเจอ
หลังจากคุยกับเพื่อน ๆ แล้ว หย่าหยิงก็ใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดอยู่นาน เธออยู่ที่นั่นกระทั่งมืด ดวงตาของเธอเริ่มล้า เธอขยี้ตา แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ห้องสมุด ตอนนี้มีคนหลงเหลืออยู่ไม่มากนัก หย่าหยิงก้มลงเก็บหนังสือ แล้วเอามือทุบไปที่ไหล่ที่เมื่อยล้าของเธอ ทันทีที่เธอเหลือไปเห็นนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก็ทำให้เธอนึกขึ้นได้ เลยเวลาที่เธอต้องกลับบ้านมาแล้ว
เธอขมวดคิ้วแน่น แย่แน่ ๆ ไม่น่าปล่อยให้เป็นแบบนี้เลย หย่าหยิงรีบออกมาจากมหาวิทยาลัย แล้วเธอก็เห็นรถที่คุ้นตาจอดรอเธออยู่ “อาหลี่คะ ฉันขอโทษจริง ๆ นะคะ! ฉันไม่ทันคิดว่ามันดึกมากแล้ว”
อาหลี่มองเธอเฉย ๆ แล้วพูดว่า “คุณนายเหลิ่งครับ กรุณาขึ้นรถครับ คุณเหลิ่ง กำลังรอคุณอยู่ที่วิลล่า”
เธอนั่งกระสับกระส่ายไปตลอดทาง นี่เธอลืมเวลาไปได้ยังไงกัน? มู่เฉินสั่งให้เธอกลับไปที่วิลล่าตอนห้าโมงเย็นของทุก ๆ วัน แต่เธอก็แหกกฎตั้งแต่วันแรก
ในห้องนั่งเล่นของวิลล่าเปิดไฟอย่างสว่างไสว โคมไฟคริสตัลที่นำเข้าจากอิตาลีส่องประกายอยู่เหนือศีรษะ แต่บรรยากาศภายในห้องนั้นกลับเย็นยะเยือก
ทันทีที่หย่าหยิงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เธอก็จ้องไปที่มู่เฉิน ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาและกำลังสูบบุหรี่อยู่ กลิ่นฉุนแรงของบุหรี่ ทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ เธอไอถี่ ๆ ตอนที่สูดควันบุหรี่เข้าไป เธอกัดริมฝีปากขณะเหลือบไปเห็นที่เขี่ยบุหรี่เต็มไปด้วยก้นบุหรี่ วันนี้เธอถึงฆาตแล้ว หย่าหยิงกระแอมในลำคอ แล้วพูดกับมู่เฉินว่า “คุณเหลิ่งคะ ฉันเอ่อ ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันลืมเวลา”
มู่เฉินตะคอกเสียงดังใส่เธอทันที “นี่เธอกล้าดียังไงไม่ทำตามคำสั่งฉัน?”
ตอนเช้าก่อนที่เขาจะออกไป เขาก็ได้กำชับเธอแล้ว แต่เธอก็กลับมาช้าไปถึงสองชั่วโมง เธอไม่ใส่ใจ และคิดว่าเขาจะยกโทษให้เธอเพียงแค่เธอขอโทษงั้นเหรอ?
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันลืมจริง ๆ ฉันไม่ทันได้สังเกต” ทว่าสิ่งที่เธออธิบายออกมา ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะเขาไม่เชื่อเธอแม้แต่น้อย
เขาสงสัยว่าเธอจงใจลืมเวลา แล้วก็พยายามโกหกเพื่อต้องการให้เขายกโทษให้
ถึงแม้เธอจะเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสองวัน แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาเป็นคนแบบไหน และในอนาคตเธอต้องอยู่กับชายที่เต็มไปด้วยความเย็นชา และโหดเหี้ยมคนนี้ทุกวัน
มู่เฉินโยนก้นบุหรี่ลง แล้วลุกขึ้นยืน เขาเดินตรงเข้าไปหาเธอ “เธอไปหาใครมา? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เขามองเข้าไปในตาเธอ แล้วเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างงุนงง เขากำลังสงสัยเธอ
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ค่ะ ต่อให้ฉันพูดความจริง คุณก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี” แม้หย่าหยิงจะอ่อนแอ แต่เธอก็มีความหยิ่งในเกียรติของตัวเอง
“ขึ้นไปข้างบนกับฉัน” มู่เฉินสั่งเธออย่างเย็นชา แล้วหันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน
หย่าหยิงเหลือบไปเห็นสายตาที่เวทนาสงสารเธอของน้าเหอ เธอกัดไปที่ริมฝีปากเบา ๆ แล้วเดินตามเขาขึ้นไปชั้นบน
เมื่อไปถึงห้องนอน มู่เฉินนั่งลงบนโซฟาแล้วพูดว่า “เธอเกเร แล้วก็ดื้อด้านมากนักนะหย่าหลิน เธอควรจะตระหนักเอาไว้นะ ถ้าเธอไม่เชื่อฟังฉัน ฉันจะทำให้ตระกูลฉินหายไปจากโลกนี้”
“ฉันเชื่อค่ะ ฉันเชื่อเสมอ” หย่าหยิงรู้ดีว่ามู่เฉินมีอำนาจมากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่อำนาจของเขา ฉางชุนก็คงไม่เอาตัวเธอมาแลก เพื่อความปลอดภัยของตระกูลฉินแน่ ๆ
“เธอเชื่องั้นเหรอ? แต่สิ่งที่เธอทำไม่ได้พิสูจน์อะไรเลยนะว่าเธอเชื่อ” มู่เฉินสงสัยมาตลอดว่าที่เธออยากออกไปข้างนอก เพราะเธออยากจะไปหาผู้ชาย การที่เธอกลับมาบ้านช้าในวันนี้ ยิ่งทำให้เขาเชื่ออย่างสนิทใจ
สายตาที่เย็นชาของมู่เฉิน ทำให้เธอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“พรุ่งนี้เธอยังจะไปเรียนอีกไหม?” เขาอยากให้เธอปฏิเสธ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ตอบในสิ่งที่เขาต้องการจะได้ยิน
“ใช่ค่ะ ฉันจะไป” หย่าหยิงกลัวมู่เฉิน และไม่อยากให้เขาไปคอยจับตาดูเธอที่มหาวิทยาลัย
แม้ว่าฉางชุนจะสับเปลี่ยนข้อมูลของเธอกับหย่าหลิน แต่ก็อาจมีบางอย่างที่เขาพลาดไปก็ได้ ถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเอกสารยืนยันตัวตนของเธอล่ะ?
อยู่ ๆ มู่เฉินก็เอื้อมมือมาฉีกเสื้อผ้าของเธอ ทำให้เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ สายตาที่เย็นชาของเขา จ้องไปที่ความงามบนเรือนร่างของเธอ จากนั้นเขาก็สั่งเธอว่า “ไปอาบน้ำซะ! แล้วอย่าออกมาจากห้องน้ำจนกว่าฉันจะสั่ง”
หย่าหยิงไม่พูดอะไรออกมา เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที เธอยืนอยู่ตรงกลางของห้องน้ำที่กว้างขว้างใหญ่โต ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา จากนั้นเธอก็ถอดเสื้อผ้าออก และเริ่มขัดตัวด้วยสบู่ เธอขัดถูอยู่นาน แต่ไม่ว่าเธอจะขัดถูยังไงมันก็ไม่สะอาดขึ้นอยู่ดี
เธอขัดถูอย่างแรง จนผิวเธอเริ่มถลอก ผิวที่ขาวผ่องของเธอเผยให้เห็นรอยแดงปื้นบนผิวหนัง
เธอเหนื่อมากจนพึมพำออกมาว่า “พี่ยี่เฟิงทำไมพี่ไม่กลับมารับฉันสักที พี่บอกว่าจะกลับมารับฉันไม่ใช่เหรอ? ฉันรอพี่นานแล้วนะ พี่บอกว่าพี่จะกลับมารับฉัน แล้วจะพาฉันไปอยู่ด้วย แต่พี่ก็ไม่เคยกลับมา!”
ต่อให้ตอนนี้เขากลับมา เธอก็คงดีไม่พอ แม้ว่าตัวเธอจะยังคงรอเขา แต่เธอก็คงไม่มีอิสระอีกต่อไป เพราะเธอถูกบังคับให้แต่งงานไปแล้ว
มู่เฉินเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เขาสังเกตเห็นหย่าหยิงขดตัวกลมเป็นลูกบอล และร้องไห้อย่างหนัก มีรอยแดงทั่วร่างกายเธอ เขาเข้าไปดูอาการเธอ เขาเอามือวางไปบนไหล่ของเธอ และสัมผัสได้ว่าเธอมีไข้สูง
เขาเริ่มสงสัยเธออีกครั้ง บางทีเธออาจตั้งใจอาบน้ำเย็น เพื่อทำให้ตัวเองเป็นไข้ เธอก็ทำได้แค่คอยปั่นหัวเขา
“น้าเหอ!” มู่เฉินตะโกนเรียกเสียงดัง เมื่อน้าเหอวิ่งเข้ามา เขาบอกน่าเหอให้พาหย่าหยิงไปที่ห้องรับรองแขก
“นายท่านคะ คุณนายเหลิ่งมีไข้ขึ้นสูงมากเลยนะคะ จะให้ดิฉันเรียกหมอไหมคะ?” น้าเหอรู้สึกเป็นห่วงเธอเล็กน้อย
มู่เฉินยังคงยืนนิ่ง ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง
“พี่ยี่เฟิง พี่ยี่เฟิง...” หย่าหยิงยังคงพึมพำอยู่ เธอเห็นยี่เฟิงตอนที่เธอหมดสติ เธอเห็นว่าเขามาหาเธอ และพาเธอไปกับเขาด้วย เขาสัญญาว่าเขาจะพาเธอไปที่ที่มีเพียงเขากับเธอสองคน ที่ที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
‘นี่เธอเรียกชื่อผู้ชายคนอื่นอยู่เหรอ? ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?’
มู่เฉินขมวดคิ้ว มู่เฉินเดินออกจากห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ แล้วโบกมือไล่น้าเหอออกไป ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เขาก็ขับรถออกไปจากวิลล่า