สร้างรักด้วยกันกับเจ้าสาวจำยอม
ผู้เขียน:อรจิรา กมลานันท์
หมวดหมู่โรแมนติก
สร้างรักด้วยกันกับเจ้าสาวจำยอม
ก่อนที่หย่าหยิงจะทันได้วางสาย มู่เฉินก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว คว้าโทรศัพท์ของเธอแล้วขว้างมันลงบนพื้น แรงกระแทกทำให้โทรศัพท์แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“โทรศัพท์ฉัน!” หย่าหยิงร้องลั่น เธอมองโทรศัพท์ที่แตกกระจายอยู่บนพื้นด้วยความตกใจ เธอต้องออมเงินอยู่นานหลายเดือน ถึงซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มาได้ แม้ว่าเธอจะใช้โทรศัพท์มาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ไม่มีเงินพอที่จะซื้อโทรศัพท์เครื่องอื่นได้ในตอนนี้
“โอ้? โทรศัพท์พังซะแล้ว? คุณมาจากตระกูลฉิน โทรศัพท์ราคาถูก ๆ เครื่องนี้คงจิ๊บจ๊อยสำหรับคุณ ถ้าคุณอยากคุยกับยี่เฟิงมากนักละก็ ผมจะให้โทรศัพท์ผมไว้ใช้" มู่เฉินโกรธจัดหลังจากรู้ว่าหย่าหลินหักหลังเขา เมื่อเขาไม่อนุญาตให้เธอติดต่อยี่เฟิงอีก
เขาเดินไปที่โทรศัพท์ของเธอที่กองอยู่บนพื้น และมองมันด้วยความสะใจ “คุณใช้โทศัพท์รุ่นโบราณขนาดนี้ ผมล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าคุณเป็นทายาทตระกูลฉินจริง ๆ รึเปล่า“
หย่าหยิงสะดุ้งกับคำพูดของเขา เขาเคยสงสัยเธอ แล้วถ้าเขารู้ความจริงล่ะ? ถ้าเขารู้ว่าเธอไม่ใช่หย่าหลิน ตระกูลฉินจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
หย่าหยิงพยายามทำใจสู้แล้วตอบกลับไปด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า “ฉันมาจากตระกูลฉิน ฉันว่าเรามาทำข้อตกลงกันเถอะ จากนี้ไปฉันจะฟังคำของคุณทึกอย่าง แต่คุณต้องไม่ทำร้ายพ่อ และพี่ยี่เฟิงของฉัน ตกลงไหม?“
มู่เฉินหันกลับมามองเธอ “คุณไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น และผมก็ไม่เชื่อคำพูดของเขา หุบปากแล้วทำตัวดี ๆ”
หย่าหยิงไม่มีสิทธ์ที่จะเถียงเขา เธอไม่มีทางเลือก นอกจากยอมรับฟังทุกคำสั่งของเขา
ในขณะเดียวกัน ยี่เฟิงก็หงุนงงที่สายถูกตัดไปอย่างกระทันหัน เขาพยายามโทรหาเธออีกครั้งแต่ก็โทรไม่ติด เขาพยายามหาที่อยู่ของเธอจากเพื่อนของเธอ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน
เขาเต็ดเตร่อยู่แถวประตูมหาวิทยาลัยเกือบทั้งวัน แต่หย่าหยิงก็ไม่ปรากฏตัว
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนก็ใกล้จะค่ำแล้ว หวางซิน และหลิงหลิงกำลังเดินกลับบ้านด้วยกันก็สังเกตุเห็นยี่เฟิงอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย “ผู้ชายคนนั้นมาหาหย่าหยิงไม่ใช่เหรอ? เขามาทำอะไรแถวนี้“ หลิงหลิงพูดกับหวางซิน
“เขาต้องมาตามหาหย่าหยิงแน่ ๆ วันนี้เธอไม่มาเรียน เธออาจจะไม่สบาย” หวางซินพูดด้วยความเป็นห่วง
“หย่าหยิงจะป่วยได้ยังไง? ตอนนี้เธอไปอยู่กับไฮโซคนนั้น ไม่ใช่เหรอ? เขาจะไม่ดูแลเธอดุดเสมือนเจ้าหญิงเหรอ? ต่อไปหย่าหยิงก็ไม่ต้องเรียนหนังสือให้เหนื่อยแล้วแหละ!”
หลิงหลิงพูดออกมาดัง ๆ โดยตั้งใจให้ยี่เฟิงได้ยินสิ่งที่เธอพูด
แล้วมันก็ได้ผล ยี่เฟิงได้ยินชื่อหย่าหยิง และหันไปทางพวกเธอ เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดขณะเดินเข้าไปหาพวกเธอ “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?” เขาจับแขนของหลิงหลิงอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อุ๊ย! เจ็บนะ ปล่อยฉันนะ!“ หลิงหลิงไม่คิดว่าเขาจะดึงแขนเธอแรงขนาดนี้ เขาดูเหมือนสุภาพบุรุษที่หล่อเหลา แต่ไม่มีมารยาทกับผู้หญิงเอาซะเลย
ยี่เฟิงแสดงสีหน้าเคร่งเครียดแล้วปล่อยแขนเธอ “คุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหยิงหยิงเหรอ คุณต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอใช่ไหม?”
หลิงหลิงกลอกตาไปมา “หย่าหยิงเคยอยู่หอเดียวกับพวกเรา แต่เธอเพิ่งจะย้ายออก และลาออกจากงานพาร์ทไทม์ วันก่อนมีรถหรูมาส่งเธอที่มหาวิทยาลัย พวกเราไม่แน่ใจนัก แต่ทุกคนก็พากันนินทาว่าเธอกำลังคบหากับไฮโซคนหนี่ง” ใบหน้าของยี่เฟิงดูเคร่งเครียดเมื่อหลิงหลิงพูดแบบนั้น
“นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้” หลิงหลิงยักไหล่แล้วเดินจากเขาไป ผู้ชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นพวกไฮโซนะ เขาคงชอบหย่าหยิงมากมั้ง?
หวางซินเดินเข้าไปหายี่เฟิงแล้วพูดว่า “นี่คุณ นี่เป็นแค่เรื่องที่เขานินทากัน อย่าสนใจเลย คุณทิ้งเบอร์โทรไว้ไหม? ถ้าเธอมาเรียน ฉันจะโทรบอก”
ยี่เฟิงตกลง เขาหยิบนามบัตรออกมาแล้วยื่นให้หวางซิน “ขอบคุณมากนะ พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่”
พวกเขาล่ำลากันก่อนที่เขาจะขึ้นรถบีเอ็มดับเบิลยู และขับรถออกไป
ในขณะเดียวกัน ฉิงโม่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องทำงานของยี่เฟิงโดยไม่ได้แจ้งให้เขาทราบล่วงหน้า วันนี้เธอสวมชุดเดรสชีฟองสีชมพูอ่อน ซึ่งดูดีมากเมื่อมันอยู่บนเรื่อนร่างของเธอ และเธอตั้งใจใส่มาเพื่อเอาใจยี่เฟิง เธอนั่งบนโซฟาในขณะที่บอดี้การ์ดยืนอยู่ข้างเธอ ผู้ช่วยของยี่เฟิงยื่นน้ำผลไม้สดมาให้เธอ “คุณฉิงโม่ครับ น้ำผลไม้ครับ
ยี่เฟิงอยู่ไหน? เขาไปไหน” เธอจ้องไปที่ผู้ช่วยของยี่เฟิง ฉิงโม่เป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลมาก เธอไม่เคยอนุญาตให้ผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้ยี่เฟิง แม้แต่ผู้ช่วยส่วนตัวของเขาเธอก็เป็นคนเลือกเอง พนักงานทุกคนที่ยี่เฟิงติดต่อทำธุระด้วยส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย
“คุณฉิงโม่ครับ ท่านรองประธานแค่บอกว่าวันนี้เขามีธุระส่วนตัวที่ต้องทำ” เฝิงเหล่ย ผู้ช่วยส่วนตัวของยี่เฟิง พูดในสิ่งที่ยี่เฟิงกำชับเขาไว้ก่อนจะออกไป เขารู้ว่าคำตอบที่คลุมเครือจะทำให้สมิธไม่พอใจ แต่เขาก็ขัดคำสั่งของยี่เฟิงไม่ได้
“เรื่องส่วนตัว? เรื่องอะไร? เขาไม่ถามถึงฉันเลยหรอ” เสียงของฉิงโม่ ค่อนข้างไม่พอใจ ยี่เฟิงมีท่าทีแปลก ๆ ตั้งแต่เขากลับมาจากต่างประเทศ เขามักจะเหม่อลอย ราวกับมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
เธอคอยถามเขาว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่เขาไม่เคยตอบเธอเลย เรื่องนี้ทำให้เธอสงสัยเป็นอย่างมาก
“ท่านรองประทานไม่ได้บอกผมเหมือนกันครับ” เฝิงเหล่ยพบว่าการที่ต้องตอบคำถามของมอลลี่ ยากกว่าการที่ต้องจัดการกับลูกค้าที่เกเร และไม่รู้จักพอ
“คุณเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขาไม่ใช่เหรอ? คุณควรรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา คุณควรตามเขาไปเมื่อเขาออกไปทำธุระข้องนอกไม่ใช่เหรอ?” ฉิงโม่จิบเครื่องดื่มจากแก้ว แล้วออกคำสั่ง “โทรหาเขาแล้วบอกให้เขากลับมาเร็ว ๆ”
แต่มันไม่จำเป็น เมื่อยี่เฟิงเปิดประตูเข้ามาในห้อง “ฉิงโม่! คุณมาทำอะไรที่นี่?“
เมื่อฉิงโม่เห็นยี่เฟิง เธอก็ยิ้มออก เธอวางแก้วน้ำผลไม้ลงบนโต๊ะแล้วเดินไปหาเขา ฉิงโม่รีบลุกขึ้นไปหาเขา แล้วเอ่ยถามทันที่ว่า “ยี่เฟิง คุณไปไหนมา? ฉันอยากทานอาหารเย็นกับคุณ”
ยี่เฟิงมองผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา แล้วตอบตกลง “ได้ครับ ผมจะไปกินข้าวกับคุณ”
“ฉันมาขัดจังหวะงานของคุณรึเปล่าคะ? วันนี้คุณคงยุ่งมาก” ฉิงโม่ถามอย่างไม่แน่ใจ
ยี่เฟิงทำงานอย่างขยันขันแข็งมาโดยตลอด เขามักจะไปทำงานแต่เช้า และกลับดึก และช่วงนี้ก็กลับดึกบ่อยขึ้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกวันนี้เขาทำอะไรบ้าง
“ไม่เป็นไร คุณอยากกินอะไรเหรอ? เราไปทานร้านอาหารมิชลินสตาร์กันดีกว่าค่ะ” ยี่เฟิงยื่นมือไปโอบเอวของเธอ และทั้งสองก็เดินออกจากสำนักงานไป
“ยี่เฟิง ช่วงนี้งานคุณยุ่งเกินไปรึเปล่า? ช่วงนี้คุณไม่มีเวลาให้ฉันเลย คืนนี้มาสนุกด้วยกันเถอะนะ นะๆๆๆๆๆ?“ ฉิงโม่เป็นคนแนะนำให้กรรมการบริษัทแต่งตั้งยี่เฟิงเป็นรองประธาน
ยี่เฟิงจึงปฏิเสธคำขอของเธอไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขามีที่กำหนดงานไว้ล่วงหน้าเต็มตาราง เขาจึงพูดกับฉิงโม่ว่า “ฉิงโม่ คืนนี้คงไม่ได้ ผมมีงานค้างอยู่เยอะเลย แต่ผมสัญญา คืนพรุ่งนี้ผมจะเป็นของคุณคนเดียว”
“ก็ได้ค่ะ อย่างนั้นก็ได้ คืนนี้ฉันจะอยู่ข้าง ๆ คุณในตอนที่คุณทำงาน แต่ฉันจะไม่รบกวนฉันสัญญา” ฉิงโม่ตั้งใจจะอยู่กับยี่เฟิงคืนนี้ยาว ๆ ไป ดังนั้นเธอจึงไม่ให้โอกาสเขาปฏิเสธข้อเสนอของเธอ
ในที่สุดยี่เฟิงก็ต้องยอมทำตามคำขอของเธอ เขาไม่อยากทำให้เธอเสียใจ
ขณะเดียวกันอานน่าก็ไปพบมู่เฉินที่ห้องทำงานของเขา “คุณ เหลิ่ง”
“อานน่า นั่งก่อนสิ“ มู่เฉินไม่ได้มองมาที่เธอ เขายังคงอ่านเอกสารในมือของเขาต่อไป
“คุณ เหลิ่ง ฉันได้ยินมาจากหยี่เจ๋ คุณกำลังหาข้อมูลของ ยวูซื่อ กรุ๊ป เป็นเพราะภรรยาของคุณรึเปล่าคะ?” อานน่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น ยวูซื่อ กรุ๊ป เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ถ้ามู่เฉินตั้งใจที่จะซื้อมัน เขาจะต้องทุ่มทุนมหาศาล
มุมปากของมู่เฉินเอียงขึ้น “อานน่าทำไมคุณถึงสนใจเรื่องนี้?”
อานน่ายิ้ม “คุณ เหลิ่ง สมองฉันคิดแต่เรื่องที่คุณให้ความสนใจเท่านั้นแหละค่ะ” แล้วเธอก็ถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอรึเปล่าคะ?”
มู่เฉินลุกขึ้นดึงเธอเข้ามาใกล้ ๆ “กลับไปรอฉันที่คลับ แล้วเดี๋ยวฉันตามไป”
อานน่าพยักหน้าก่อนจะจูบเบา ๆ ไปที่ริมฝีปากของเขา “ตกลงค่ะ ฉันจะให้พวกเขาเตรียมอาหารอร่อย ๆ รอคุณเป็นพิเศษนะคะ”
ทุกวันนี้มู่เฉินไม่ค่อยได้ไปที่คลับ อาจเป็นเพราะผู้หญิงที่ชื่อ หย่าหลิน คนนั้น