ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
ผู้เขียน:จิรโชติ ทองม่วง
หมวดหมู่โรแมนติก
ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
เสิ่นห้าวมองไปรอบ ๆ ห้อง ประหนึ่งว่า ตัวเองไม่ได้ระแคะระคายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่
กู้หนานพยายามเก็บซ่อนความประหลาดใจของเขา “คุณอาของผมงั้นเหรอ ? เขาอยู่ที่นี่เนี่ยนะ?”
“ไม่นานมานี้ คุณถิงเจว๋ได้หันมาสนใจพวกเครื่องประดับมากขึ้น” เสิ่นห้าวอธิบาย “เขาจึงสนใจการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับครั้งนี้มาก”
จู่ ๆ คุณโยว่หงก็รู้สึกอิ่มเอมใจ ‘นี่เธอได้ยินที่เขาพูดรึเปล่า?’ เธอพูดกับตัวเอง ‘คุณกู้ถิงเจว๋หรือท่านประทานบริษัทเจริญศิริวงศ์ เขาเป็นชายผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลเจริญศิริวงศ์’
ถ้าเธอสามารถชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้ และทำให้เขาประทับใจ รับรองได้ว่าเธอจะมีอนาคตที่สดใส และใครจะไปรู้ เขาอาจจะชอบเธอด้วยซ้ำ
โยว่หงปล่อยให้ตัวเองมโนเกี่ยวกับกู้คุณกู้ถิงเจว๋
อย่างไรก็ตาม กู้หนานรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ความจริงคุณถิงเจว๋สามารถโทรหากู้หนานได้ แต่เขากลับส่งผู้ช่วยมาตามเขาแทน ทำแบบนั้นเพื่ออะไรกัน? ‘บางทีเขาอาจมีเรื่องสำคัญมากที่จะคุยกับฉันงั้นเหรอ?’
ความคิดของกู้หนานกำลังตีกันเองอยู่ในหัวของเขา “ตอนนี้งั้นเหรอ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ใช่ครับ คุณกู้หนาน อย่าปล่อยให้คุณถิงเจว๋รอนานเลยครับ” เสิ่นห้าวพยักหน้าตอบ ลักษณะท่าทีที่เคร่งขรึมของเขา ทำให้กู้หนานคล้อยตาม
กู้หนานรู้ดีว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าปล่อยให้ผู้ชายอย่างถิงเจว๋รอนาน เขาหันกลับไปเห็นเสี่ยเหมียนยืนนิ่ง พร้อมกับเม้มริมฝีปากบางๆเป็นเส้นตรง เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง และรีบพุ่งตัวออกจากห้อง
‘ไปซะที!’ เสี่ยเหมียนรู้สึกโล่งอกทันที
เธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอคิดด้วยความโล่งใจว่า ‘ถ้าคุณถิงเจว๋อยู่ในห้องของฉันตอนนี้... แสดงว่าเสิ่นห้าวก็ต้องโกหกแน่เลย?’
‘ทุกอย่างผิดแผนไปหมด’ โยว่หงคิดในใจ เธอรับไม่ได้ที่แผนเธอพังไม่เป็นท่า!
เธอแน่ใจว่า มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลในห้องของเสี่ยเหมียน แต่กู้หนานทิ้งเธอไว้คนเดียวที่นี่ เธอเลยไม่กล้าปรี่ตัวเข้าไปในห้องนั้นคนเดียว
“กู้หนานไปแล้วนิ ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่อีก?” เห็นโยว่หงยังคงยืนอยู่ตรงประตู เสี่ยเหมียนเลยโพล่งถามขึ้นมา
อันที่จริง โยว่หงต้องการตามกู้หนานออกไปด้วย เพราะเธออยากเจอกับชายผู้เป็นตำนาน ถึงยังงั้น กู้หนานไม่ได้ตั้งใจที่จะพาเธอไปด้วย เพราะเขาคิดว่าโยว่หงไม่มีค่าพอที่จะอยู่เคียงข้างเขา และไม่คู่ควรที่จะเผชิญหน้ากับกู้ถิงเจว๋
และคนที่คู่ควรที่สุด กลับกลายเป็นคนที่กู้หนานเกลียดมากที่สุดในตอนนี้
“เสี่ยเหมียน เดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกัน!”
เธอพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับรองเท้าส้นสูงคู่มันวับ เธอไม่กล้าขอให้กู้หนานพาเธอไปพบกับคุณถิงเจว๋ด้วย
ถึงยังงั้น โยว่หงไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เธอไหว้วานให้ใครสักคนจับตาดูห้องของเสี่ยเหมียน ถ้ามีคนออกมาจากห้อง กล้องก็จะจับภาพเอาไว้ได้ เธอวางแผนไว้อย่างดี ตั้งใจจะเดินไปที่ห้องของเสี่ยเหมียนกับกู้หนาน แล้วก็พบว่าคุณเสี่ยเหมียนกำลังนอนอยู่กับชายคนอื่น แต่แผนกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ตอนนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องใช้แผนสองแทน
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว จู่ ๆ เสี่ยเหมียนก็นึกถึงเลขาหลี่ขึ้นมาได้ เขายังคงนอนอยู่บนพื้น แต่ทุกคนลืมเขาไปแล้ว เสี่ยเหมียนรู้สึกเห็นใจ เธอเลยเรียกรถพยาบาลให้เขา
กู้หนานรีบเดินกระแทกส้นเท้าไปตามทางเดินด้วยความฉุนเฉียว “คุณอาของผมอยู่ที่ไหน?”
“ที่เลานจ์กาแฟชั้นหนึ่งครับ” เสิ่นห้าวพูดอย่างสุภาพ เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นใบหน้าที่โกรธจัดของกู้หนาน
กู้หนานแทบจะคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ เขาจัดชุดสูทของเขาก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับเสิ่นห้าว
เขาเคารพอาของตัวเองเสมอมา ส่วนใหญ่เป็นเพราะถิงเจว๋จัดการให้เขาดูแลธุรกิจของครอบครัวเป็นครั้งคราว เพื่อให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้งาน มันมีสำคัญมากสำหรับกู้หนาน เพราะวันหนึ่ง เขาจะเป็นคนที่เข้ามาแทนที่ถิงเจว๋ ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูลเจริญศิริวงศ์
นั่นเป็นเหตุผลที่คุณกู้หนานปล่อยคุณเสี่ยเหมียนไปแบบง่าย ๆ เขากลัวถิงเจว๋จะเปลี่ยนใจ หากรู้เรื่องแย่ ๆ ที่เขาทำเอาไว้
น่าขันตรงที่ คุณอาที่กู้หนานเคารพนักหนา เขากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอนของเสี่ยเหมียน
เสี่ยเหมียนกล้าดียังไง ถึงเอาเขาไปไว้ในตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ แบบนี้!
เมื่อครู่นี้ ขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเสี่ยเหมียน และฟังคนด้านนอกทะเลาะกัน เขาได้ยินใครสักคนเรียกเขาว่า “ชายชู้” เขาหงุดหงิดกับคำนี้มาก จนแทบจะกระโดดออกมาจากตู้เสื้อผ้า!
คุณถิงเจว๋ไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน!
ถึงยังงั้น ตอนที่เขาได้ยินเสียงที่ฟังดูประหม่าของเสี่ยเหมียน จู่ ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่า เธอพยายามรับจะมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ โดยไม่ปล่อยให้มันอลหม่านไปกว่านี้ เขายอมที่จะทำใจให้สงบลง เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง และส่งข้อความถึงเสิ่นห้าว
หลังจากนั้นไม่นาน เลขาหลี่ก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และประตูห้องของเสี่ยเหมียนที่พังก็ได้รับการซ่อมแซม เสี่ยเหมียนรู้สึกเหนื่อยมาก แต่ทันใดนั้นเอง เธอนึกได้ว่า คุณถิงเจว๋ยังคงแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอ หัวใจของเธอกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง
“คุณ คุณถิงเจว๋ ออกมาได้แล้วค่ะ”
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
เสี่ยเหมียนเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วเรียกอีกครั้ง “คุณถิงเจว๋”
คนในตู้เสื้อผ้าก็ยังคงนิ่งเงียบ ณ ตอนนี้ ความเงียบกำลังปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
เสี่ยเหมียนเริ่มตื่นตระหนก หรือว่าคุณถิงเจว๋จะหมดสติหลังจากถูกขังอยู่ในตู้เสื้อผ้านานเกินไปรึเปล่า?
“ได้ยินมั้ยคะ คุณถิงเจว๋” เธอรีบวิ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เสี่ยเหมียนตกใจมาก เพราะก่อนที่เธอจะมองเห็นด้านใน จู่ ๆ ก็มีมือที่แข็งแรง ดึงเธอเข้าไปในตู้เสื้อผ้า
“โอ๊ะ” เสี่ยเหมียนสะดุ้งขณะพยายามดิ้นรน เพื่อให้ตัวเองให้เป็นอิสระ แต่มันกลับไร้ประโยชน์
และแล้วประตูตู้เสื้อผ้าก็ถูกปิด ภายในนั้นมืดเกินกว่าที่เสี่ยเหมียนจะมองเห็นใบหน้าของคุณถิงเจว๋ และตอนนี้ เธอก็ขยับตัวไม่ได้เลย หัวของเธอไปซบที่หน้าอกของเขาอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้
“ตอนนี้ คุณเข้าใจความรู้สึกของการถูกขังอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้วใช่มั้ย”ถิงเจว๋พูดขึ้นมา
เขาช่วยเสี่ยเหมียนไว้สองครั้งแล้ว แม้ว่าเขาจะพูดหยาบคายกับเธอ แต่เธอก็ยังเคารพเขาและสำนึกในบุญคุณของเขา
เสี่ยเหมียนพยักหน้า แต่พอคิดได้ว่า ข้างในนั้นมืดเกินกว่าจะมองเห็น เธอจึงพูดว่า “ทราบแล้วค่ะ ฉันขอโทษ แต่ฉันไม่มีทางเลือก” เธอรีบพูดเสริม
เธอไม่อยากคิดเลยว่า ถ้ากู้หนานพบถิงเจว๋อยู่ในห้องของเธอ มันจะเกิดอะไรขึ้น
“คุณไม่อยากให้พวกเขารู้ว่า ผมอยู่ที่นี่เหรอ?” ถิงเจว๋ถามเสียงต่ำพูดอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เสี่ยเหมียนส่ายหัว ตอนนี้ เธอดูเหมือนแมวน้อยที่กำลังเอาหัวถูไปมาที่หน้าอกของเจ้านาย เธอรู้สึกอายที่ต้องติดอยู่กับถิงเจว๋ในตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ แบบนั้น ถิงเจว๋กลั้นหายใจครู่หนึ่ง แล้วสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว เขาถามเสี่ยเหมียนแปลก ๆ ว่า “นี่คุณยั่วผมเหรอ?”
ภายในตู้เสื้อผ้าร้อนอบอ้าวมาก ทั้งสองสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจของพวกเขา
เสี่ยเหมียนเริ่มรู้สึกวาบหวาม ขณะที่หัวใจของเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เหงื่อก็เริ่มไหลซึมออกมาจากร่างกาย เธอบอกไม่ได้ว่า เป็นเพราะในตู้เสื้อผ้าไม่มีออกซิเจน หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นกันแน่
เธอแค่อยากจะออกจากตู้เสื้อผ้า “ฉันคิดว่า เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่ามั้ยคะ คุณถิงเจ...”
“ตามใจคุณ”
ก่อนที่เธอจะพูดต่อ เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเขาซะก่อน วินาทีต่อมา เขาก็ประกบริมฝีปากลงจูบเธอ ทำให้เธอไม่มีโอกาสพูดคำที่พูดค้างไว้ให้จบ
“โอ๊ย” ขณะพยายามผลักถิงเจว๋ออกไป เธอเผลอกัดริมฝีปากของเขา ถิงเจว๋ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้โอกาสนี้ชอนไชลิ้นเข้าไปในปากของเธอ ท่าทีของเขาค่อนข้างก้าวร้าวและดูเอาแต่ใจ
เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนราวกับลูกแมวตัวน้อย โดยไม่สนใจอาการขัดขืนของเธอ ณ ตอนนั้น เขาเป็นผู้คุมเกม
หลังจากจูบที่แสนยาวนาน ทำให้ทั้งตัวของเสี่ยเหมียนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เธอรู้สึกเวียนหัว แขนขาของเธอชาไปหมด ต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่เสี่ยเหมียนจะเข้าใจว่า ทำไมถิงเจว๋ถึงพูดว่า “ตามใจคุณ”
แน่นอนว่า ถิงเจว๋ไม่ได้ตั้งใจจะให้เธออยู่ในที่มืดและคับแคบเช่นนี้ ในที่สุด เขาก็ผลักประตูตู้เสื้อผ้าและเดินออกมา โดยมีเสี่ยเหมียนอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธองุนงงและสับสนไปหมด