ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
ผู้เขียน:จิรโชติ ทองม่วง
หมวดหมู่โรแมนติก
ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
ทุกอย่างกระจ่างแล้ว แอนเดอร์สันทำงานร่วมกับนักเขียนผีตลอดช่วงระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่า ผลงานทั้งหมดของเขาถูกสร้างขึ้นโดยคนอื่น ถ้าให้ตัดสินจากสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไป เขาไม่เพียงแต่ไร้ความสามารถเท่านั้น แต่ยังขาดสำนึกทางศีลธรรมด้วย ใครจะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้หลอกลวงและทำลายชื่อเสียงของคนอื่น เพียงเพื่อต้องการคำชมเชยและชื่อเสียงได้ยังไงกัน?
“คุณไปได้ยินมาจากไหนกัน?” หลังจากฟังกาวฉู่พูดจบ แอนเดอร์สันก็พูดโพล่งขึ้นมา ใบหน้าของเขาซีดเผือดทันที
เขาวางแผนว่าก่อนที่เรื่องของเขาจะถูกเปิดเผยต่อสาธาณชน เขาจะต้องปกปิดความจริงและรีบโกยเงินเข้ากระเป๋า นั่นคือเหตุผลที่เขาตกลงโกหก เพื่อช่วยโยว่หงตามคำขอของกู้หนาน เขาไม่คิดว่า กาวฉู่จะเปิดเผยความลับของเขาต่อสาธารณชน
“แอนเดอร์สันและสวี่โยว่หง จงออกไปจากวงการเครื่องประดับ!”
ในไม่กี่วินาที ทุกคนต่างก็เปลี่ยนความคิดทันที ผู้คนต่างก็โกรธเคืองและเหยียดหยามการกระทำของเขา ทำให้แอนเดอร์สันทนความอัปยศนี้อีกต่อไปไม่ได้ เขาจึงวิ่งหนีออกไปด้วยความสิ้นหวัง
โยว่หงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เธอเห็น เธอคิดว่า แผนของเธอนั้นไร้ที่ติ เธอคิดว่า ตัวเองจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ น่าเสียดายที่แผนของเธอไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ แผนของเธอพังไม่เป็นท่าอีกแล้ว! ทำไมโชคถึงเข้าข้างแต่เสี่ยเหมียนตลอด
เนื่องจากแอนเดอร์สันหนีไปแล้ว ผู้ชมที่รู้สึกว่าตัวเองถูกคุณแอนเดอร์สันและคุณโยว่หงหลอก จึงหันไประบายอารมณ์กับโยว่หงแทน “ออกไปซะโยว่หง ออกไปจากวงการเครื่องประดับ! เธอนี่น่าอับอายจริง ๆ ” พวกเขาตะโกนไล่เธอ บางคนถึงกับขว้างขวดใส่เวที
โยว่หงกัดฟันด้วยความเกลียดชัง เธอหนีลงจากเวที และพยายามหลบขวดที่พุ่งมาทางเธอ ผู้ชมต่างก็สาปแช่ง และมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม
เสี่ยเหมียนไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะสามารถยุติวิกฤติได้ทันท่วงที เธอได้เตรียมตัว เพื่อเผชิญหน้ากับผลกระทบนั้น หากมันไม่เป็นไปตามที่เธอคาดหวังไว้
เสี่ยเหมียนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง และไม่ทันสังเกตเห็นขวดของที่ผู้ชมขว้างนั้นกำลังลอยมาทางเธอ เมื่อเธอเห็นขวดนั้น มันก็สายเกินไปแล้ว
พอขวดกำลังจะกระแทกโดนเสี่ยเหมียน จู่ ๆ ก็มีมือปริศนายื่นมาคว้าขวดเอาไว้ก่อน
หลังจากเห็นภาพตรงหน้าแล้ว ถิงเจว๋ที่กำลังจะลุกขึ้นยืน ก็นั่งลงอีกครั้ง เขาชำเลืองมองเสี่ยเหมียนอยู่ไกล ๆ
เสี่ยเหมียนก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้ เธอมองไปยังกาวฉู๋ที่ปรากฏตัวกระทันหันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และพูดติดอ่าง “คุณ... คุณกาวฉู่...”
“นี่คุณยืนงงอะไรอยู่?” กาวฉู่ทิ้งขวดในมือ แล้วมองตรงไปยังเสี่ยเหมียน
เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก หุ่นกำยำแบบชายชาตรี แม้ว่ากาวฉู๋และถิงเจว๋เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาทั้งคู่ แต่เมื่อเทียบกับนิสัยบางมุมของถิงเจว๋ กาวฉู่มีนิสัยอ่อนโยนและเป็นคนที่เก็บตัวมากกว่า แว่นตากรอบทองยิ่งเสริมให้เขาดูมีเสน่ห์ในสายตาของแฟนคลับสาว ๆ
เสี่ยเหมียนตกใจมากที่เห็นไอดอลของตัวเองยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง “ขอบคุณค่ะ คุณกาวฉู่”
เสี่ยเหมียนขอบคุณ กาวฉู่อย่างจริงใจ เขาไม่เพียงแต่ช่วยเธอจากขวดที่ลอยมาเท่านั้น แต่ยังช่วยเธอตอนโต้เถียงกับแอนเดอร์สันด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะกาวฉู๋ เสี่ยเหมียนก็คงไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้สำเร็จ
“ยินดีด้วยนะครับ” กาวฉู๋พยักหน้าให้เสี่ยเหมียน เขายื่นมือออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งว่า “คุณมีความสามารถมาก”
เสี่ยเหมียนมองนิ้วเรียว ๆ ของกาวฉู่อย่างไม่เชื่อสายตา ราวกับว่า เธอกำลังอยู่ในความฝัน เธอตอบกลับไปว่า “ขอบคุณค่ะ”
ในที่สุด เธอก็ได้มีโอกาสเห็นและสัมผัสผู้ชายคนนี้ด้วยตาและมือของเธอเอง เขาก็ไม่ได้ดูเป็นผู้ชายที่เข้าถึงยากสักหน่อย
นอกจากเรื่องที่เธอชนะการแข่งขัน นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจที่สุด
“คุณเสี่ยเหมียน ยินดีด้วยนะครับ คุณเป็นผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้” กรรมการผู้ตัดสินที่มีอคติต่อคุณเสี่ยเหมียนก่อนหน้านี้เดินเข้ามาทัก “ส่วนผู้ที่ลอกเลียนแบบขโมยความคิดของเธอนั้น จะถูกถอดใบอนุญาตในวงการเครื่องประดับทั้งหมด”
เสี่ยเหมียนไม่ได้แค้นเคืองใด ๆ เพราะมันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด เธอจึงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรต่อ
หลังจากสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติ ในที่สุด ก็ถึงเวลามอบรางวัลการแข่งขัน
รางวัลที่สองตกเป็นของโช เขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์คาฟู ส่วนรางวัลที่สาม ก็ได้มอบให้กับนักออกแบบเครื่องประดับที่มีพรสวรรค์อย่างข่ายลี่
เสี่ยเหมียนยืนบนแท่นรับรางวัลด้วยความตื่นเต้น และประหม่าพร้อมกับถือถ้วยรางวัลชนะเลิศ เธอรู้สึกเหมือนฝันไป เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันอันทรงเกียรติและได้รับรางวัลชนะเลิศ เธอไม่เคยได้รับคำชมและเป็นที่ชื่นชอบมากขนาดนี้มาก่อน
ในที่สุด เธอก็ทำมันได้สำเร็จ เธอเป็นผู้ชนะเลิศ
ดวงตาของเสี่ยเหมียนส่องประกายด้วยความมั่นใจ เธอยืนอยู่บนเวที ร่างกายของเธอเหมือนมีออร่า
ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับแขกผู้ทรงเกียรติ มองดูเสี่ยเหมียนจากระยะไกล เขาหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปเธอ ริมฝีปากบาง ๆ ของเขากระตุกยิ้มเบา ๆ
กู้หนานและโยว่หงออกจากสถานที่จัดงานตั้งแต่เนิ่น ๆ ส่วนแอนเดอร์สันก็หายเข้าไปในกลีบเมฆ
“คุณโยว่หง คุณนี่มันอยู่ไปก็รกโลกจริง ๆ! คุณทำทุกอย่างพังไปหมด!” กู้หนานกำลังโกรธจัด พอคิดถึงรอยยิ้มของเสี่ยเหมียนบนเวทีและถ้วยรางวัลในมือของเธอ เขาก็รู้สึกเหมือนมีหนามทิ่มแทงไปที่หัวใจ
ความโกรธแค้นที่มีต่อเสี่ยเหมียน กำลังลุกลามไม่ต่างจากไฟป่า ทำไมนังนี่ถึงเป็นคนที่ได้หัวเราะตอนท้ายเสมอ
“พี่หนานคะ ฉันไม่คิดว่า...” โยว่หงจับแขนกู้หนาน ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาขณะพูด “ฉันทำตามที่พี่บอกแล้ว ตอนนี้พี่ต้องช่วยฉัน ไม่ยังงั้น อนาคตของฉันพังแน่...”
“รู้แล้วน่า หยุดพูดได้แล้ว”
โยว่หงเอาแต่ต่อว่าเขา จนกู้หนานเริ่มหมดความอดทน เขาไม่สนใจอนาคตของโยว่หงเลย เขาแค่อยากให้เสี่ยเหมียนทุกข์ทรมานใจเท่านั้น
...
การแข่งขันสิ้นสุดลง เสี่ยเหมียนเดินออกจากที่จัดงานเพียงลำพัง และตัดสินใจเรียกแท็กซี่ริมถนน ทันใดนั้นรถมายบัคสีดำก็ค่อย ๆ หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
แค่เห็นแวบแรก เสี่ยเหมียนก็รู้แล้วว่า เป็นรถของใคร เธอหันกลับมามองและตั้งท่าจะวิ่งหนี
น่าเสียดายที่คนในรถวิ่งเร็วกว่าเธอ เขาเปิดประตูและย่างขาออกมานอกรถ จากนั้นก็ดึงเสี่ยเหมียนเข้าไปข้างใน โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย วินาทีถัดมา เสี่ยเหมียนพบว่า ตัวเองถูกตรึงไว้กับเบาะ โดยมีมือของถิงเจว๋กุมมือเธอเอาไว้
“เสี่ยเหมียน นี่คุณพยายามหนีผมงั้นเหรอ?” ถิงเจว๋โน้มตัวเข้ามาใกล้ใบหน้าของเสี่ยเหมียน จนเกือบแตะโดนจมูกของเธอ ถ้าฟังจากน้ำเสียงของเขา เสี่ยเหมียนตอบไม่ได้ว่า เขากำลังมีความสุขหรือโกรธเธออยู่
พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เสี่ยเหมียนก็พยายามดิ้นรนหนีลงจากรถ และร้องไห้ “ปล่อยฉันไปเถอะ...”
ทำไมถึงเป็นคุณถิงเจว๋ตลอดเลย? เธอมักจะบังเอิญเจอเขาทุกที่ แม้แต่ครั้งนี้ก็ไม่เว้น เธออุตส่าห์เลือกเส้นทางอื่นออกจากสถานที่จัดงานแล้วแท้ ๆ!
“นี่คุณอยากให้นักข่าวมารุม ยังงั้นเหรอ?”
ถิงเจว๋ไม่ได้สนใจพวกนักข่าว ซึ่งตรงกันข้ามกับเสี่ยเหมียน เธอหยุดตะโกนและหยุดดิ้นทันที
“คุณจะทำอะไรฉัน ได้โปรดเถอะ ปล่อยฉันไป คุณถิงเจว๋ ได้ยินที่ฉันพูดใช่มั้ย?” เสี่ยเหมียนกลัวถิงเจว๋ หลัก ๆ เธอกังวลว่า เขาจะทำอะไรแปลก ๆ และทำอะไรที่คาดไม้ถึงกับเธอขึ้นมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาเป็นบุคคลอันตราย!
“วันนี้คุณมีความสุขมั้ย?” ถิงเจว๋เพิกเฉยต่อคำถามของเสี่ยเหมียน เขาทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุย
เสี่ยเหมียนไม่มีทางเลือก นอกจากพยักหน้ารับด้วยความสัตย์จริง “ใช่ค่ะ วันนี้ฉันมีความสุขมาก”
‘ฉันคงจะมีความสุขกว่านี้ ถ้าไม่ได้บังเอิญเจอคุณ คนบ้ายเอ๊ย’ เธอคิดในใจ
“ถ้าให้เดานะ คุณกำลังด่าผมอยู่ในใจ? รึไม่จริง?”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณถิงเจว๋...” เสี่ยเหมียนพยายามโกหก แต่จู่ ๆ เธอสังเกตเห็นมือของเขาเลิกเสื้อของเธอขึ้น เธอรู้สึกเย็นที่เอวและตกใจ “เดี๋ยวนะ นี่มันกลางวันแสก ๆ คุณจะทำอะไรเนี่ย?”
เสียงตื่นตระหนกของเสี่ยเหมียน ดูเหมือนจะยิ่งทำให้ถิงเจว๋พอใจอย่างมาก เขาหัวเราะพลางแตะปานสีแดงที่เอวของเธอ แล้วลูบมันเบา ๆ
‘นี่เธอกล้าถกเสื้อขึ้นในที่สาธารณะ แล้วเผยส่วนลับของร่างกายได้ยังไงกัน? ไม่อายบ้างเลยเหรอ?’ ถิงเจว๋คิดในใจ แต่สุดท้าย เขาพูดกับเธอแค่ว่า “จากนี้ไป อย่าให้ใครเห็นมันอีกนะ”