ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
ผู้เขียน:จิรโชติ ทองม่วง
หมวดหมู่โรแมนติก
ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
‘ฝันไปเถอะ’ เสี่ยเหมียนคิดในใจของเธอ ‘คุณถิงเจว๋นี่หลงตัวเองเป็นบ้า’
“เมื่อกี้โยว่หงวางแผนที่จะใส่ร้ายฉัน แต่โชคดีที่มันไม่ได้เป็นไปตามแผนของเธอ แต่ฉันรู้ว่าเธอจะไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ แน่ ฉันแน่ใจว่าเธอต้องให้คนคอยเฝ้าดูฉันอยู่ ถ้าคุณออกไปตอนนี้ คนโง่ที่ไหนก็เดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น...”
“เดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ถิงเจว๋พูดย้ำ มุมปากของเขาค่อย ๆ ยกขึ้น “คุณหมายถึงเรื่องอย่างว่าระหว่างเรานะเหรอ?”
ถิงเจว๋ไม่เคยคิดว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “เรื่องอย่างว่า” ‘มันน่าสนใจนะ’ เขาคิด
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เสี่ยเหมียนหน้าแดงก่ำ แต่ยังคงยืนยันว่า “ยังไงก็เถอะ คุณจะเดินออกไปจากที่นี่แบบนั้นไม่ได้!”
เสี่ยเหมียนไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ากู้หนานกับโยว่หงรู้ว่าถิงเจว๋คือคนที่อยู่ในห้องของเธอ ยังไงก็ตาม เสี่ยเหมียนต้องการให้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความลับ!
ถิงเจว๋มองเสี่ยเหมียนครู่หนึ่ง แล้วได้แต่ขำในใจเมื่อมองดูหน้าเธอ ทันใดนั้น เขาใช้มือลูบไล้ที่ผมของเธอราวกับว่าเขากำลังลูบไล้ลูกแมวอย่างไงอย่างงั้น
“ขอแค่คุณเชื่อฟังผม ผมสัญญากับคุณ ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งแล้วก็อยู่ห่างกับกู้หนาน”
เสี่ยเหมียนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำพูดของถิงเจว๋ ฟังจากน้ำเสียงของเขา เธอรู้ว่าคำพูดนั้นมีความหมายแอบแฝงอยู่ แต่มันคืออะไรกัน? เธอคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก
เธอก็ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด จนเขาโทรหาใครสักคนแล้วเดินจากไป
วันต่อมา การแข่งขันออกแบบเครื่องประดับรอบชิงชนะเลิศก็ได้มาถึง
ก่อนที่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะเริ่มขึ้น ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ พูดคุยกัน และพยายามที่จะหยั่งเชิงคู่แข่งของพวกเขา
ทันทีที่เสี่ยเหมียนเห็นโยว่หงนั่งอยู่ตรงนั้นในชุดที่หรูหราของเธอ ซึ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจและโดดเด่นมาก และแน่นอนว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ กู้หนานดูสง่างามสวมใส่ชุดอย่างกับเจ้าชาย ชายหนุ่มรูปงามกับสาวที่แสนสวย พอมองดูแล้ว พวกเขาทั้งคู่ช่างดูเหมาะสมกันเหลือเกิน
แต่มีเพียงเสี่ยเหมียนที่มองข้ามพวกเขาสองคนนี้ไป วันนี้เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ และเธอก็ไม่อยากให้พวกเขามาทำลายสมาธิของเธอ
ณ ตอนนี้ทั้งกู้หนานและโยว่หงมีท่าทีที่หงุดหงิดไม่รู้ว่าต่างคนต่างคิดเรื่องอะไรกันอยู่
กู้หนานอารมณ์เสียที่เมื่อวานเขาต้องรออยู่ที่ร้านกาแฟเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่ถิงเจว๋ก็ไม่มา เขาได้รับเพียงแค่ข้อความจากเสิ่นห้าวว่า “มีเรื่องด่วนเข้ามา และคุณถิงเจว๋ต้องจัดการกับมันก่อน ทำให้เขามาตามนัดไม่ได้”
ถ้าเมื่อวานนี้เขาไม่สนใจเสิ่นห้าว และได้บุกเข้าไปในห้องของเสี่ยเหมียน ไม่อย่างงั้นเขาคงเจอ “ชู้รัก” ของเสี่ยเหมียนจากการค้นห้องของเธออย่างแน่นอน
โยว่หงเองก็อารมณ์ไม่ดีเช่นกัน แต่เธอกลับหงุดหงิดด้วยเรื่องที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง คนที่เธอจ้างให้เฝ้าดูห้องของเสี่ยเหมียน ได้รายงานเธอว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ เลย แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือหลังจากรายงานเธอเสร็จ ผู้ชายคนนั้นกลับหายเข้ากลีบเมฆและไม่ติดต่อเธอมาอีกเลย
โยว่หงหวังว่าเธอจะได้หน้าจากการที่เธอคาบข่าวไปบอกกู้หนานว่าชู้รักของเสี่ยเหมียนคือใคร แต่แผนของเธอกลับพังทลาย เธอจึงทำได้แค่นั่งทำหน้าเศร้า
การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้น ผู้คนเริ่มเข้ามาจับจองที่นั่ง และคณะกรรมการเริ่มทยอยมากันตามลำดับ
เสี่ยเหมียนรู้สึกตื่นเต้นใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อเธอเหลือบไปมองที่ที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ
เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งวางอำนาจและมีท่าทางที่เหย่อหยิ่ง
หรือว่าที่เสิ่นห้าวจะพูดจะเป็นเรื่องจริง? ถิงเจว๋หันมาสนใจเครื่องประดับจริง ๆ เหรอ? ไม่งั้นเขาคงไม่มาที่นี่
‘ยังไงก็ตาม เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้กำลังใจฉันซะหน่อย’ เสี่ยเหมียนพยายามหาเหตุผลต่างๆนาๆ เพื่อหยุดความคิดบ้าๆในหัวของเธอ ‘ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่เคยมีความสัมพันธ์แค่ชั่วข้ามคืนกับเขาเท่านั้นเอง’
ทันใดนั้น เธอสังเกตได้ว่า เธอไม่เห็นเลขาหลี่เลยหลังจากที่เขาพยายามจะข่มขืนเธอเมื่อวานนี้ ถิงเจว๋ต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้แน่ ๆ เลย ทุกครั้งที่เธอเจอปัญหา ถิงเจว๋มักจะปรากฎตัวต่อหน้าเธอทุกครั้ง
เสี่ยเหมียนรู้สึกขอบคุณถิงเจว๋ แต่เธอก็จะไม่ยอมยกโทษให้กับสิ่งที่เขาทำเมื่อวานนี้ ทุกครั้งที่เสี่ยเหมียนนึกถึงเหตุการณ์นั้น มันทำให้เธอรู้สึกอับอายและโกรธจนควันออกหู ถิงเจว๋ไม่เพียงแต่เอารัดเอาเปรียบเธอ แต่เขายังทำร้ายร่างกายเธอด้วย
‘บ้าเอ้ย!’
ถิงเจว๋สังเกตเห็นว่าเสี่ยเหมียนจ้องมองมาที่เขาจากไกล ๆ แล้วเขาก็หันไปสบตาเธออย่างกะทันหัน เสี่ยเหมียนมองเห็นประกายในดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน
เธอก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที เธอรีบละสายตาจากถิงเจว๋ และมองไปที่อื่น
การแข่งขันออกแบบเครื่องประดับในครั้งนี้ มีคณะกรรมการผู้ตัดสินทั้งหมดห้าคน เลขาหลี่ถูกแทนที่โดยกรรมการท่านอื่น ไม่มีใครรู้เลยว่าเลขาหลี่อยู่ที่ไหน อันที่จริงไม่มีใครถามถึงเขาเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าพวกเขาต่างถูกสั่งห้ามไว้
แต่ผู้เข้าแข่งขันบางคนต่างพากันสงสัยว่าเลขาหลี่หายไปไหน
“กรรมการตัดสินคนนั้นอยู่ที่ไหนนะ? เขาชื่ออะไร? เลขาหลี่? เขาควรจะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่บ้ากามมาก บางทีเขาอาจจะไปเที่ยวกับสาวสวยจนเพลิน จนลืมเรื่องการแข่งขันไปแล้วก็ได้”
“ฉันรู้สึกมานานแล้วว่าเลขาหลี่ทำตัวไม่เป็นมืออาชีพ เขาไม่ควรได้รับเลือกให้เป็นกรรมการผู้ตัดสินการแข่งขันอันทรงเกียรตินี้ ข่าวดีก็คือมีกรรมการผู้ตัดสินคนใหม่มาแทนเขา เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เธอรู้ไหมว่าคุณกาวฉู่เป็นคนที่มาแทนที่เขา”
“คุณ กาวฉู่? หมายถึงคุณกาวฉู่น่ะเหรอ?”
บรรดาผู้ที่ได้ยินชื่อต่างประหลาดใจ และเริ่มซุบซิบกันด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเสี่ยเหมียนได้ยินผู้เข้าแข่งขันพูดถึงเลขาหลี่ เธอรู้สึกเครียดเล็กน้อยเกี่ยวกับความความลับที่เธอพยายามปกปิดเอาไว้ แต่เมื่อเธอได้ยินชื่อ “คุณกาวฉู่” หัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
เธอรู้ดีว่าใครคือกาวฉู่
เขาชนะการแข่งขันการออกแบบเครื่องประดับระดับนานาชาติตอนที่เขามีอายุเพียงแค่ 15 ปี ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เขาได้รับรางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน ผลงานของกาวฉู่มีสีสันสดใสสวยงาม แถมผลงานเหล่านั้นงดงามมากจนราวกับพวกมันมีชีวิตจริงๆ ใครก็ตามที่ได้มองดูผลงานของเขาต่างจะต้องตกตะลึง การสร้างสรรค์ผลงานของเขานั้นประเมินค่าไม่ได้ เขาเป็นดั่งจักรพรรดิแห่งวงการเครื่องประดับก็ว่าได้
ครั้งหนึ่งเสี่ยเหมียนฝันอยากจะเป็นผู้ช่วยของกาวฉู่ แต่เมื่อกาวฉู่ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยเหมียนไม่มีทางเข้าถึงเข้าได้เลย
เธอไม่ได้คาดคิดมาว่ากาวฉู๋จะเป็นหนึ่งในกรรมการผู้ตัดสินในการแข่งขันครั้งนี้
เรื่องนี้ยิ่งทำให้เสี่ยเหมียนรู้สึกประหม่ามากขึ้น เธอกลัวว่าเธอจะทำอะไรผิดพลาดในการแข่งขันครั้งนี้ โชคดีที่เธอนั้นทำได้ดีมาตลอด
งานทั้งหมดถูกส่งไปยังคณะกรรมการ พวกเขาคัดเลือกผลงานและถกเถียงกันอย่างดุเดือด
“ฉันรู้สึกชื่อชอบแนวคิดในการออกแบบของคุณข่ายลี่มาก ๆ เขาใช้สีเป็นสื่อ เขาสื่อออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์และช่างโรแมนติก”
“ดูการออกแบบของคุณโชสิ เธอเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ชั้นสูงจากคุณคาฟูเชียวนะ แม้ว่าคุณจะเห็นได้ว่าคุณคาฟูมีอิทธิพลต่อการออกแบบของเธอ แต่เธอกลับออกแบบออกได้อย่างลงตัวในสไตล์ของเธอ นี่มันการออกแบบชั้นสูงชัด ๆ…”
“เท่าที่ฉันมองเห็น ผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ล้วนมีพรสวรรค์อย่างมาก พวกเขาทั้งหมดทำได้ดีมาก แต่ยังไงฉฉันคิดว่ามีบางอย่างขาดหายไปในชิ้นงานของพวกเขา…”
คณะกรรมการต่างพากันออกความคิดเห็น และโน้มน้าวกันไปมา
มีเพียงกาวฉู่ที่ยังคงนั่งหน้าตายอยู่ตรงที่นั่งของตัวเอง แม้จะมีการออกความคิดเห็นไปมาอย่างดุเดือดระหว่างคณะกรรมการผู้ตัดสิน แต่เขาก็ไม่ได้ร่วมออกความคิดเห็น
เมื่อการหารือใกล้จะจบลง กรรมการผู้อาวุโสก็กระแอมไอใส่เขา และถามกาวฉู่ว่า “คุณกาวฉู่ คุณคิดอย่างไรกับการออกแบบเหล่านี้?”
กาวฉู่เงยหน้าขึ้นพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไป สีหน้าที่ดูหมดความอดทน เขาค่อย ๆ เปิดปากและพูดเพียงสามคำ “มีแต่ขยะ”
คณะกรรมการผู้ตัดสินทุกคนต่างพากันเงียบกริบ
พวกเขารู้สึกเหมือนถูกหยาม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากาวฉู่ที่ทั้งเกลียดทั้งเคารพ จึงทำได้เพียงยิ้มเจื่อน ๆ
กาวฉู่ไม่สนใจชิ้นงานเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่มาตามคำขอร้องของถิงเจว๋ เขาคงไม่มาที่นี่เพื่อเป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้ตัดสินของการแข่งขันครั้งนี้
ภายใต้การจับตามองของกรรมการผู้ตัดสินคนอื่น กาวฉู่เริ่มกวาดสายตาดูภาพการออกแบบของผู้เข้าแข่งขันอย่างใจเย็น ทันใดนั้นเขาก็ถูกดึงดูดด้วยการออกแบบชิ้นหนึ่ง
เขาเริ่มพิจารณางานชิ้นนี้อย่างใจเย็น
เข็มกลัดพลอยถูกร่างออกแบบอยู่บนกระดาษขาว พลอยมีรูปร่างแตกต่างออกไป ไม่เหมือนกับสิ่งที่คนทั่วไปมักจะจินตนาการถึง ตรงกลางเข็มกลัดมีดอกเดซี่เบ่งบานอยู่อย่างสวยงาม มีทารกแรกเกิดขดตัวและนอนอยู่บนกลางดอกไม้ที่ส่องประกายระยิบระยับ ราวกับว่าเขาหลับสนิท แต่กำลังจะลืมตาในวินาทีถัดมา
“น่าทึ่งมาก” กรรมการผู้ตัดสินที่พูดกับกาวฉู๋เมื่อครู่นี่ เห็นแล้วถึงกับตกตะลึงกับการออกแบบเข็มกลัดชิ้นนี้
กรรมการผู้ตัดสินคนอื่น ๆ ทั้งหมดพยักหน้าเห็นด้วย
พวกเขาตกตะลึงกับการออกแบบ ไม่เพียงแต่ทางสายตาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงทางใจด้วย งานชิ้นนี้เต็มไปด้วยความหมายที่พยายามจะสื่อถึงการเป็นมนุษย์และความเป็นแม่ เมื่อพวกเขามองที่แบบ พวกเขารู้สึกเหมือนได้สัมผัสจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากโลกใบนี้