ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
ผู้เขียน:จิรโชติ ทองม่วง
หมวดหมู่โรแมนติก
ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
“คนที่ออกแบบเข็มกลัดนี้เหมาะสมแล้วที่จะได้เป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้”
หลังจากที่กรรมการผู้ตัดสินทั้งสี่ท่านได้ตกลงกันแล้ว ทุกท่านต่างก็มองไปยังกาวฉู่ด้วยแววตาที่กระตือรือร้น และคาดหวังว่าจะได้ยินคำตัดสินที่เขาจะกล่าว ซึ่งยังไม่มีใครได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับคำตัดสินของเขา
“รางวัลที่หนึ่งคือนักออกแบบคนนี้ใช่ไหม?” พวกเขาถามด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม กาวฉู่ไม่ได้สนใจ สมาธิของเขายังจดจ่ออยู่กับการเปิดกระดาษหน้าถัดไปด้วยนิ้วยาวเรียวสวยของเขา เมื่อทุกคนได้เห็นกระดาษที่เปิดออกอย่างช้า ๆ ต่างก็ต้องตกตะลึง
แบบที่วาดในกระดาษนั้นเหมือนกันไม่มีผิด เหมือนกันกับแบบที่เพิ่งจะได้รับคำชมเชยไป
กรรมการผู้ตัดสินทุกท่านต่างนั่งเงียบ
ในขณะเดียวกันทางฝั่งผู้เข้าแข่งขันต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคณะกรรมการผู้ตัดสิน ผู้เข้าแข่งขันทุกคนรวมทั้งเสี่ยเหมียนต่างก็รอคำตัดสินของกรรมการผู้ตัดสินด้วยความกระวนกระวายใจ
ในที่สุดก็มีการประกาศรายชื่อผู้ชนะการแข่งขัน รางวัลชนะเลิศอันดับสามเป็นของโช และรางวัลชนะเลิศอันดับสองเป็นของข่ายลี่ ไม่มีใครประหลาดใจกับผลที่ออกมาแต่อย่างใด เนื่องจากนักออกแบบทั้งสองคนนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากคณะกรรมการผู้ตัดสิน อย่างไรก็ตาม ใครกันหล่ะที่จะคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง ทุกคนรอผลด้วยความตื่นเต้นและใจจดใจจ่อ
ในที่สุดเมื่อภาพวาดภาพสุดท้ายปรากฏบนหน้าจออย่างช้า ๆ ผู้ชมทุกคนในที่นั้นต่างส่งเสียง “โอ้โห” และ “โอ้ ว้าว”
และวินาทีนั้นที่เสี่ยเหมียนเห็นภาพวาดบนหน้าจอ หัวใจของเธอก็เต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะ หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก
มันใช่แน่ ๆ นั่นมันคือภาพวาดของเธอ
เสี่ยเหมียนเหลือบมองกาวฉู๋ที่นั่งอยู่กับคณะกรรมการผู้ตัดสินการแข่งขัน เสี่ยเหมียนไม่เคยกล้าที่จะมองกาวฉู่เลยสักครั้ง จนกระทั่งในตอนนี้ ที่เธอมีความกล้ามากพอที่จะมองเขาตรง ๆ
กาวฉู่สังเกตเห็นว่าเสี่ยเหมียนกำลังมองเขาอยู่ แต่แล้วเสี่ยเหมียนก็ต้องแปลกใจที่กาวฉู่หันมองกลับมาที่เธอด้วยสายตาที่นิ่งสงบ เสี่ยเหมียนเห็นบางอย่างแปลกๆในดวงตาของเขา บางอย่างที่เธอไม่สามารถเข้าใจได้
เพื่อไม่ให้เสียมารยาทจนเกินไป เสี่ยเหมียนละสายตาจากกาวฉู่และรีบมองไปทางอื่น ในใจของเสี่ยเหมียนนั้นล้นไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ยังไม่เข้าใจว่าสายตาแปลก ๆ ของกาวฉู่นั้นมันหมายถึงอะไร
หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน คุณเสี่ยเหมียนก็ได้รับโอกาสให้สามารถยืนต่อหน้าศิลปินที่เธอให้ความเคารพนับถือ เขามองมาที่เธอและเขาเห็นเธออยู่ในสายตา นี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของเธอ คุณเสี่ยเหมียนรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเธอเองเหลือเกิน!
หลังจากเวลาผ่านไปพอสมควรช่วงสุดท้ายก็มาถึง “ผลงานชิ้นนี้ต้องยอมรับว่าเป็นผลงานที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์และต้องอาศัยจินตนาการอย่างยิ่ง ตัวงานสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นคนฉลาดและช่างคิดของผู้ออกแบบได้อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม เราขอแสดงความเสียใจด้วยที่ต้องกล่าวว่า”
ทันทีที่เสี่ยเหมียนได้ยินคำว่า “แต่อย่างไรก็ตาม” เธอก็รู้สึกไม่ดีท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาทันที
และความรู้สึกกังวลของเธอมันก็กลายเป็นจริงในอีกวินาทีถัดมา เมื่อเสี่ยเหมียนได้ยินว่า “ผลงานชิ้นนี้ต้องสงสัยว่าอาจเป็นการลอกเลียนแบบผลงานของผู้อื่นมา”
ก่อนจะสิ้นเสียงประกาศเสียงแห่งความโกลาหลของบรรดาผู้ฟังก็ดังกระหึ่มขึ้นด้วยความรู้สึกโกรธ
เสี่ยเหมียนตกใจกลัวและพูดอะไรไม่ออก ลอกเลียนแบบผลงานของคนอื่นอย่างนั้นหรือ? ผลงานการออกแบบของเธอเองเนี่ยนะ? ‘เป็นไปไม่ได้!’
“มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?” แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงคนตะโกนดังขึ้น มันเป็นเสียงของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่ใช่เสียงของเสี่ยเหมียน
ทุกคนต่างก็หันไปมองคนที่ตะโกนรวมทั้งเสี่ยเหมียน นั่นมันโยว่หงนี่นา โยว่หงจ้องไปที่หน้าจอ ตาเบิกโตแสดงออกถึงความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“ฉัน ฉันทุ่มเทความพยายามทั้งหมดออกแบบมัน ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่ได้ลอกงานของใคร” ในระหว่างที่ตะโกนประท้วงอยู่นั้น โยว่หงก็ร้องไห้ไปด้วยโดยใช้น้ำเสียงที่แสดงความโกรธเกรี้ยวพูดถึงความบริสุทธิ์ของตนเอง
ทุกอย่างมันได้เริ่มอธิบายตัวของมันเอง เมื่อเสี่ยเหมียนมองเห็นโยว่หงที่กำลังแสดงละครได้อย่างสมบทบาทต่อหน้าสาธารณชน เสี่ยเหมียนจ้องไปที่โยว่หงด้วยสายตาที่เย็นชาพร้อมกับกำหมัดของเธอเอาไว้แน่น
แต่ทว่าสำหรับคนที่ไม่รู้ความจริง พวกเขาต่างก็เชื่อสนิทใจว่าโยว่หงเป็นเจ้าของผลงานที่แสดงอยู่ในจอภาพ
แต่เธอมีส่วนร่วมในการลอกเลียนแบบผลงานคนอื่นได้อย่างไร?
เพื่อช่วยระงับความโกลาหลที่กำลังเกิดขึ้น กรรมการผู้ตัดสินท่านหนึ่งก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืน เขามีท่าทีลำบากใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ในการแข่งขันครั้งนี้” กรรมการผู้ตัดสินเอ่ยขึ้น “อย่างที่ทุกท่านได้เห็นบนหน้าจอภาพ เราพบว่าการออกแบบของคุณสวี่โยว่หงกับการออกแบบของคุณไป๋เสี่ยเหมียน นั้นเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว คุณทั้งสองคน คุณโยว่หงกับคุณเสี่ยเหมียนมีอะไรจะกล่าวไหมครับ ?”
คณะกรรมการไม่อนุญาตให้มีการลอกเลียนแบบผลงานของผู้อื่น นี่ถ้าไม่ใช่เพราะงานชิ้นนี้มีความสวยงามละเอียดซับซ้อนอย่างน่าทึ่งแล้วละก็ คณะกรรมการคงจะขับไล่ออกจากแข่งขันไปตั้งแต่แรกแล้ว
อีกครั้งที่เสียงของผู้ชมคุยกันดังอื้ออึงเต็มไปหมด ใครกันแน่ที่เป็นคนลอกเลียนแบบผลงานคนอื่น คุณโยว่หงหรือว่าคุณเสี่ยเหมียน และใครก็ตามที่ลอกผลงานคนอื่นอาชีพการงานจะต้องพังย่อยยับอย่างแน่นอน
การตัดสินใจของโยว่หงในครั้งนี้มันช่างอันตรายเสียเหลือเกิน แต่คนอย่างเธอไม่เคยทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังมาอย่างดีเสียก่อนแน่นอน เธอเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อนเพื่อปกป้องตัวเอง “เรียนท่านคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติทุกท่าน คุณเสี่ยเหมียนกับดิฉันเราเป็นเพื่อนกันและเราได้เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการออกแบบกัน แต่ดิฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริง ๆ ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
ทุกคนต่างก็มองเห็นแววตาที่มีแต่ความผิดหวังของโยว่หงที่ได้หันมองไปทางเสี่ยเหมียน “ฉันทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อจะออกแบบเข็มกลัดชิ้นนี้ รูปทรงที่ไม่สม่ำเสมอเป็นแนวความคิดที่ฉันคิดขึ้นมา และเด็กตัวน้อยบนดอกเดซี่ที่อยู่ตรงกลางนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงชีวิตใหม่ ความหวัง และความรู้สึกที่ได้กลับคืนสู่ธรรมชาติ”
เสี่ยเหมียนกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายเธอก็ถามคำถามออกมาด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำทุกคำที่พูด “คุณโยว่หง คุณไม่รู้สึกละอายแก่ใจต่อตัวเองบ้างเลยเหรอ?”
เสี่ยเหมียนรู้ดีว่าโยว่หงวางแผนที่จะทำให้เธอนั้นโดนดูถูกดูแคลน แต่นี่โยว่หงถึงขั้นลอกเลียนแบบงานออกแบบของเธอ แล้วตีหน้าซื่อว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
“คุณเสี่ยเหมียน นี่คุณพูดอะไรของคุณกันเนี่ยะ?” เสี้ยววินาทีหนึ่งเหมือนมีประกายแห่งความรู้สึกผิดสะท้อนออกมาจากแววตาของโยว่หง แต่ทว่าโยว่หงก็ยังพูดต่อไป “ไม่เอาน่า คนเราทำพลาดกันได้ ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้หรอก ฉันจะไม่โทษคุณหรอกนะคุณเสี่ยเหมียน”
เมื่อได้ยินที่โยว่หงพูด เสี่ยเหมียนรู้สึกเจ็บแค้นจนตัวสั่น โยว่หงช่างเป็นผู้หญิงที่หน้าด้านไร้ยางอายอะไรอย่างนี้!
สายตาของทุกคนในห้องนั้นต่างก็หันไปจับจ้องที่เสี่ยเหมียน พวกเขาจ้องเธอตาไม่กระพริบราวกับว่าเธอเป็นนักโทษ
เสี่ยเหมียนทำหน้านิ่ง และกำลังจะแก้ต่างสิ่งที่โยว่หงได้กล่าวหาเธอไป ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีเสียงผู้ชายคนนึงพูดแทรกขึ้นมาดึงความสนใจของทุกคน ทุกคนในห้องต่างก็หันไปหาต้นเสียงดูว่าใครเป็นคนพูดขึ้น
“คุณสวี่โยว่หง เป็นเพื่อนผมครับ ผมเชื่อว่าคุณโยว่หงเป็นผู้หญิงที่ซื่อตรง อันที่จริง ก่อนการแข่งขันนี้ผมได้พูดคุยกับเธอเกี่ยวกับการออกแบบเข็มกลัดชิ้นนี้ด้วยกัน ผมขอรับรองได้เลยว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ ผมหวังว่าคณะกรรมการผู้ตัดสินในที่แห่งนี้จะลงโทษผู้ที่ลอกผลงานของผู้อื่น”
ผู้ชมในห้องเมื่อหันไปเห็นชายที่กำลังพูด พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนพูดแก้ต่างให้โยว่หง ชายคนนัั้นก็คือคุณแอนเดอร์สันผู้เชี่ยวชาญ และมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบเครื่องประดับ เป็นหนึ่งในคนที่คำพูดของเขานั้นก็มีอิทธิพลในแวดวงเครื่องประดับ
โยว่หงเตรียมตัวมาเต็มที่ในครั้งนี้ และกู้หนานเป็นคนที่เชิญแอนเดอร์สันมา การมีผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงยืนอยู่ด้านหลังของโยว่หง มันทำให้เสี่ยเหมียนดูน่าสงสัยเพราะเธอไม่มีใครมาพูดแก้ต่างให้เธอเลย
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเสี่ยเหมียนก็กลายเป็นเป้าที่คนโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทาง ทุกคนมองไปที่เธอด้วยความรู้สึกมุ่งร้ายและรังเกียจ การขโมยความคิดของนักออกแบบจะไม่มีวันได้รับอภัยจากวงการออกแบบเครื่องประดับ
“เธอกล้าดียังไง! เธอลอกผลงานของนักออกแบบคนอื่น!”
“คนขี้ขโมยงานคนอื่น โจรชัด ๆ หน้าไม่อาย ยังจะมีหน้ามายืนอยู่ในนี้อีก”
“กลับบ้านตัวเองไปซะ คุณเสี่ยเหมียน! มันน่าขายหน้าที่สุด คุณไม่ใช่พวกเรา ไม่ใช่คนในแวดวงนี้!”
เสี่ยเหมียนไม่มีโอกาสให้ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
“เสี่ยเหมียนออกจากการแข่งขันไปซะ มันน่าอับอายขายขี้หน้าจริง ๆ คุณไม่เหมาะกับที่นี่” ผู้ชมหลายคนพากันตะโกนเสียงดัง แท้จริงแล้ว คนที่พากันตะโกนนี้ได้รับค่าจ้างมาจากโยว่หงเพื่อให้มาตะโกนว่าเสี่ยเหมียน เพื่อให้คนฟังเข้าใจเสี่ยเหมียนผิด คุณโยว่หงพอใจกับผลงานของพวกหน้าม้าที่เธอจ้างมา
คุณถิงเจว๋นั่งปะปนอยู่กับผู้ชมคนอื่น ๆ เขาเฝ้ามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ไม่แสดงอาการใด ๆ แต่ใครก็ตามที่นั่งใกล้ ๆ ก็จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกไม่พอใจของเขา
เสิ่นห้าวที่ยืนอยู่ข้างถิงเจว๋ เอ่ยถามขึ้นมาเบา ๆ ว่า คุณถิงเจว๋ นี่เราควรที่จะช่วย เสี่ยเหมียนหรือเปล่า?”
‘ ถิงเจว๋ดูเชื่อมั่นอย่างมากในตัวของ เสี่ยเหมียน เขาคงจะไม่สบายใจที่ต้องทนเห็นเสี่ยเหมียนถูกรังแกอย่างนี้’ เสิ่นห้าวคิดในใจ
“นี่คุณเป็นห่วงเสี่ยเหมียนขนาดนั้นเลยเหรอ?” ถิงเจว๋ถามพร้อมกับหันไปจ้องมองเสิ่นห้าวด้วยดวงตาสีเข้มของเขา
“คือผมทำงานให้คุณไงหล่ะครับ คุณถิงเจว๋ คุณห่วงใครผมก็ต้องห่วงด้วยสิครับ” มันเป็นหน้าที่ของผม เสิ่นห้าวตอบพร้อมเม็ดเหงื่อผุดออกมาจากหน้าผากของเขา
คุณถิงเจว๋ไม่ตอบกลับอะไรกับคำพูดของเสิ่นห้าว ถิงเจว๋หันกลับมามองที่เสี่ยเหมียน พร้อมกับหรี่ตาของเขาลงเล็กน้อย
“ใจเย็น ๆ เสี่ยเหมียนนั้นไม่มีทางยอมแพ้การต่อสู้ครั้งนี้หรอก เราแค่ต้องรอและดูต่อไป”
ถิงเจว๋เชื่อในตัวของเสี่ยเหมียน ถ้าหากเธอปกป้องผลงานของตัวเองยังไม่ได้ เธอก็คงจะไม่เหมาะที่จะอยู่ในวงการเครื่องประดับ
เสิ่นห้าวพยักหน้าด้วยความมั่นใจว่าเจ้านายของเขาคงจะคิดแผนเอาไว้แล้ว
แม้ว่าถิงเจว๋จะคอยบอกให้เสิ่นห้าวใจเย็น ๆ เสิ่นห้าวก็รู้ชัดเจนว่าถิงเจว๋ได้ขอร้องให้ คุณกาวฉู่ช่วยคอยดูแลเสี่ยเหมียน ‘คุณ ถิงเจว๋นั้นเป็นห่วง คุณเสี่ยเหมียนมากจริง ๆ ทำไมเขาถึงไม่ยอมรับเสียที เสิ่นห้าวพูดในใจกับตัวเอง
“คุณ ถิงเจว๋ครับ ผมเห็น คุณกู้หนานอยู่ที่นี่ด้วยครับ”
“ฉันรู้แล้วหล่ะ” ถิงเจว๋ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขาไม่ได้ใส่ใจกับการปรากฏตัวของหลานชายสักเท่าไหร่