ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
ผู้เขียน:จิรโชติ ทองม่วง
หมวดหมู่โรแมนติก
ท่านประธานอย่ารักฉันมากนักเลย
เสี่ยเหมียนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อทั้งตัวราวกับว่าเธอเพิ่งถูกเอาขึ้นมาจากน้ำ เสื้อผ้าของเธอเปียกโชก ทำให้สรีระของเธอดูโดดเด่นและน่าหลงไหล แก้มแดงระเรื่อ ทำให้เธอดูน่าดึงดูดมากขึ้น และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถิงเจว๋เห็นเธอในสภาพนี้ เขาเคยเห็นเธอสภาพนี้มาก่อนในคืนที่บ้าคลั่งคืนนั้น
ถิงเจว๋ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เขาตัดสินใจดึงเสี่ยเหมียนเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อจูบเธออย่างดูดดื่ม
จูบนั้นยาวนานมากจนเสี่ยเหมียนไม่รู้ว่ามันจบลงเมื่อไหร่ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเดินถอยหลังไปเพื่อให้อยู่ห่างจากถิงเจว๋
“ทำไม... ทำไมคุณถึงจูบฉัน?”
“ครั้งแรกนั้นเพื่อสนองความต้องการของคุณ ” ถิงเจว๋เลียริมฝีปากของเขาอย่างมีเสน่ห์ เพื่อลิ้มรสกับจูบที่เขาเพิ่งได้มา “และครั้งที่สองคือการชดเชยสำหรับผม”
ที่เสี่ยเหมียนเอาเขาไปซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดว่าเขาสมควรได้รับ และนี่คือสิ่งที่ถิงเจว๋อยากให้เสี่ยเหมียนตอบแทนให้เขา
“คุณ...” เสี่ยเหมียนหน้าแดงก่ำ โกรธจนไม่รู้จะพูดว่าไงดี
ในสายตาของกู้ถิงเจว๋ เธอเป็นผู้หญิงที่คิดจะจูบก็จูบได้ตามใจงั้นเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นต้องคอยตอบสนองความต้องการเขางั้นเหรอ?
ความคิดนี้คอยตามหลอกหลอนเสี่ยเหมียน เธอแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่ก็พยายามควบคุมมันเอาไว้
“คุณควรออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” เสี่ยเหมียนหันหน้าหนีพร้อมเช็ดไปที่ริมฝีปากของเธอ
ปฏิกิริยาท่าทางของเธอยิ่งกระตุ้นถิงเจว๋ เขาโน้มตัวลงมาและคว้าข้อมือเธอไว้ทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยไฟโกรธ “เสี่ยเหมียน คุณอย่ามากวนใจผมดีกว่า”
ถิงเจว๋จับข้อมือของเธอเอาไว้แน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ เธอขมวดคิ้วและมองขึ้นไปที่ชายคนนั้น แต่เมื่อดวงตาของเธอสบตากับเขา พลางตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “คุณต่างหาก...”
‘เขานั่นแหละที่เอาเปรียบฉันครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพูดราวกับว่ามันเป็นความผิดของฉันอย่างงั้นแหละ?’ เสี่ยเหมียนคิด
เธอไม่กล้าจะตอกกลับไปแบบนั้น จึงได้แต่มองหน้าเขาและให้ความเงียบเป็นคำตอบ
ทั้งสองจ้องตากันไม่กระพริบ
ไม่นานนัก ถิงเจว๋ปล่อยมือเสี่ยเหมียน แต่ก่อนที่เธอจะดึงมือกลับ เขาจับชุดของเธอแล้วดึงเธอไปนั่งที่ตัก
“คุณทำบ้าอะไร?” เสี่ยเหมียนงงและสับสนพยายามจะลุกขึ้น แต่เขาก็ดึงเธอให้นั่งลงอีก เสียงมือปะทะที่ดังมาจากด้านหลังของเธอ ทำให้นั่งตัวแข็งเป็นหิน
เสียงนั้นดังอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ถิงเจว๋ตีก้นเธอ เพื่อแสดงว่าการกระทำของเธอทำให้เขาหงุดหงิด
เสี่ยเหมียนหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด เธอพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่เป็นผล เธอได้แต่กระเสือกกระสนพลางขึ้นเสียงว่า “ปล่อยฉัน! คุณถิงเจว๋!”
แต่ถิงเจว๋กลับเพิกเฉย แต่เขาเริ่มตีเธอแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เสี่ยเหมียนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา ไม่ได้เป็นเพราะความเจ็บปวดแต่เป็นเพราะความอับอาย จนในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ เธอปล่อยโฮออกมา
“คุณถิงเจว๋… ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้… คุณมันบ้าไปแล้ว... คนสารเลว!” เธอร้องไห้ไปด่าไป
แต่นั่นไม่ได้หยุดยั้งสิ่งที่ถิงเจว๋ทำอยู่เลย เขาจ้องมาที่เธอและตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูไร้อารมณ์ว่า “ดูเหมือนว่าคุณยังดื้ออยู่”
เสียงตบตีนั่นอาจจะดูเหมือนมีความรักซ่อนเล้นอยู่ แต่ไม่ใช่ระหว่างพวกเขาสองคนในตอนนี้
เสี่ยเหมียนทั้งรู้สึกอายและเริ่มทนไม่ได้ เธอได้แต่ยกธงขาวกล่าวขอโทษ “ฉันขอโทษ หยุดเถอะนะคะ ได้โปรด...”
“ขอโทษเดี๋ยวนี้” ถิงเจว๋ออกคำสั่ง
“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้วค่ะ...”
“แล้วขอโทษเรื่องอะไร?”
“สำหรับเรื่อง...” ในหัวของเสี่ยเหมียนนั้นกลับว่างเปล่า เธอไม่รู้ว่าเธอขอโทษเรื่องอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอไม่ได้คิดว่าเธอได้ทำอะไรผิดตั้งแต่แรก เธอคิดไม่ออกว่าจะพูดว่าอย่างไงต่อ
ถิงเจว๋ตีก้นเธออีกครั้ง เสียงสะท้อนก้องมาถึงหูเธอ
เสี่ยเหมียนร้องไห้เหมือนลูกแมวที่น่าสงสาร “คุณถิงเจว๋ ฉันไม่รู้...”
คราวนี้ถิงเจว๋เริ่มรู้สึกสงสารเธอ เขาหยุดและถามว่า “คุณจะกวนประสาทผมอีกไหม?”
“ไม่แล้วค่ะ…”
“ครั้งหน้าคุณจะเชื่อฟังผมไหม?”
เสี่ยเหมียนลังเลและไร้การโต้ตอบ
ถิงเจว๋ยกมือขึ้นทำท่าจะตีก้นเธออีกครั้ง ทันทีที่เห็นท่าทางขู่ของเขา เธอจึงรีบพยักหน้าซ้ำๆ “ฉันจะฟัง ฉันจะเชื่อฟังคุณ” ‘นี่มันอะไรกัน ทำไมต้องบังคับให้เธอยอมรับกับสิ่งที่เธอไม่อยากทำด้วย’เธอคิด
หลังจากที่เธอดูเหมือนว่านอนสอนง่าย เขาจึงยอมปล่อยเธอ จากนั้นเขาก็ดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนราวกับว่าเธอเป็นเหมือนลูกแมวที่น่าถนุถนอม สิ่งที่เขาเห็นต่อหน้า คือผู้หญิงที่น่ารักกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยดวงตาที่งดงาม เธอร้องไห้เป็นเวลานานจนทำให้ดวงตาของเธอแดงราวกับกระต่ายที่โดนแกล้ง ขนตายาวงอนของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ดูๆแล้วเธอช่างเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากเหลือเกิน…
ถิงเจว๋ดึงเธอนั่งลงบนตักของเขา ดวงตาของเขาเหมือนหลุมดำที่หมุนรอบตัวเธอ และเขาถามว่า “คุณจำสิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้ได้แล้วใช่ไหม?”
“จำได้ค่ะ” เธอยังรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตของเขาที่ยังหลงเหลืออยู่ เธอไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังเขา
ขณะที่เธอนั่งลงบนตักของเขา จู่ ๆ เธอก็กระโดดขึ้นราวกับว่าเธอถูกไฟฟ้าช็อต เธอรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาทันที
เธออยากจะร้องไห้อีกครั้ง
ถิงเจว๋ไม่ได้จะบังคับเธอ เขาแค่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่าร้องไห้เลยนะ”
เสี่ยเหมียนกลับยิ่งรู้สึกอายมากกว่าเดิม ‘คุณตีฉันเต็มแรงแล้วตอนนี้มาบอกให้ฉันอย่าร้องไห้?’
ถิงเจว๋ พูดต่อว่า “ถ้าคุณร้องไห้ ผมจะรู้สึกเหมือนคุณกำลังยั่วยวนผมอยู่”
‘คนสารเลว!’
เสี่ยเหมียนคิดในใจ แต่ครั้งนี้เธอกลั้นใจและไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ถิงเจว๋รู้สึกว่าท่าทีประหม่าของเธอในตอนนี้ยิ่งทำให้เธอดูน่าดึงดูดมากขึ้นไปอีก ‘บางทีฉันน่าจะแกล้งเธอมากกว่านี้สักหน่อย’ เขาคิดแล้วปล่อยมือของเธอ เสี่ยเหมียนถือโอกาสนี้หนีออกจากอ้อมแขนของเขา แล้วไปนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของเตียง
แล้วเธอก็รู้สึกเจ็บมากตรงที่ที่เขาตี เธอหน้านิ่วคิ้วขมวด
‘บวมแน่เลย’ เธอคิดโดยไม่ต้องมองมันเลย ‘คุณถิงเจว๋ทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง? เขานี่โรคจิตจริง!’
ถิงเจว๋ไม่รู้ว่าเสี่ยเหมียนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาไม่ได้ห้ามเธอไม่ให้วิ่งหนีเขาไป เขาเพียงแค่มองไปที่เธอพลางคิดว่าเขาทำกับเธอมากเกินไปหรือเปล่า
“เจ็บมั้ย?”
‘แน่นอนว่ามันต้องเจ็บ!’
เสี่ยเหมียนได้แต่ร้องไห้ในใจ พลางพยักหน้าตอบกลับ
“เจ็บแล้วถึงรู้จักจำ” ถิงเจว๋พูดเพื่อสงบสติอารมณ์ที่ถูกเธอยั่ว เขายืนขึ้น จัดเสื้อผ้าของเขาและสั่งเธอว่า “ผมจะลงโทษคุณแบบนี้อีก ถ้าหากคุณไม่เชื่อฟังผม”
‘ทำไมอ่ะ? ฉันไม่ใช่ทาสของคุณซะหน่อย!’
เสี่ยเหมียนเงยหน้าขึ้นและมองที่ถิงเจว๋ ก่อนที่จะถูกกดดันด้วยสายตาอันเฉียบคมของเขา ในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้ เธอบ่นเหมือนเด็กไร้เดียงสา “โอเค”
‘มันก็แค่เรื่องโกหก ฉันจำเป็นต้องตอบแบบนี้ไปก่อนตอนนี้ ฉันไม่ได้จะเชื่อฟังเขาจริงๆซะหน่อย!’ เธอได้แต่บอกตัวเอง
“คุณเกลียดผมไหม?”
“ไม่เลยค่ะ ไม่สักนิดเลย” เสี่ยเหมียนตอบ ตอบตรงข้ามกับสิ่งที่เธอคิด
ถิงเจว๋ฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหู เขารู้ดีว่าเสี่ยเหมียนโกหกว่าไม่ได้เกลียดเขา แต่เขาก็ยังชอบที่จะได้ยินแบบนั้นอยู่ดี
เขามองดูที่นาฬิกาของเขา มันดึกแล้ว และเขามีเรื่องสำคัญที่จะต้องจัดการ
ถิงเจว๋เป็นผู้ชายประเภทที่มีหลักการว่าเรื่องงานมาก่อนเรื่องผู้หญิง
“พักผ่อนเถอะ” เขาพูดกับเสี่ยเหมียน
ไม่ต้องบอกว่าเสี่ยเหมียนดีใจขนาดไหนที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น แต่จู่ ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่โยว่หงพูดเอาไว้ก่อนจะจากไป เธอจึงรีบพูดกับถิงเจว๋ว่า “เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณถิงเจว๋!”
ถิงเจว๋หยุดเดิน เขาหันกลับมามองที่เสี่ยเหมียนที่ค่อยๆคลานลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า เขาเลิกคิ้วขึ้นและถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยม “หืม ? คุณอยากให้ผมอยู่ต่อกับคุณเหรอ?”